post

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ “เยลโล่ วอลล์” กับเหตุผลที่ทำให้เป็นสโมสรที่เจ๋งที่สุดในโลก

Football-135

เมื่อวันพุธที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือ “ยูฟ่า” เลือกให้สโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รับรางวัล “Equal Game Award” ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับสโมสรที่เป็นตัวอย่างที่ดีในแง่ของการสนับสนุนความเท่าเทียมเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน  

หากถามว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ทีมฟุตบอลทีมหนึ่งจะเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงด้วยฟอร์มการเล่นและบรรยากาศภายในทีมได้นั้น สิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนสิ่งหนึ่งคือ “แฟนบอล” อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งประเทศเยอรมัน คือหนึ่งในประเทศที่ฟุตบอลเป็นหนึ่งเดียวกับท้องถิ่นอย่างแท้จริง

และทีมที่โลกกล่าวขานว่ามีแฟนฟุตบอลที่ดีที่สุดอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือหนึ่งในข้อพิสูจน์จากเรื่องนี้อย่างมิอาจปฏิเสธได้

“เสือเหลือง” ไม่ใช่ทีมที่เก่งที่สุดและประสบความสำเร็จทุกปี ซ้ำยังเคยมีช่วงเวลาเลวร้ายที่เกือบแก้ไขไม่ได้ ทว่าสุดท้ายแล้วการรวมเป็นหนึ่งระหว่างสโมสรกับท้องถิ่นทำให้พวกเขากลับมามีลมหายใจและสร้างทีมใหม่จนแข็งแกร่งได้ในปัจจุบัน

และนี่คือเรื่องราวของ “เยลโล่ วอลล์” กำแพงสีเหลืองที่แข็งแกร่งที่สุดโลก อะไรทำให้มันเป็นเช่นนั้น ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่นี่

ทีมที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลก

เรื่องราวระหว่างสโมสรและผู้คนในเมืองของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มีจุดกำเนิดตั้งแต่ช่วงยุค 200 ปีก่อนเลยทีเดียว ในสมัยนั้นมีการสร้างโรงงานเหล็กและเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ขึ้นที่เมืองดอร์ทมุนด์ และเมืองโดยรอบในแคว้นรูห์ร และเมื่อมีงานรองรับ ผู้คนจากทุกสารทิศต่างกาแผนที่ในใจและเลือกจะมาเริ่มชีวิตใหม่ที่เมืองแห่งนี้ จนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชนชั้นแรงงาน 

Football-136

ราว 100 ปีหลังจากนั้นพวกเขาสร้างทีมฟุตบอลขึ้นมาโดยตั้งชื่อว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จุดประสงค์ในการสร้างนั้นไม่ได้มีอะไรที่ยิ่งใหญ่หรือซับซ้อน เพราะพวกเขาแค่จะคิดสร้างทีมฟุตบอลให้พนักงานในโรงงานเหล็กและเหมืองถ่านหินได้มีกิจกรรมออกกำลังกายสำหรับช่วงสุดสัปดาห์ ง่ายๆ สั้นๆ แค่นั้นเลย

การเวลาผ่านไปอีกเกือบ 100 ปี อุตสาหกรรมถ่านหินของเยอรมันถึงคราวล่มสลาย เหมืองแห่งสุดท้ายในแคว้นและของประเทศปิดตัวลงเมื่อปลายปี 2018 แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นของผู้คนในเมืองอยู่คือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่กลายสภาพจากทีมฟุตบอลของแรงงานสู่ทีมที่เป็นศูนย์รวมของชุมชนในทุกสุดสัปดาห์ และรู้ตัวอีกทีการเชียร์ฟุตบอลก็กลายเป็นวัฒนธรรมของที่นี่ไปแล้ว

ทุกครั้งที่ ดอร์ทมุนด์ เล่นเกมเหย้า ว่ากันว่าผู้คนในเมืองจะพร้อมใจกันใส่เสื้อสีดำและสีเหลืองกันทั้งเมืองราวกับผึ้งแตกรัง ทุกตรอกซอกซอยเต็มไปด้วย สติกเกอร์, ป้ายผ้า, ธง และ โลโก้ หากใครเป็นคนนอกและได้สัมผัสบรรยากาศนี้ครั้งแรกคุณอาจจะรู้สึกเหมือนตาบอดสีก็เป็นได้ … เขาว่ากันมาแบบนั้น

Football-137

ข้อชี้นำดังกล่าวตรงกับการเก็บสถิติของ CIES Football Observatory พอดี พวกเขารวบรวสถิติแฟนบอลเข้าชมเกมในสนามจาก 51 ลีกทั่วโลก ในระหว่างปี 2013-18 แล้วพบว่า ทีมเสือเหลืองคือทีมที่มีแฟนบอลเข้ามาเชียร์ในสนามมากที่สุด เฉลี่ยต่อ 1 เกม มากกว่า 80,000 คนเลยทีเดียว 

ตัวเลขทั้งหมดคือข้อมูลปลายทางที่ยืนยันถึงความทรงพลังของแฟนบอลทีมนี้ อย่างไรก็ตามเรื่องราวระหว่างทางต่างหากที่น่าชื่นชมกว่าตัวเลขที่ได้เห็นไป …

คุณให้เรา เราให้คุณ

ในช่วงยุค ’90s คือยุคแห่งความยิ่งใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ พวกเขาสามารถคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 ฤดูกาลติด (1994-95, 1995-96) นอกจากนี้ในฤดูกาล 1996-97 ยังคว้าแชมป์ยุโรปได้อีกด้วย นั่นทำให้พวกเขาอยากจะต่อยอดความยิ่งใหญ่ด้วยการเอาทีมเข้าตลาดหุ้นในปี 2000 ซึ่งถือเป็นทีมแรกในประเทศเยอรมันที่ทำแบบนี้

Football-138

การเข้าตลาดหุ้นทำให้เงินไหลมาเทมา พวกเขาเสริมทัพชุดใหญ่ด้วยนักเตะอย่าง โทมัส โรซิคกี้, แยน โคลเลอร์ และ มาร์ซิโอ อโมโรโซ่ ที่ทำให้ทีมได้แชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 6 ปี (ฤดูกาล 2001-02) อย่างไรก็ตามพวกเขายังไม่พอใจกับความสำเร็จที่ทีมได้เพียงอย่างเดียว ดอร์ทมุนด์ มองไปยังผู้สนับสนุนของพวกเขา และต้องการให้แฟนเข้าสนามมากกว่าเดิม อันนำมาซึ่งการขยาย “เวสฟาเล่น สตาดิโอน” ในอัฒจันทร์โซนทิศใต้ที่ชื่อ “ซุดทริบูน” เพื่อให้แฟนๆ ผู้คลั่งไคล้มีพื้นที่ปลดปล่อยในสนามเหย้า โดยเพิ่มความจุของสแตนด์ฝั่งนี้จาก 13,000 คน เป็น 25,000 ที่นั่ง และอัฒจันทร์แห่งนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของฉายา “เยลโล่ วอลล์” หรือกำแพงสีเหลืองอันเลื่องชื่อ

ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปได้ดี ดอร์ทมุนด์ ขายตั๋วแสนถูกให้แฟนๆ เข้ามาอัดกันเต็มความจุสร้างบรรยากาศเกมเหย้าให้ขนลุกและพร้อมบดขยี้ทุกทีมที่มาเยือน ทว่าความคิดดังกล่าวเป็นการมองโลกด้านเดียว แต่ละปีผ่านไปก็มีความเสี่ยงบางประการเริ่มปรากฎตัวขึ้นทีละน้อยๆ แต่เมื่อประกอบรวมกันแล้วปัญหาเหล่านี้เล่นงานดอร์ทมุนด์เข้าอย่างจัง

ฤดูกาล 2002-03 พวกเขาไม่สามารถป้องกันแชมป์ลีกได้ และยังพลาดคว้าตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ลีกอีกด้วย ที่หนักที่สุดคือธุรกิจถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ทรุดตัวลงแบบไม่ทันให้พวกเขาได้ตั้งหลัก หลังจาก Kirch บริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ประสบปัญหาทางการเงิน ส่งผลให้ดอร์ทมุนด์ขาดสภาพคล่องและประสบกับวิกฤติทางการเงินจนต้องเป็นหนี้ และเริ่มขายสตาร์ดังๆ ออกจากทีม โรซิคกี้, อโมโรโซ่ และคนอื่นๆ คือคนที่โดนขายออกไปทันทีที่ได้ราคา

“ตอนนั้นเราทุกคนกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นแบบสุดๆ ไปเลย” โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ ผู้รักษาประตูที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนานเล่าถึงสถานการณ์ในเวลานั้น

Football-139

“ตอนนั้นผู้เล่นหลายคนได้รับอนุญาตให้ย้ายทีมได้อย่างเต็มที่ และใครที่จะอยู่ต่อก็ต้องช่วยทีมด้วย ตัวผมเองนั้นยอมตัดค่าเหนื่อยตัวเองออกไป 20% ตอนนั้นผู้เล่นในทีมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวทุกคนมีเป้าหมายว่าสโมสรของเราจะต้องรอดและอยู่บนลีกสูงสุดต่อไป”

ดอร์ทมุนด์ เจอพิษการเงินเล่นงานอย่างหนัก พวกเขาเกือบโดนฟ้องล้มละลายจนต้องขาย เวสฟาเล่น สตาดิโอน ให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Molsiris ในปี 2002 เวลานั้นพวกเขาตกต่ำจนต้องขอความช่วยเหลือจาก บาเยิร์น มิวนิค ที่มอบเงินให้ 2 ล้านยูโรเพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้หมุนเวียนเรื่องค่าเหนื่อยนักเตะอีกด้วย

เสือเหลือง เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ เอา ฮันส์ โยอาคิม วัตซ์เค่ เข้ามานั่งแท่นตำแหน่งซีอีโอในปี 2005 และเริ่มซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอจากแรงเสียดทานในความพยายามที่เกินตัวเมื่อครั้งอดีต ทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะการพังตั้งแต่ฐานทำให้การซ่อมแซมต้องถูกเรียกว่ารื้อใหม่ดูแล้วจะเหมาะสมกว่า 

ดอร์ทมุนด์ ต้องกระทำการที่ขัดใจแฟนบอลเป็นอย่างมาก ด้วยการขายชื่อสนามให้กับบริษัทประกันท้องถิ่น เปลี่ยนเป็น ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ในปี 2005 รวมถึงกู้เงินอีก 79 ล้านยูโรจากบริษัท มอร์แกน สแตนลี่ย์ เพื่อนำไปใช้ไถ่ถอนสนามคืนในปี 2006 อย่างไรก็ตาม การยอมขัดใจแฟนๆ ครั้งนี้ (แถมยังต่อสัญญาให้กับ ซิกนัล อิดูน่า ใช้ชื่อแปะสนามยาวๆ ถึงปี 2021 ไปแล้ว) ก็นำมาซึ่งความมั่นคงทางการเงินที่มากขึ้น เพราะหนี้ที่กู้มาเพื่อซื้อสนามคืน อันมีกำหนดชำระคืนภายใน 15 ปีนั้น พวกเขาเคลียร์หมดภายใน 2 ปีเท่านั้น

Football-140

สโมสรทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ ด้านแฟนบอลเองก็ทำในสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้อย่างเต็มที่เช่นกัน …

ฤดูกาล 2006-07 เสือเหลือง ยุคตกต่ำต้องลงไปหนีตกชั้น พวกเขาเปลี่ยนโค้ช 3 คนในซีซั่นเดียว อย่างไรก็ตามสโมสรรอดมาได้เพราะพลังจากแฟนๆ ที่ไม่คิดจะยอมให้ทีมตายง่ายๆ แฟนๆ ของเสือเหลืองสร้างแคมเปญ “We are Borussia” ขึ้นมาเพื่อรวบรวมความช่วยเหลือจากผู้คนในเมือง, บริษัทห้างร้าน หรือแม้แต่หน่วยงานสาธารณะ เพื่อช่วยซ่อมแซมปัญหาการเงินของทีมด้วย และหนึ่งในหนทางที่ทำได้คือการช่วยกันซื้อตั๋วเข้าชมเกมเหย้าให้เต็มความจุกว่า 80,000 ที่นั่งแทบทุกเกม (เกมยุโรปจะลดจำนวนผู้ชมลงเหลือราว 65,000 ที่นั่งเนื่องจากต้องติดตั้งเก้าอี้ตามกฎของยูฟ่า) และอีกประการหนึ่งที่ทำให้แฟนบอลเข้ามาเต็มความจุได้คือตั๋วเข้าชมที่ถูกมาก 

“ทำไมตั๋วถึงถูกเหรอ? ฟุตบอลคือส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คน เราอยากจะเปิดประตูรับทุกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโสมสร เราต้องการแฟนบอล พวกเขาไม่ได้แค่จ่ายเงินค่าตั๋วแต่จ่ายเป็นเสียงเชียร์และกำลังใจด้วย มีช่วงหนึ่งหลายทีมพยายามจะขึ้นแม้แต่ค่าเบียร์ที่ขายภายในสนาม แต่สำหรับดอร์ทมุนด์นั้นไม่มีทางเลย” คาร์สเท่น คราเมอร์ ไดเร็คเตอร์ของสโมสรชี้ชัดถึงอุดมการณ์ของทีม

Football-141

“ในแง่เศรษฐกิจการเพิ่มราคาเบียร์แก้วละ 10 เซนต์จะทำให้คุณได้กำไรมากขึ้นแน่นอน แต่เรามองว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก เราขายเบียร์และได้กำไรในทุกๆ 1 ลิตร อยู่แล้วแม้จะไม่มากมายสำหรับสโมสร แต่มันจะส่งผลกับแฟนบอลโดยตรง เราพยายามคุยกับสปอนเซอร์ของทีมเพื่อให้พวกเขาเข้าใจเรื่องนี้ และมันง่ายกว่าที่จะให้พวกเขาเป็นฝ่ายจ่ายแทนที่จะเรียกร้องจากแฟนบอล”  

การเกื้อกูลกันไม่ได้เป็นเพียงคำพูดสวยหรู แต่ที่นี่มันคือสิ่งที่จับต้องได้ คุณช่วยผม ผมช่วยคุณ ทำให้สโมสรและแฟนบอลต่างมองกันและกันเป็นเหมือนครอบครัว บรรยากาศแบบนี้เองที่กลายเป็นจุดต่อยอดให้คนภายนอกหลงใหลในทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วย

ฟุตบอลคือส่วนหนึ่งของชีวิต 

แฟนบอลของ ดอร์ทมุนด์ จงรักภักดีต่อทีมเป็นอย่างมาก แฟนๆ ของพวกเขาพร้อมจะซื้อรถตัดหญ้าที่ราคาแพงกว่าแบบปกติเพียงเพราะแค่มันมีตราสโมสรติดอยู่ และการมีแฟนบอลที่มอบหัวใจโดยไม่หวังเอากลับคืนให้แบบนี้ทำให้บรรยากาศใน ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค กลายเป็นสังเวียนหนึ่งที่แฟนบอลทั่วโลกอยากจะมาเยือนสังครั้ง

Football-142

ปัจจุบันมีแฟนบอลจากอังกฤษหลักพันคนที่เดินทางมาที่สนามแห่งนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ พวกเขาให้เหตุผลว่าบรรยากาศการเชียร์ของ ดอร์ทมุนด์ นั้นสุดยอดมาก และค่าใช้จ่ายนั้นก็ถูกมากๆ แม้จะต้องนั่งรถไฟ จองที่พัก ค่าตั๋ว และ ค่าเบียร์ ก็ยังใช้เงินแค่ประมาณ 65 ปอนด์เท่านั้น (ค่าตั๋วเฉลี่ยอยู่ที่ 9 ปอนด์) หากเทียบกับที่อังกฤษ บัตรเข้าชมเกมอย่างเดียวก็เกือบ 50 ปอนด์แล้ว 

“ราคาสำหรับชมฟุตบอลที่อังกฤษสูงเกินไป แต่ที่นี่ ดอร์ทมุนด์ ทุกอย่างถูกมาก และยังได้ประสบการณ์ที่ดีกว่าเยอะจากแฟนๆ และบรรยากาศที่เหลือเชื่อ” แจ็ค (สงวนนามสกุล) แฟนคลับของ เชลซี เล่าให้กับสื่ออย่าง BBC ฟัง สิ่งที่ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวยอมเดินทางข้ามประเทศนอกจากจะเป็นสไตล์การเล่นที่ดูสนุกแล้วหลายคนยังยอมรับว่าพวกเขาอยากจะเอาตัวเข้าแทรกไปในบรรยากาศของความโกลาหลในอัฒจันทร์ฝั่งใต้ที่ชื่อว่า “ซุดทรีบูน” ซักครั้งในชีวิต

“ซุดทรีบูน” คืออัฒจันทร์โซนที่เปล่งเสียงดังที่สุดในสนาม แฟนๆ พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองหรือสีดำเพื่อกดดันคู่แข่งตลอดทั้งเกมจนได้ฉายาว่า “เยลโล่ วอลล์” ซึ่งเป็นฝั่งอัฒจันทร์ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยบอกว่าไม่สามารถเอาบรรยากาศในสนามใดในโลกมาเทียบได้แม้กระทั่งแอนฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นสโมสรปัจจุบันของเขาก็ตาม

สิ่งที่สร้างให้เกิดบรรยากาศเช่นนี้เกิดจากหลายสิ่งรวมกัน ดอร์ทมุนด์ ทำในสิ่งที่แตกต่างจากสโมสรอื่นๆ ออกไปอย่างสิ้นเชิง หากเป็นทีมอื่นพวกเขาจะกระตุ้นให้แฟนๆ มีส่วนร่วมกับการชอปปิ้งออนไลน์, อาหารและเครื่องดื่มระหว่างชมเกม รวมถึงการโพสต์ภาพและข้อความลงโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก แต่สำหรับ ดอร์ทมุนด์ ที่นี่ไม่ขายอาหารและเครื่องดื่มระหว่างที่เกมกำลังแข่ง และในระหว่างพักครึ่งพวกเขาจะให้โฆษกสนามเรียกแฟนๆ กลับมาประจำที่ให้ตรงเวลาก่อนครึ่งหลังเริ่มขึ้น และที่สวนทางกับโลกปัจจุบันที่สุดคือ แม้จะมีไวไฟฟรีให้ใช้ แต่ ดอร์ทมุนด์ วางแผนที่จะตัดสัญญาณไวไฟในสนามระหว่างเกม เพื่อให้คนดูได้เก็บมือถือและใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการชมฟุตบอลมากกว่า

Football-143

“เราคือสโมสรฟุตบอล ถ้าเราไม่รันองค์กรด้วยฟุตบอลแล้วล่ะก็ ส่วนของธุรกิจไม่มีทางเกิดขึ้นได้ จริงอยู่ที่ธุรกิจเป็นส่วนหนึ่งของรถไฟขบวนนี้ แต่แน่นอนมันไม่ใช่พลังงานที่ทำให้รถขับเคลื่อนไปข้าหน้าแต่อย่างใด” เครเมอร์ พยายามอธิบายให้ชัดเข้าไปอีก

แม้จะไม่ต้องเมาขึ้นไปเชียร์แต่เสียงเชียร์ของ เยลโล่ วอลล์ ก็ดังสนั่นแบบที่ใครก็ปฎิเสธไม่ได้ หากใครได้ดูการถ่ายทอดสดก็คงจะได้เห็นว่าแฟนบอลของดอร์ทมุนด์ คือแรงขับเคลื่อนให้ทีมเล่นในสไตล์ลุยแหลกและสู้ตายอย่างแท้จริง 

“สนามแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อฟุตบอลและเพื่อแฟนบอลให้มาปลดปล่อยตัวตนของพวกเขา การแข่งขันฟุตบอลยุโรปทุกรายการควรจัดที่นี่” นี่คือสิ่งที่หนังสือพิมพ์ The Times ให้คำจำกัดความความสุดยอดของ ซิกแนล อิดูน่า พาร์ค

มโนหรือเปล่า?

ทุกอย่างดูโลกสวยมากๆ จากคำอธิบายของ เครเมอร์ ที่เป็นผู้จัดการด้านการตลาดของทีมดอร์ทมุนด์ ทว่าในแง่ของตัวเลขล่ะมันเป็นอย่างไร?

Football-144

นับตั้งแต่การเข้ามาบริหารของ ฮันส์ โยอาคิม วัตซ์เค่ ในปี 2005 ดอร์ทมุนด์ เริ่มต้นด้วยการเป็นหนี้ 120 ล้านยูโร และต้องเสียเงินปีละ 17 ล้านยูโรโดยประมาณเพื่อเป็นค่าเช่าสนามของพวกเขาเองที่ได้เอาไปจำนองไว้ นั่นจึงทำให้ช่วงแรกๆ ดอร์ทมุนด์ไม่มีเงินซื้อนักเตะชื่อดัง ทว่าสิ่งเหล่านี้แก้ไขได้

วัตซ์เค่ พลิกวิกฤติทางการเงินจนทีมกลับมาซื้อสนามคืนได้อย่างที่ได้กล่าวไปในช่วงต้น และเริ่มนำเงินไปใช้ทำในสิ่งที่เพิ่มความมั่นคงระยะยาวทั้งศูนย์ฝึกที่ทันสมัยและพัฒนาระบบอะคาเดมี่ที่ยอดเยี่ยม 

“หลังจากที่เราได้สร้างรากฐานกันใหม่เหมือนกับกดปุ่มรีเซ็ต เราเริ่มตั้งเป้าหมายกันว่าสิ่งสำคัญที่สุดหลังจากนี้คือความสำเร็จในด้านการแข่งขันโดยทีเราไม่ต้องเป็นหนี้ เราจะไม่ใช้เงินเยอะ แต่เราจะใช้มันอย่างชาญฉลาด” วัตซ์เค่ กล่าว

ทุกวันนี้ก็เป็นอย่างที่เห็น ดอร์ทมุนด์ ประสบความสำเร็จเท่าที่พวกเขาจะคาดหวังได้ด้วยกำลังทรัพย์ที่มี ขณะที่ในแง่ของธุรกิจตอนนี้ หุ้นของ ดอร์ทมุนด์ ที่เคยมีราคาไม่ถึง 1 ยูโรต่อหุ้น กลับเพิ่มเป็นเกือบ 10 ยูโรต่อหุ้น และมากที่สุดในรอบหลายปี ซึ่งการมีแฟนบอลเป็นส่วนหนึ่งของผู้ถือหุ้นมันยิ่งทำให้เสียงของแฟนบอลมีความหมาย พวกเขาสามารถคานเสียงของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ อย่างเช่นในบางกรณีที่ความเห็นไม่ตรงกัน อาทิ ผู้ถือหุ้นที่เป็นแฟนบอลอยากนำกำไรที่สโมสรได้ไปซื้อนักเตะดังๆ แต่ผู้ถือหุ้นที่เป็นห้างร้านรายใหญ่กลับคิดว่าการซื้อตัวนักเตะดังๆ เก่งๆ เป็นความเสี่ยง ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้ดอร์ทมุนด์มีสมดุลในเรื่องดุลย์อำนาจด้วย

“มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก การมีหุ้นของสโมสรทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม” คาล เฮาซาเมน แฟนบอลชนชั้นแรงงานที่เชียร์ดอร์ทมุนด์มากว่า 30 ปีกล่าว

Football-145

ดอร์ทมุนด์ เป็นทีมที่ยึดมั่นในรากฐานของแฟนบอลของพวกเขา ซึ่งการบริหารในส่วนต่างๆ แบบพร้อมฟังกันและกัน ทำให้ผู้ถือหุ้นที่เป็นแฟนบอลต่างเกิดความรู้สึกว่า สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหุ้นของสโมสรที่อยู่ในมือของพวกเขาไม่ใช่เงินทองเหมือนกับธุรกิจหุ้นตัวอื่นๆ 

BBC เคยทำสกู๊ปวีดีโอชิ้นหนึ่งที่ชื่อว่า ‘In Germany, the fan is king’ เพื่อพูดถึงความสำคัญของแฟนบอลในฟุตบอลลีกเยอรมันและระบบที่แตกต่างจากฟุตบอลที่อื่น แน่นอนพวกเขาเอาเรื่องสโมสรดอร์ทมุนด์และแฟนๆ มาเป็นพระเอกในสกู๊ปนั้น เพื่อยกตัวอย่างว่า “แฟนบอลเป็นราชาได้เพราะอะไร?”

ส่วนคำตอบนั้นก็อย่างที่ทุกคนได้อ่านไปทั้งหมดก่อนจะถึงบรรทัดนี้ การเกื้อกูลกันและกันของ ดอร์ทมุนด์ และแฟนๆ ของพวกเขานั่นเองที่ทำให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่เจ๋งที่สุดในโลก 

ทั้งหมดคือที่มาของสโลแกนทีมเสือเหลืองที่มีอยู่ว่า “Echte Liebe” หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า “รักแท้”… ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รักแท้ ในประโยคดังกล่าวสโมสรพยายามจะมอบมันให้กับใคร

post

เปิดค่าตัว! “ธีราทร” แข้งทีมชาติไทยหลังฟอร์มแรงกับ “โยโกฮาม่า” (ภาพ)

Football-129

พาไปดูราคาค่าตัวของ ธีราทร บุญมาทัน ดาวเตะทีมชาติไทยที่เดินทางไปค้าแข้งกับ “เจ้านกนางนวล” โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส สโมสรในศึกเจลีก ญี่ปุ่น หลังเจ้าตัวกำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้

โดย Transfermarket.com เว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือในตลาดการซื้อขายนักเตะโลก ที่จะกำหนดราคาค่าตัวแบบเป็นกลางตามการประเมินจากผลงานในขณะนั้นของแข้งทั่วโลกว่าเหมาะสมกับราคาเท่าใด ได้อัพเดทราคาล่าสุด

ซึ่ง แบ็กซ้ายทีมชาติไทยวัย 29 ปี ที่สามารถก้าวขึ้นมายึดตัวจริงในสโมสรได้เป็นที่เรียบร้อย แถมยังทำ 2 ประตูติดต่อกันในเกมลีกได้ มีมูลค่าอยู่ที่ 8 แสนยูโร (ประมาณ 27 ล้านบาท) ถือเป็นแข้งที่มีค่าตัวสูงเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศไทย เป็นรองเพียง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา เท่านั้น

นอกจากนี้ยังถือเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงเป็นอันดับที่ 7 ของสโมสร และเป็นอันดับที่ 141 ในการแข่งขันฟุตบอลเจลีก ญี่ปุ่น ฤดูกาลนี้ ขณะที่หากเทียบระดับโลกจะเป็นอันดับที่ 7,227 แต่หากนับในตำแหน่งแบ็กซ้ายจะเป็นอันดับที่ 496 ของโลก

ทั้งนี้มูลค่าของ ธีราทร บุญมาทัน ถือว่าเพิ่มจากปีก่อนมาก โดยครั้งเจ้าตัวย้ายจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ต้นสังกัดในไทยลีก ไปร่วมทีม วิสเซล โกเบ เมื่อปีก่อน เจ้าตัวได้รับการประเมินอยู่เพียงแค่ 5.5 แสนยูโร (ประมาณ 18 ล้านบาท) เท่านั้นเอง 

อย่างไรก็ตามในตลาดลูกหนังยุคปัจจุบัน ราคาในการซื้อขายไม่ได้เป็นไปตามค่าตลาดกลางอีกต่อไป เพราะด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องความโด่งดังนอกสนาม รวมถึงภาพลักษณ์ที่สโมสรสามารถนำไปต่อยอดทำเงินได้ ทำให้ค่าตัวจะสูงกว่าราคาที่ทางเว็บไซต์ประเมินแน่นอน

ส่วนสัญญาของเจ้าตัวกับต้นสังกัดในญี่ปุ่นจะมีถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ซึ่งการย้ายทีมในครั้งนี้เป็นเพียงสัญญายืมตัวจาก “กิเลนผยอง” เท่านั้น แต่ในสัญญามีการเพิ่มออปชั่นให้สามารถซื้อขาดได้ในอนาคต ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าท้ายสุดแล้วจะเป็นอย่างไร และค่าตัวในการย้ายทีมจะจบที่เท่าไร

Football-130
Football-131
Football-132
Football-133
Football-134
post

ชาลเก้ รัวแซง พาเดอร์บอร์น 5-1 ศึกบุนเดสลีกา

Football-128

การแข่งขันฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมนี ฤดูกาล 2019-20 ที่ สนาม เบนเทเลอร์-อารีน่า ระหว่าง พาเดอร์บอร์น ลงสนามพบ ชาลเก้ 04

พาเดอร์บอร์น วาง 11 ตัวจริงโดย มี ยานนิค ฮูธ – โมฮาเหม็ด ดราเกอร์, คริสเตียน สโตรห์ดีค, อูเว่ ฮือเนไมเออร์, จามิลู คอลลินส์ – เคลาส์ ยาซูล่า, เซบาสเตียน วาซิเลียดิส – เคาลี่, คริสโตเฟอร์ อันท์วี่-อาเชจ – สเตรลี่ มัมบ้า, สเวน มิเชล

ชาลเก้ วาง 11 ตัวจริงโดยมี อเล็กซานเดอร์ นือเบล – จอนโจ เคนนี่, แบ็งฌาแม็ง สตอมบูลี่, ซาลิฟ ซาเน่, บาสเตียน อ็อคซิพก้า – ซูอัต แซร์ดาร์, โอมาร์ มาสกาเรลล์ – ดาเนียล คาลิจิวรี่, อามีน ฮาริต, มาร์ค อูธ – จูโด้ บวร์กสตัลเลอร์

ผลปรากฎว่า ชาลเก้ บุกถล่ม พาเดอร์บอร์น 5-1 โดยเกมนี้เจ้าถิ่นออกนำก่อน 1-0 เคาลี่ นาทีที่ 8 ทว่าหลังจากนั้น ชาลเก้ รัวคืน 5 ประตูรวดจาก ซาลีฟ ซาเน นาทีที่ 33, ซูอัต เซร์ดาร์ นาทีที่ 49, อามีน ฮาริต นาทีที่ 71 กับ 85 และอาห์เหม็ด กูตูคู นาทีที่ 83

ทำให้ ชาลเก้ มี  7 คะแนนจาก 4 นัดอยู่ที่ 6 ส่วน พาเดอร์บอร์น มีแต้มเดียวอยู่รองบ๊วย

post

โรม่า ถล่ม ซาสซูโอโล่ 4-2 ยึดที่ 7 กัลโช่ฯ

Football-127

การแข่งขันฟุตบอล กัลโช เซเรีย อา ฤดูกาล 2019-20 ระหว่าง “หมาป่าเหลืองแดง” โรม่า เปิดสนามสตาดิโอ โอลิมปิโก รับการมาเยือนของ ซัสซูโอโล

โรม่า กำลังมองหาชัยชนะนัดแรกซีซั่นนี้ เปาโล ฟอนเซก้า นายใหญ่เจ้าถิ่น ได้นักเตะกำลังหลักลงครบรวมถึง เฮนริค มคิทาร์ยาน กองกลางตัวยืมจากอาร์เซน่อล ลงตัวจริงรับมือ ซาสซูโอโล่ ที่เกมก่อนคว้าสามแต้มมาสำเร็จ

ผลปรากฏว่า โรมา ไล่ยิงเอาชนะ ซัสซูโอโล ไปแบบสุดมัน 4-2 โดย โรมา ได้ประตูจาก ไบรอัน คริสตันเต นาทีที่ 12, เอดิน เชโก นาทีที่ 19, เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน นาทีที่ 22 และ จัสติน ไคลเวิร์ต นาทีที่ 33 ขณะที่ ซัสซูโอโล ได้จาก โดเมนิโก แบร์ราดี เหมา 2 ลูก นาทีที่ 53 กับ 72

ทำให้ โรม่า เก็บเพิ่มเป็น 5 คะแนน ขึ้นมาอยู่อันดับ 7 ของตาราง ส่วน ซัสซูโอโล มี 3 คะแนนเท่าเดิม อยู่อันดับ 15 ของตาราง

ผลคู่อื่นมีดังนี้

เจนัว แพ้ อตาลันตา 1-2

เบรสชา แพ้ โบโลญญา 3-4

ปาร์มา แพ้ กายารี 1-3

สปาล ชนะ ลาซิโอ 2-1

post

เซบีย่า บุกเฉือน อลาเบส 1-0 ยึดจ่าฝูงลาลีกา สเปน

Football-126

การแข่งขันฟุตบอล ลา ลีกา สเปน ฤดูกาล 2019-20 ระหว่าง อลาเบส เปิดสนามเอสตาดิโอ เด เมนดิซอร์โรซา รับการมาเยือนของ เซบีย่า

อลาเบส ที่ยังไม่แพ้ใครในซีซั่นนี้ วางให้ โฆเซลู ซานมาร์ติน มาโต้ หรือ “โฆเซลู” ออกสตาร์ตในแดนหน้ากับ หลุยส์ รีโอฆา

ขณะที่ เซบีย่า ออกสตาร์ตด้วยการส่ง ลูกัส โอกัมโปส, ลุค เดอ ยองก์ และ โอลิเบร์ ตอร์เรส ผลิตสกอร์

ผลปรากฏว่า เซบีย่าบุกมาชนะ อลาเบส ถึงถิ่น 1-0 ได้ประตูในนาทีที่ 37 จากจังหวะฟรีคิกหน้าเขตโทษ โจอัน จอร์แดน ปั่นด้วยขวาเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

ทำให้ เซบีย่า เก็บเพิ่มเป็น 10 คะแนน จาก 4 นัด ขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงเรียบร้อย ส่วน อลาเบส มี 5 คะแนน อยู่อันดับ 11

ผลคู่อื่นๆ

เออิบาร์1 – 2เอสปันญ่อล
เซลต้า บีโก้0 – 2กรานาด้า
เรอัล บายาโดลิด1 – 1โอซาซูน่า

post

“สเปอร์ส” คืนฟอร์มโหด!! เปิดบ้านไล่ถล่ม “คริสตัล พาเลซ” ยับ 4-0

Football-118

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดบ้านไล่ถล่ม คริสตัล พาเลซ 4-0

โดยเกมนี้ครึ่งแรกเจ้าบ้านได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 จาก ซน เฮือง-มิน นาทีที่ 10 และได้หนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ แพทริค ฟาน อานโฮลต์ สกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง นาทีที่ 21 จากนั้นไม่นาน สเปอร์ส ยิงเพิ่มอีกเป็น 3-0 จากการวอลเลย์สุดสวยของ ซน เฮือง-มิน นาทีที่ 23 และเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ ต่อมา สเปอร์ส มาได้ประตูเพิ่มอีกลูก จาก เอริก ลาเมลา นาทีที่ 42 จบครึ่งแรก สเปอร์ส นำ คริสตัล พาเลซ 4-0

ครึ่งหลัง แม้ทาง คริสตัล พาเลซ ที่มีโอกาสจากจังหวะโหม่งลูกเตะมุมของ แกรี เคฮิลล์ แต่บอลไปติดเซฟของ อูโก โยริส และจนหมดเวลาไม่มีฝ่ายไหนทำประตูได้

จบเกม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดบ้านเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 4-0 ทำให้ สเปอร์ส มี 8 คะแนน อยู่อันดับที่ 3 ของตาราง ส่วน คริสตัล พาเลซ มี 7 คะแนนเท่าเดิม หล่นมาอยู่อันดับที่ 11 ของตาราง

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

สเปอร์ส : อูโก้ โยริส – แซร์ช โอริเย่ร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ทองเก้น, แดนนี่ โรส – มูสซ่า ซิสโซโก้, แฮร์รี่ วิงค์ส – เอริก ลาเมล่า, ซน ฮึง-มิน, คริสเตียน เอริคเซ่น – แฮร์รี่ เคน

คริสตัล พาเลซ : บิเซนเต้ กวาอิต้า – โจเอล วอร์ด, แกรี่ เคฮิลล์, มามาดู ซาโก้, พาทริค ฟาน อานโฮลท์ – แอนดรอส ทาวน์เซนด์, ลูก้า มิลิโวเยวิช, เชคู กูยาเต้, เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ – วิลฟรีด ซาฮา, จอร์ดาน อายิว

Football-119
Football-120
Football-121
Football-122
Football-123
Football-124
post

เรือใบฟ้าแพ้นัดแรก!! “นอริช” แข็งกว่าเปิดบ้านเฉือนชนะ “แมนฯซิตี้” 3-2

Football-109

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน นอริช ซิตี้ เปิดสนาม‎แคร์โรว์โรด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-2

โดยเกมนี้ครึ่งแรก นอริช ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จาก เคนนี แม็คลีน นาทีที่ 15 จากนั้น นอริช ทำเซอร์ไพร์อีกครั้ง ยิงหนี แมนฯซิตี้ เป็น 2-0 จาก ทอดด์ แคนท์เวลล์ นาทีที่ 28 แต่ทว่า แมนฯซิตี้ ได้ประตูไล่มาเป็น 1-2 จาก เซร์คิโอ อเกวโร นาทีที่ 45 ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง นอริช เล่นได้ดีกว่ายิงนำห่างเป็น 3-1 จาก ตีมู ปุกกี เจ้าของรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือน ส.ค. นาทีที่ 50 และในช่วงท้ายเกม แมนฯซิตี้ ไล่มาเป็น 2-3 จาก โรดรี ยิงไกลจากนอกกรอบ นาทีที่ 88

จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาแพ้ นอริช ซิตี้ 2-3 ส่งผลให้ แมนฯซิตี้ มี 10 คะแนนเท่าเดิม รั้งรองจ่าฝูง ตามหลังลิเวอร์พูล 5 แต้ม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

นอริช ซิตี้ : ทิม ครูล – แซม ไบรัม, อิบราฮิม อมาดู, เบน ก็อดเฟรย์, จามาล ลูอิส – อเล็กซานเดอร์ เต็ตเตย์, เคนนี่ แม็คคลีน – เอมิลิอาโน่ บวนเดีย (โยซิป เดอร์มิช น.83), มาร์โก สตีเปอร์มันน์ (เดนนิส เซอร์เบนี่ น.89), ท็อดด์ แคนท์เวลล์ – ตีมู ปุ๊คกี้

แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, จอห์น สโตนส์, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ – อิลคาย กุนโดกัน (เควิน เดอ บรอยน์ น.57), โรดรี เอร์นานเดซ – แบร์นาร์โด้ ซิลวา (ริยาด มาห์เรซ น.73), ดาบิด ซิลบา (กาเบรียล เชซุส น.57), ราฮีม สเตอร์ลิง – เซร์คิโอ อเกวโร่

Football-110
Football-111
Football-112
Football-113
Football-114
Football-115
Football-116
Football-117
post

“แทมมี่” ซัดแฮตทริก!! “เชลซี” ฟอร์มโหดบุกถล่ม “วูล์ฟ” พังคาบ้าน 5-2

Football-100

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เปิดบ้านแพ้ เชลซี 2-5

โดยเกมนี้  เชลซี ยิงออกนำไปก่อน 0-1 จากจังหวะยิงไกลของ ฟิกาโย โทโมรี นาทีที่ 30 ต่อมาทีมเยือนหนีห่างเป็น 0-2 จาก แทมมี อับราฮัม นาทีที่ 34 และ แทมมี อับราฮัม คนเดิมยิงซัดเพิ่มอีกประตู นาทีที่ 41 ให้ เชลซี นำ วูล์ฟส์ 0-3 และจบด้วยสกอร์นี้ในครึ่งแรก

ครึ่งหลัง เชลซี ได้ประตูที่ 4 จากจังหวะที่ อับราฮัม ในนาทีที่ 56 และเป็นแฮตทริกของกองหน้าดาวรุ่งชาวอังกฤษนี้ด้วย เชลซี หนีห่าง วูล์ฟส์ 0-4 แต่เจ้าบ้านมาได้ประตูตีไข่แตก 1-4 จาก โรแม็ง ซาอิสส์ นาทีที่ 69 และไล่มาเป็น 2-4 ในนาทีที่ 85 จาก แพทริค คูโตรเน แต่ว่า เชลซี มาได้ประตูปิดท้ายเป็น 2-5 จาก เมสัน เมานท์ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

จบเกม เชลซี บุกไปเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 ทำให้ เชลซี มี 8 คะแนน จากการลงสนาม 5 นัด อยู่อันดับที่ 6 ของตาราง ส่วน วูล์ฟแฮมป์ตัน มี 3 คะแนน จากการลงสนาม 5 นัด หล่นมาอยู่อันดับที่ 19 ในลีก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

วูล์ฟแฮมป์ตัน : รุย ปาตริซิโอ – อดาม่า ตราโอเร่, เฆซุส บาเยโฆ, คอเนอร์ เคาดี้, เลอันเดร์ เดนดองค์เกอร์, จอนนี่ กาสโตร – ชูเอา มูตินโญ่, รูเบน เนเวส, โรแม็ง ซาอิสส์ – ราอูล ฮิเมเนซ, ดีโอโก้ โชต้า

เชลซี : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ฟิกาโย โทโมรี่ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ – เมสัน เมาท์, วิลเลี่ยน – แทมมี่ อับราฮัม

Football-101
Football-102
Football-103
Football-104
Football-105
Football-106
Football-107
Football-108
post

“แรชฟอร์ด” ซัดโทษคว้าชัย!!! “แมนฯ ยู” เปิดบ้านเฉือนชนะ “เลสเตอร์ ซิตี้” 1-0 ขยับไปรั้งอันดับ 4 ของตาราง

Football-94

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด สเตเดี้ยม เฉือนเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 1-0

โดยเกมนี้ครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจุดโทษจังหวะที่ ชักลาร์ โซยุนซู ไปทำฟาวล์ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในเขตโทษ ผู้ตัดสินดูภาพจาก VAR และชี้ให้เป็นจุดโทษก่อนที่ แรชฟอร์ด จะสังหารเองไม่พลาด นาทีที่ 8 จากนั้นนาทีที่ 30 เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะยิงไกลของ เบน ชิลเวลล์ แต่ ดาบิด เด เคอา นายทวารมือกาวพุ่งปัดทิ้งข้ามคานไปได้ จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด นำ 1-0

ครึ่งหลัง เลสเตอร์ ซิตี้ พยายามเร่งเครื่องตีเสมอ โหมบุกแต่เจาะไม่เข้า ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสลุ้นบวกสกอร์เพิ่มเหมือนกัน แต่ไม่มีประตูเกิดขึ้น

จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเฉือนชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ขยับไปรั้งอันดับ 4 ชั่วคราวมี 8 คะแนนจาก 5 นัด ส่วน เลสเตอร์ ซิตี้ มี 8 แต้มเท่าเดิมและแพ้เป็นเกมแรกของฤดูกาล

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา – อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, แอชลี่ย์ ยัง – เนมานย่า มาติช (เฟร็ด น.67), สกอตต์ แม็คโทมิเนีย์ – อันเดรส เปไรร่า, ฆวน มาต้า (ทาฮิธ ชอง น.70), ดาเนี่ยล เจมส์ (อักเซล ดวนเซเบ่ น.90+1) – มาร์คัส แรชฟอร์ด

เลสเตอร์ ซิตี้ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – ริคาร์โด้ เปเรยร่า, จอนนี่ อีแวนส์, คากลาร์ โซยุนคู, เบน ชิลเวลล์ – วิลฟรีด เอ็นดิดี้ – เดมาไร เกรย์ (ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ น.68), ยูริ ตีเลม็องส์, ฮัมซา ชาวด์รี่ (อาโยเซ่ เปเรซ น.57), เจมส์ แมดดิสัน – เจมี่ วาร์ดี้

Football-95
Football-96
Football-97
Football-98
Football-99
post

จ่าฝูงไร้พ่าย!! “ลิเวอร์พูล” เปิดบ้านอัด “นิวคาสเซิล” 3-1 ทำสถิติชนะ 5 นัดรวด!!

Football-89

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน ลิเวอร์พูล เปิด สนามแอนฟิลด์ เอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปได้ 3-1

โดยเกมนี้ครึ่งแรกเป็นทางทีมเยือน สาลิกาดง ที่ออกนำไปก่อน 0-1 จาก เยโทร วิลเลมส์ นาทีที่ 7 ต่อมาเจ้าบ้าน หงส์แดง ได้ประตูตีเสมอ 1-1 จาก ซาดิโอ มาเน่ นาทีที่ 27 และ ลิเวอร์พูล พลิกขึ้นนำ 2-1 ในนาทีที่ 40 จากซาดิโอ มาเน่ คนเดิม จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ นิวคาสเซิล 2-1

ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล มาได้ประตูปิดท้าย เป็น 3-1 จากจังหวะที่ ฟีร์มิโน แทงทะลุให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงมุมแคบด้วยซ้ายเข้าประตูไป นาทีที่ 72

จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปได้ 3-1 ทำให้ ลิเวอร์พูล คว้าชัยในลีกซีซั่นนี้ 5 เกมรวด และนัดที่ 14 ในลีกติดต่อกัน ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงต่อไปมี 15 แต้มเต็ม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล : อาเดรียน,แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน,เวอร์จิล ฟาน ไดค์,โจเอล มาติป,เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,จินี่ ไวจ์นัลดุม (เซอร์ดาน ชาคิรี่ น.83),ฟาบินโญ่,อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (เจมส์ มิลเนอร์ น.75),โม ซาลาห์,ซาดิโอ มาเน่,ดิว็อค โอริกี้ (โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น.37)

นิวคาสเซิล : มาร์ติน ดูบราฟก้า,เยโทร วิลเลมส์,พอล ดัมเม็ต,จามาล ลาสเซลล์,ฟาเบียน ชาร์ (เฟเดริโก้ เฟอร์นันเดซ น.80),เอมิล คราฟต์ (ฆาบี มันกีโญ่ น.67),มิเกล อัลมิรอน (โยชิโนริ มุโตะ น.67),จอนโจ เชลวีย์,ไอแซค เฮย์เดน,คริสเตียน อัตซู,โจลินตัน

Football-90
Football-91
Football-93