post

วิเคราะห์บิ๊กแมตช์ “ลิเวอร์พูล” ปะทะ “เลสเตอร์” ศึกพรีเมียร์ลีก

Football-246

“หงส์แดง”ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ในศึกพรีเมียร์ลีก คู่บิ๊กแมตช์ คืนนี้ (5 ต.ค.) เวลา 21.00 น.

ความเคลื่อนไหวศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 ประจำวันเสาร์ที่ 5 ต.ค. เกมไฮไลต์อยู่ที่สนามแอนฟิลด์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 3 เริ่มแข่ง 21.00 น. 

เกมนี้ เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ตั้งเป้าพาทีมเก็บชัยชนะในลีก 8 นัดติดต่อกัน เพื่อเก็บ 3 คะแนนและทำแต้มหนี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อไป เกมนี้ต้องลุ้นว่า โจเอล มาติป จะฟิตทันหรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็เป็น โจ โกเมซ คุมแนวรับคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ส่วน 3 ประสานแนวรุกทั้ง ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต เฟอร์มิโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมล่าตาข่าย

ขณะที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ ซิตี้ เกมลีกนัดที่แล้วระเบิดฟอร์มโหด ถล่มนิวคาสเซิล 5-0 ความมั่นใจสูงลิบ คราวนี้บุกแอนฟิลด์หวังมีแต้มกลับไปแน่นอน แถมได้ข่าวดี เจมส์ แมดดิสัน พร้อมลงปั้นเกมรุก มี เจมี วาร์ดี คอยลั่นสกอร์

สถิติพบกัน 5 ครั้งหลังสุดในพรีเมียร์ลีก: ลิเวอร์พูล ชนะ 3 ครั้งเสเตอร์ ชนะ 1 ครั้ง เสมอกัน 1 ครั้ง

วิเคราะห์: แมตช์นี้น่าดูมาก เป็นบอลเกมรุกทั้งสองทีม เกมนี้ถ้าลิเวอร์พูลไม่สามารถส่ง โจเอล มาติป ลงสนามได้ มีปัญหาแน่นอนเพราะ โจ โกเมซ ฟอร์มไม่ดีในในนัดล่าสุด แถม วาร์ดี ของเลสเตอร์ก็ฟอร์มกำลังเข้าฝัก ให้ ฟาน ไดค์ แบกคนเดียวเหนื่อยแน่ อย่างไรก็ตามเกมนุกของหงส์แดงยังไว้ใจได้เสมอ ส่วน เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ แมดดิสัน กลับมาทำให้แนวรุกโหดขึ้นกว่าเดิม ส่วนเกมรับก็อยู่ในฟอร์มที่ดี คาดว่าโอกาสจบลงที่ผลเสมอมีสูงมาก

ทำนายผลแข่ง: ลิเวอร์พูล เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-2

post

หงส์ไม่ง่าย!เกร็ดน่าสนใจเกมลิเวอร์พูลเยือนเชฟฯยูไนเต็ด

Football-224

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก มีโอกาสดีที่จะยืดสถิติชนะรวด 100% ออกไปเป็นเกมที่ 7 เพราะคืนวันเสาร์ที่ 28 กันยายนนี้ ลูกทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีโปรแกรมบุกไปเยือนทีมน้องใหม่อย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่สังเวียนแข้ง บรามอลล์ เลน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากย้อนดูสถิติที่ผ่านมา นี่คือสนามที่ไม่ง่ายเลยสำหรับ ลิเวอร์พูล และข้างล่างนี้คือเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ รวมถึงสถิติที่น่าสนใจก่อนเกมนี้

    * เฮด-ทู-เฮด *

    – เชฟฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เจอกับ ลิเวอร์พูล ที่ บรามอลล์ เลน (รวมทุกรายการ) มาตั้งแต่เกม พรีเมียร์ลีก นัดเปิดซีซั่น 2006/07 ซึ่งเกมดังกล่าวจบลงด้วยการเจ๊า 1-1

    – ลิเวอร์พูล ไม่เคยบุกไปเอาชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด ในเกม พรีเมียร์ลีก ได้เลย จากการดวลกันทั้งหมด 3 ครั้ง (เสมอ 2 แพ้ 1) แถมยิงได้แค่ประตูเดียว

    – บรามอลล์ เลน เป็นเพียงหนึ่งในสามสนามที่ ลิเวอร์พูล ไม่เคยบุกไปเก็บชัยชนะในศึก พรีเมียร์ลีก ได้เลย ส่วนอีกสองแห่งคือ ซิตี้ กราวด์ ของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (5 เกม) และ บลูมฟิลด์ โร้ด ของ แบล็คพูล (1 เกม)

    – ครั้งสุดท้ายที่ “หงส์แดง” บุกไปเอาชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด ต้องย้อนกลับไปยาวๆ ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 1990 ซึ่งครั้งนั้น ลิเวอร์พูล คว้าชัยด้วยสกอร์ 3-1 (สมัยเป็น ดิวิชั่น 1) จากประตูของ จอห์น บาร์นส์, เรย์ เฮาจ์ตัน และ เอียน รัช

Football-225

    * เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด *

    – “ดาบคู่” ลุ้นคว้าชัยเกม พรีเมียร์ลีก สองนัดติด ซึ่งถ้าทำได้ก็จะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006

    – อย่างไรก็ตาม ถ้าแพ้ ก็จะถือเป็นการปราชัยคาบ้านในเกมลีกสูงสุด 3 นัดติดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1990

    – ทั้ง 7 ประตูที่ เชฟฯ ยูไนเต็ด ทำได้ในศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ มาจากการทำโดยนักเตะ 7 คน (รวมทั้ง 2 ประตูจากโอว์นโกล)

Football-226

     * ลิเวอร์พูล *

    – ถ้าเก็บชัยชนะในเกมวันเสาร์นี้ได้ “หงส์แดง” จะกลายเป็นทีมที่สองในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่คว้าชัยรวดใน 7 เกมแรกของฤดูกาล ต่อจาก เชลซี ในซีซั่น 2005/06 (ซีซั่นดังกล่าว เชลซี คว้าชัยรวดใน 9 เกมแรก และจบลงด้วยการคว้าแชมป์)

    – อย่างไรก็ตาม ครั้งสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล เฮรวดใน 7 เกมแรกของฤดูกาล ต้องย้อนกลับไปในสมัยที่เป็น ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1990/91 ซึ่งซีซั่นดังกล่าว “หงส์แดง” คว้าชัยรวดใน 8 เกมแรก แต่สุดท้ายจบด้วยการเป็นแค่ “รองแชมป์” (อาร์เซน่อล ซิวแชมป์)

     – ลิเวอร์พูล คว้าชัยรวด 12 เกมหลังสุด ที่เจอกับทีมน้องใหม่ในศึก พรีเมียร์ลีก แถมกดไปถึง 35 ประตู และเสียแค่ 4 ลูกในช่วงดังกล่าว

    – ลิเวอร์พูล ไม่แพ้เกมลีกมา 23 นัดติดต่อกันแล้ว ซึ่งถือเป็นสถิติดีสุดของสโมสร นับตั้งแต่ที่เคยไร้พ่าย 31 เกมติดสมัยเป็น ดิวิชั่น 1 ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม ปี 1987 ถึงเดือนมีนาคม ปี 1988

    – นอกจากนี้ “หงส์แดง” ยังมีสถิติชนะรวดในเกม พรีเมียร์ลีก 15 นัดหลังสุดด้วย แต่ยังคงตามหลังสถิติสูงสุดที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยทำไว้ 18 นัดติด ช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม ถึง ธันวาคม ปี 2017

    – เชฟฯ ยูไนเต็ด จะเป็นทีมคู่แข่งรายที่ 24 ที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงตัวเก่ง ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้เผชิญหน้าในศึก พรีเมียร์ลีก โดย 23 ทีมที่ ซาลาห์ เจอมาก่อนหน้านี้ มีแค่ สวอนซี ซิตี้ (2 เกม) กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4 เกม) เท่านั้น ที่เจ้าตัวไม่เคยทำประตูได้

post

สื่อดังเผยลิเวอร์พูลใช้ไนกี้ พร้อมแย้มสีเสื้อเยือนใหม่ปีหน้า

Football-223

ฟุตตี้เฮดไลน์ส สื่อด้านผลิตภัณฑ์วงการฟุตบอลชื่อดัง ระบุ ในซีซั่นหน้า ลิเวอร์พูล จะใช้ชุดแข่งของ ไนกี้ แน่นอน โดยที่ นิว บาลานซ์ ยื่นเรื่องร้องเรียนก็เป็นเพราะต้องการค่าชดเชยเท่านั้น แถมยังบอกอีกว่าชุดเยือนในฤดูกาล 2020-21 ของ ลิเวอร์พูล จะเป็นสีเขียว

    ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเปลี่ยนไปใช้ชุดแข่งของ ไนกี้ บริษัทผลิตภัณฑ์ด้านกีฬายักษ์ใหญ่อย่างแน่นอน ในฤดูกาลหน้า แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการเปิดเผยว่า นิว บาลานซ์ สปอนเซอร์ด้านชุดแข่งเจ้าปัจจุบันของ “หงส์แดง” ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้อง ลิเวอร์พูล ก็ตาม จากการรายงานของ ฟุตตี้เฮดไลน์ส สื่อด้านผลิตภัณฑ์วงการฟุตบอลที่มีความน่าเชื่อถือสูง

    ด้วยความที่สัญญาระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ นิว บาลานซ์ จะหมดลงในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า ทำให้ช่วงที่ผ่านมายอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ มีข่าวเจรจากับบริษัทผลิตภัณฑ์กีฬาชื่อดังหลายเจ้า เพื่อที่จะทำสัญญาด้านชุดแข่งกัน ซึ่ง ไนกี้ ก็ถูกมองว่าเป็นเต็ง 1 ที่จะได้ทำสัญญากับ ลิเวอร์พูล หลังจากบริษัทดังกล่าวเสนอเงินให้มหาศาลจนถึงขนาดที่สื่อบางรายบอกว่าจะทำลายสถิติด้านสัญญาชุดแข่งใน พรีเมียร์ลีก เลย โดยปัจจุบันสถิติดังกล่าวเป็นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้เงินจาก อาดิดาส ฤดูกาลละ 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,850 ล้านบาท)

    ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ดีลระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ไนกี้ มันดูเหมือนว่าจะเรียบร้อยแบบไร้ดราม่า หลังจากที่ว่ากันว่าทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงแบบปากเปล่าแล้ว เหลือเพียงรอให้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ทาง นิว บาลานซ์ ก็ตัดสินใจดำเนินคดีทางกฎหมายกับ ลิเวอร์พูล ผ่านทางศาลสูง โดยเชื่อกันว่าสัญญาฉบับปัจจุบันระหว่าง นิว บาลานซ์ กับ ลิเวอร์พูล มีเงื่อนไขด้วยว่า นิว บาลานซ์ มีสิทธิ์ที่จะให้ข้อเสนอเท่ากับข้อเสนอสูงสุดของเจ้าอื่น เพื่อที่พวกเขาจะได้มีโอกาสสูงในการเป็นพันธมิตรกับ ลิเวอร์พูล ต่อ

    อย่างไรก็ตาม ฟุตตี้เฮดไลน์ส เปิดเผยว่าการฟ้องร้องของ นิว บาลานซ์ มันน่าจะเป็นเพียงการเรียกร้องค่าชดเชยเท่านั้น ไม่ใช่การเดินเรื่องเพื่อที่จะได้เป็นคนทำชุดแข่งให้ ลิเวอร์พูล ต่อ โดยสื่อเจ้าดังกล่าวถึงขนาดบอกด้วยว่า ไนกี้ กำหนดได้แล้วว่าในฤดูกาลหน้าชุดเยือนของ ลิเวอร์พูล จะใช้สีเขียวอ่อน โดยมันจะเป็นการสื่อถึงชุดเยือนช่วงทศวรรษ 90 ของยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ ที่ใช้สีเขียวเหมือนกัน โดยตอนนั้น ลิเวอร์พูล ใช้เสื้อของ อาดิดาส

    ถึงกระนั้น มันก็ยังไม่มีภาพแม่แบบหลุดออกมาแต่อย่างใด และถึงแม้มันจะมีโอกาสที่ ไนกี้ อาจจะเปลี่ยนไปใช้สีเขียวเข้มในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายก่อนการผลิต แต่มันก็ดูมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเป็นอย่างนั้น เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ชุดเหย้าของ ลิเวอร์พูล ใช้สีแดงเข้มอยู่แล้ว ขณะที่ถ้าชุดเยือนของ ลิเวอร์พูล ใช้สีเขียวจริงๆ มันก็จะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008-09 ที่ ลิเวอร์พูล เอาสีเขียวมาเป็นชุดแข่ง โดยในซีซั่นนั้นชุดสีเขียวเป็นชุดแข่งแบบที่สามของทีม

    นอกจากนี้ มันก็ยังไม่ชัวร์ว่า ไนกี้ จะยังใช้โลโก้ทีมบนชุดแข่งเป็นรูปไลเวอร์เบิร์ดเพียวๆ เหมือนชุดของ นิว บาลานซ์ กับ วอร์ริเออร์ หรือจะกลับไปใช้ตราสโมสรแบบเต็มยศเหมือนสมัยที่ ลิเวอร์พูล ใช้ชุดแข่งของ อาดิดาส ด้วย

post

เดือด!ลิเวอร์พูลขอเฮ6นัดติด ‘ซาลาห์’ พร้อมซัด,เชลซียิ้ม ‘ก็องเต้’ คืนทัพล่า

Football-212

คู่เดือดประจำวัน…”หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงลุ้นคว้าชัย 6 นัดรวดโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมลงลั่นไกเกมเยือนถิ่น “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หายเจ็บพร้อมลงช่วยปิดสกอร์ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 และ ID Station, เวลา : 22.30 น.

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ สิงโตน้ำเงินคราม พาทีมไม่แพ้ใครในลีกมา 4 เกมติดต่อกัน ทว่าเมื่อกลางสัปดาห์ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาสะดุดแพ้ บาเลนเซีย 0-1 คาบ้านของตัวเอง

    ส่วนในลีกเมื่อสัปดาห์ก่อนโชว์ฟอร์มได้สุดยอดด้วยการบุกถล่ม วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 จาก แฮต-ทริกของ แทมมี่ อับราฮัม

    เชลซี ต้องลุ้นความฟิตของ เมสัน เมาน์ต ตัวรุกคนสำคัญที่เจ็บข้อเท้าจากเกม ชปล.เมื่อกลางสัปดาห์

    ข่าวดีก็คือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หายเจ็บและซ้อมได้เต็มที่แล้วน่าจะลงเล่นเกมนี้ได้เลย ทว่า เอเมอร์สัน ที่เจ็บต้นขายังลงไม่ได้เช่นเดิม

    เช่นเดียวกับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย (เอ็นร้อยหวาย) และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค (น่อง) ยังไม่พร้อมทั้งคู่

    ฟาก เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงพาทีมออกสตาร์ตด้วยชัยชนะ 5 เกมติดต่อกัน โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนเปิดรัง แอนฟิลด์ ถล่ม นิวคาสเซิ่ล ไป 3-1

    อย่างไรก็ตามใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาออกไปแพ้ให้กับ นาโปลี 0-2 ที่ อิตาลี

    ดีว็อค โอริกี้ กองหน้าเบลเยี่ยมมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าไม่น่าจะมีชื่อในเกมนี้

    นาบี เกอิต้า ผู้เล่นมิดฟิลด์กลับมาซ้อมได้เต็มที่แล้ว ขณะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ โกล์มือ 1 และ เนธาเนี่ยล ไคลน์ ยังคงไม่พร้อมสำหรับเกมนี้เช่นเคย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
    เชลซี (3-4-2-1) : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า – อันโตนิโอ รือดิเกอร์, อันเดรส คริสเตนเซ่น, ฟิคาโย่ โทโมริ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ – วิลเลี่ยน, เมสัน เมาน์ต (คริสเตียน พูลิซิช) – แทมมี่ อับราฮัม
    ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด

    ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติ๊ป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่
    ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

    ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– เชลซี ชนะเวลาเจอทีมจ่าฝูง ณ วันนั้น 18 ครั้งมากสุดในลีก
– เกมเชลซีลงสนามีการทำประตู 22 ลูก สูงสุดลีกร่วมกับ แมนฯ ซิตี้
– เชลซี เสีย 11 ประตูในลีกซีซั่นนี้ มีเพียง นอริช (12) ที่เสียมากกว่า
– เชลซี ยังเก็บคลีนชีตไม่ได้เลยตลอดทั้ง 6 นัดรวมทุกรายการซีซั่นนี้
– เชลซี ไม่ชนะใน 3 เกมหย้าซีซั่นนี้เป็นสถิติแย่สุดตั้งแต่ตอนอยู่ดิวิชั่น 2 (เดิม) ซีซั่น 198-89
– ลิเวอร์พูล หวังเป็นทีมแรกที่เปิดหัวชนะรวด 6 เกมลีก สองฤดูกาลติดต่อกัน
– ลิเวอร์พูล ชนะเกมลีก 14 นัดติดต่อกัน เป็นสถิติสโมสรและตามหลังสถิติลีกที่ แมนฯ ซิตี้ ทำไว้ 18 นัด เดือนธันวาคม 2017
– ลิเวอร์พูล แพ้หนเดียวจาก 44 เกมพรีเมียร์ลีกหลังสุด (ชนะ 36 เสมอ 7)
– ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไร้พ่ายในลีก 22 นัดติดต่อกันเป็นสถิติสโมสร (ชนะ 18 เสมอ 4)
– ลิเวอร์พูล ชนะหนเดียวจาก 12 เกมลีกนอกบ้านหลังสุดที่พบทีมบิ๊กซิกซ์ (เสมอ 6 แพ้ 5)
– ลิเวอร์พูล ขึ้นนำตอนพักครึ่ง และชนะตอนครบ 90 นาทีทั้ง 5 เกมลีกซีซั่นนี้
– ซาดิโอ มาเน่ ยิงไปแล้ว 49 ประตูจาก 97 เกมพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล


ผลการพบกันที่ผ่านมา
วันเดือน/ปี รายการ ผลการแข่งขัน

15/08/19    ซูเปอร์คัพ    ลิเวอร์พูล     2-2 เชลซี
14/04/19    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    2-0 เชลซี
29/09/18    พรีเมียร์ลีก    เชลซี    1-1 ลิเวอร์พูล
27/09/18    ลีก คัพ    ลิเวอร์พูล    1-2 เชลซี
06/05/18    พรีเมียร์ลีก    เชลซี    1-0 ลิเวอร์พูล
26/11/17    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    1-1 เชลซี

ผลงาน 5 นัดหลัง
เชลซี
17/09/19    แพ้ บาเลนเซีย 0-1 (เหย้า) ชปล.
14/09/19    ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
31/08/19    เสมอ เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
24/08/19    ชนะ นอริช ซิตี้ 3-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
18/08/19    เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก

ลิเวอร์พูล
17/09/19    แพ้ นาโปลี 0-2 (เยือน) ชปล.
14/09/19    ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
31/08/19    ชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
24/08/19    ชนะ อาร์เซน่อล 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
17/08/19    ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

post

นาโปลี 2-0 ลิเวอร์พูล : 5 ประเด็นที่เราเรียนรู้หลังเกม

Football-171

5. เมเร็ต สวมบทพระเอก

Football-172

อเล็กซ์ เมเร็ต งัดเซฟสำคัญช่วยทีมไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะกับช็อตที่ช่วยชีวิตของ คาสตอส มาโนลาส ที่ทำบอลลั่นไปเข้าทางของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำให้สกอร์ยังคงเป็น 0-0 ก่อนที่ นาโปลี จะได้ 2 ประตูในช่วงท้ายเกมคว้าชัยชนะไปได้ในที่สุด

4. อาเดรียน ไม่น้อยหน้า

Football-173

แม้ว่า นาโปลี จะเป็นฝ่ายได้ 2 ประตูในช่วงท้ายเกมทำให้พวกเขาเอาชนะไปได้แต่การป้องกันที่โดดเด่นของ อาเดรียน ทำให้พวกเขายังสามารถรักษาสกอร์ไว้ที่ 0-0 อยู่ได้กว่า 80 นาทีโดยเฉพาะการบินปัดมือเดียวช็อตแท็ปอินของ เมอร์เทนส์ น่าเสียดายที่เจ้าตัวต้องถูกลูกจุดโทษเล่นงานต่อด้วยความผิดพลาดของแนวรับที่มอบของขวัญให้กับ เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

3. สถิติของ หงส์แดง

Football-174

ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมแชมป์เก่าในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สโมสรแรกที่ปราชัยในนัดประเดิมสนามของซีซันใหม่ต่อจาก เอซี มิลาน ในฤดูกาล 1994/95

หงส์แดง ยังสามารถรักษาคลีนชีทได้เพียง 1 เกมจาก 8 นัดที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้อีกด้วย

2. เมอร์เทนส์ วูบวาบ

Football-175

ดรีส์ เมอร์เทนส์ พังประตูที่ 11 ของเจ้าตัวในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนที่พวกเขาจะคว้าชัยได้สำเร็จ เจ้าตัวยังเป็นคงฉกลูกจ่ายของ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บก่อนผ่านต่อให้ เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ยิงตอกฝาโลงรวมทั้งยังมีส่วนกับการสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของ หงส์แดง ตลอดทั้งเกมนี้อีกด้วย

1. ซาลาห์ ไร้ประตูในเกมเยือนอีกครั้ง

Football-176

โอกาสของทั้ง 2 ทีมในเกมนี้มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ยเมื่อต่างฝ่ายต่างระวังหลังบ้านกันสุดฤทธิ์โดย ซาลาห์ ไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสให้กับทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทีมได้ดีพอเมื่อเทียบกับมาตรฐานของเจ้าตัวเมื่อเจอกับแนวรับของ นาโปลี ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถยิงประตูในการเล่นเป็นทีมเยือนมา 3 เกมติดต่อกันเข้าไปแล้วในฤดูกาลนี้

post

อดีตแข้งลิเวอร์พูลมั่นใจค่าตัวซาลาห์,มาเน่สูงลิบแน่นอน

Football-147

จอห์น อัลดริดจ์ อดีตศูนย์หน้า ลิเวอร์พูล มั่นใจ ถ้าหาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ ซาดิโอ มาเน่ ย้ายออกจาก “หงส์แดง” ทั้งคู่ก็น่าจะมีค่าตัวสูงกว่า 100 ล้านปอนด์ พร้อมชี้ รายของ มาเน่ ต้องชม เจอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานที่ฝึกเจ้าตัวได้ดีจนกลายเป็นเครื่องจักรถล่มประตูแล้ว

    มาเน่ ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2016 ด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,292 ล้านบาท) ขณะที่ ซาลาห์ เข้ารั้ว แอนฟิลด์ ในอีก 1 ปีต่อมา หลังจากทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จ่ายค่าตัวไปรวมแล้ว 50 ล้านยูโร (ประมาณ 1,700 ล้านบาท) และทั้งคู่ก็กลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของ ลิเวอร์พูล หลังจากพวกเขาทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แถมซีซั่นก่อนก็พาทีมได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครองด้วย

    อัลดริดจ์ กล่าวผ่านคอลัมน์ของเขาใน ไอริช อินเดเพนเดนท์ สื่อของประเทศาธารณรัฐไอร์แลนด์ว่า “มาเน่ เป็นเพียงนักเตะที่คนยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในตอนที่ ลิเวอร์พูล คว้าตัวเขามาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2016 ถึงแม้ว่าเขาจะมีความเร็วที่ยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ คล็อปป์ กับทีมสตาฟฟ์ของเขาก็ฝึกเขาเป็นอย่างดีจนทำให้เขากลายเป็นจอมถล่มประตูชั้นยอดในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา”

    “เขาเป็นคนที่มีลุ้นทำประตูให้ทีมได้ทุกเมื่อเหมือนกับ ซาลาห์ ไปแล้ว และถ้า ลิเวอร์พูล ตัดสินใจที่จะขายใครสักคน พวกเขาก็น่าจะมีค่าตัวเกิน 100 ล้านปอนด์แบบสบายๆ แต่แน่นอนว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นน่ะนะ! (หมายถึงเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ไม่มีวันประกาศขายทั้งคู่)”

post

จ่าฝูงไร้พ่าย!! “ลิเวอร์พูล” เปิดบ้านอัด “นิวคาสเซิล” 3-1 ทำสถิติชนะ 5 นัดรวด!!

Football-89

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน ลิเวอร์พูล เปิด สนามแอนฟิลด์ เอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปได้ 3-1

โดยเกมนี้ครึ่งแรกเป็นทางทีมเยือน สาลิกาดง ที่ออกนำไปก่อน 0-1 จาก เยโทร วิลเลมส์ นาทีที่ 7 ต่อมาเจ้าบ้าน หงส์แดง ได้ประตูตีเสมอ 1-1 จาก ซาดิโอ มาเน่ นาทีที่ 27 และ ลิเวอร์พูล พลิกขึ้นนำ 2-1 ในนาทีที่ 40 จากซาดิโอ มาเน่ คนเดิม จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ นิวคาสเซิล 2-1

ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล มาได้ประตูปิดท้าย เป็น 3-1 จากจังหวะที่ ฟีร์มิโน แทงทะลุให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงมุมแคบด้วยซ้ายเข้าประตูไป นาทีที่ 72

จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปได้ 3-1 ทำให้ ลิเวอร์พูล คว้าชัยในลีกซีซั่นนี้ 5 เกมรวด และนัดที่ 14 ในลีกติดต่อกัน ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงต่อไปมี 15 แต้มเต็ม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : อาเดรียน,แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน,เวอร์จิล ฟาน ไดค์,โจเอล มาติป,เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,จินี่ ไวจ์นัลดุม (เซอร์ดาน ชาคิรี่ น.83),ฟาบินโญ่,อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (เจมส์ มิลเนอร์ น.75),โม ซาลาห์,ซาดิโอ มาเน่,ดิว็อค โอริกี้ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.37)

นิวคาสเซิล : มาร์ติน ดูบราฟก้า,เยโทร วิลเลมส์,พอล ดัมเม็ต,จามาล ลาสเซลล์,ฟาเบียน ชาร์ (เฟเดริโก้ เฟอร์นันเดซ น.80),เอมิล คราฟต์ (ฆาบี มันกีโญ่ น.67),มิเกล อัลมิรอน (โยชิโนริ มุโตะ น.67),จอนโจ เชลวีย์,ไอแซค เฮย์เดน,คริสเตียน อัตซู,โจลินตัน

Football-90
Football-91
Football-93

ผมกลับมาแล้ว! เผย “เกอิตา” พร้อมคืนสนามช่วย หงส์แดง ฉะ สาลิกาดง

Football-64

​นาบี เกอิตา กองกลาง ลิเวอร์พูล รองแชมป์เก่าแห่งศึก พรีเมียร์ลีก จะสามารถกลับมาช่วยทีมลงสนามได้อีกครั้งหลังช่วงเบรกทีมชาตินี้ตามรายงานของ ดิ เอ็กซ์เพรซ

โดย เกอิตา ได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่ช่วงที่ไปช่วยทีมชาติ กินี ทำศึกแอฟริกันคัพออฟเนชันส์แล้ว และยังไม่ได้ช่วย หงส์แดง เลยในฤดูกาลนี้

แต่จากรายงานก็เชื่อว่านักเตะวัย 24 จะสามารถกลับมาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในเกมที่จะเจอกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด วันเสาร์นี้ได้เลย

อย่างไรก็ตามแม้ เกอิตา จะหายทันจริงๆ แต่เขาเองก็ยังคงต้องเรียกแมตช์ฟิตเนตไปซักพักก่อนจะเบียดลงสนามให้ หงส์แดง ที่เปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก อย่างสวยงามด้วยการเอาชนะมาทุกนัดได้

ส่วนผู้เล่นคนสำคัญอีกหนึ่งรายอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก็ยังไม่มีกำหนดกลับมาจากอาการบาดเจ็บที่น่องหลังเพิ่งลงช่วยทีมไปแค่นัดเปิดฤดูกาลเท่านั้น

​นาบี เกอิตา กองกลาง ลิเวอร์พูล รองแชมป์เก่าแห่งศึก พรีเมียร์ลีก จะสามารถกลับมาช่วยทีมลงสนามได้อีกครั้งหลังช่วงเบรกทีมชาตินี้ตามรายงานของ ดิ เอ็กซ์เพรซ

โดย เกอิตา ได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่ช่วงที่ไปช่วยทีมชาติ กินี ทำศึกแอฟริกันคัพออฟเนชันส์แล้ว และยังไม่ได้ช่วย หงส์แดง เลยในฤดูกาลนี้

แต่จากรายงานก็เชื่อว่านักเตะวัย 24 จะสามารถกลับมาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในเกมที่จะเจอกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด วันเสาร์นี้ได้เลย

อย่างไรก็ตามแม้ เกอิตา จะหายทันจริงๆ แต่เขาเองก็ยังคงต้องเรียกแมตช์ฟิตเนตไปซักพักก่อนจะเบียดลงสนามให้ หงส์แดง ที่เปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก อย่างสวยงามด้วยการเอาชนะมาทุกนัดได้

ส่วนผู้เล่นคนสำคัญอีกหนึ่งรายอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก็ยังไม่มีกำหนดกลับมาจากอาการบาดเจ็บที่น่องหลังเพิ่งลงช่วยทีมไปแค่นัดเปิดฤดูกาลเท่านั้น