post

หงส์ไม่ง่าย!เกร็ดน่าสนใจเกมลิเวอร์พูลเยือนเชฟฯยูไนเต็ด

Football-224

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก มีโอกาสดีที่จะยืดสถิติชนะรวด 100% ออกไปเป็นเกมที่ 7 เพราะคืนวันเสาร์ที่ 28 กันยายนนี้ ลูกทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีโปรแกรมบุกไปเยือนทีมน้องใหม่อย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่สังเวียนแข้ง บรามอลล์ เลน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากย้อนดูสถิติที่ผ่านมา นี่คือสนามที่ไม่ง่ายเลยสำหรับ ลิเวอร์พูล และข้างล่างนี้คือเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ รวมถึงสถิติที่น่าสนใจก่อนเกมนี้

    * เฮด-ทู-เฮด *

    – เชฟฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เจอกับ ลิเวอร์พูล ที่ บรามอลล์ เลน (รวมทุกรายการ) มาตั้งแต่เกม พรีเมียร์ลีก นัดเปิดซีซั่น 2006/07 ซึ่งเกมดังกล่าวจบลงด้วยการเจ๊า 1-1

    – ลิเวอร์พูล ไม่เคยบุกไปเอาชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด ในเกม พรีเมียร์ลีก ได้เลย จากการดวลกันทั้งหมด 3 ครั้ง (เสมอ 2 แพ้ 1) แถมยิงได้แค่ประตูเดียว

    – บรามอลล์ เลน เป็นเพียงหนึ่งในสามสนามที่ ลิเวอร์พูล ไม่เคยบุกไปเก็บชัยชนะในศึก พรีเมียร์ลีก ได้เลย ส่วนอีกสองแห่งคือ ซิตี้ กราวด์ ของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (5 เกม) และ บลูมฟิลด์ โร้ด ของ แบล็คพูล (1 เกม)

    – ครั้งสุดท้ายที่ “หงส์แดง” บุกไปเอาชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด ต้องย้อนกลับไปยาวๆ ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 1990 ซึ่งครั้งนั้น ลิเวอร์พูล คว้าชัยด้วยสกอร์ 3-1 (สมัยเป็น ดิวิชั่น 1) จากประตูของ จอห์น บาร์นส์, เรย์ เฮาจ์ตัน และ เอียน รัช

Football-225

    * เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด *

    – “ดาบคู่” ลุ้นคว้าชัยเกม พรีเมียร์ลีก สองนัดติด ซึ่งถ้าทำได้ก็จะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006

    – อย่างไรก็ตาม ถ้าแพ้ ก็จะถือเป็นการปราชัยคาบ้านในเกมลีกสูงสุด 3 นัดติดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1990

    – ทั้ง 7 ประตูที่ เชฟฯ ยูไนเต็ด ทำได้ในศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ มาจากการทำโดยนักเตะ 7 คน (รวมทั้ง 2 ประตูจากโอว์นโกล)

Football-226

     * ลิเวอร์พูล *

    – ถ้าเก็บชัยชนะในเกมวันเสาร์นี้ได้ “หงส์แดง” จะกลายเป็นทีมที่สองในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่คว้าชัยรวดใน 7 เกมแรกของฤดูกาล ต่อจาก เชลซี ในซีซั่น 2005/06 (ซีซั่นดังกล่าว เชลซี คว้าชัยรวดใน 9 เกมแรก และจบลงด้วยการคว้าแชมป์)

    – อย่างไรก็ตาม ครั้งสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล เฮรวดใน 7 เกมแรกของฤดูกาล ต้องย้อนกลับไปในสมัยที่เป็น ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1990/91 ซึ่งซีซั่นดังกล่าว “หงส์แดง” คว้าชัยรวดใน 8 เกมแรก แต่สุดท้ายจบด้วยการเป็นแค่ “รองแชมป์” (อาร์เซน่อล ซิวแชมป์)

     – ลิเวอร์พูล คว้าชัยรวด 12 เกมหลังสุด ที่เจอกับทีมน้องใหม่ในศึก พรีเมียร์ลีก แถมกดไปถึง 35 ประตู และเสียแค่ 4 ลูกในช่วงดังกล่าว

    – ลิเวอร์พูล ไม่แพ้เกมลีกมา 23 นัดติดต่อกันแล้ว ซึ่งถือเป็นสถิติดีสุดของสโมสร นับตั้งแต่ที่เคยไร้พ่าย 31 เกมติดสมัยเป็น ดิวิชั่น 1 ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม ปี 1987 ถึงเดือนมีนาคม ปี 1988

    – นอกจากนี้ “หงส์แดง” ยังมีสถิติชนะรวดในเกม พรีเมียร์ลีก 15 นัดหลังสุดด้วย แต่ยังคงตามหลังสถิติสูงสุดที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยทำไว้ 18 นัดติด ช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม ถึง ธันวาคม ปี 2017

    – เชฟฯ ยูไนเต็ด จะเป็นทีมคู่แข่งรายที่ 24 ที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงตัวเก่ง ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้เผชิญหน้าในศึก พรีเมียร์ลีก โดย 23 ทีมที่ ซาลาห์ เจอมาก่อนหน้านี้ มีแค่ สวอนซี ซิตี้ (2 เกม) กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4 เกม) เท่านั้น ที่เจ้าตัวไม่เคยทำประตูได้

post

“หงส์แดง” ยังไร้พ่าย!! บุกไปเฉือนชนะ “เชลซี” ถึงถิ่น 2-1 เก็บสถิติชนะ 6 นัดรวด ครองจ่าฝูงเหนียวแน่น

Football-213

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 ประจำวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย. “สิงโตน้ำเงิน” เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ แพ้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล 1-2

โดยเกมนี้ครึ่งแรก ลิเวอร์พูลออกนำ 0-1 จากฟรีคิกหน้าเขตโทษโดย โมฮาเหม้ด ซาลาห์ ทำลูกสูตรตอกส้นให้ เทรนต์ อเล็กซานดอร์ อาร์โนลด์ ซัดเสียบมุมเข้าไปอย่างเฉียบขาดในนาทีที่ 14 ถัดมาในนาทีที่ 24 เชลซี มีโอกาสลุ้นประตูจาก แทมมี อับราฮัม หลุดเดี่ยวไปยิงในเขตโทษ แต่ อาเดรียน ประตูสำรองทีมเยือนเซฟออกไปได้อย่างสุดยอด จนกระทั่ง ลิเวอร์พูล หนีเป็น 0-2 จากจังหวะฟรีคิกฝั่งซ้ายโดย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ โรแบร์โต เฟอร์มิโน โหม่งเข้าไปอย่างสวยงาม ในนาทีที่ 30 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

เกมในครึ่งหลัง ทั้งสองทีมผลัดกันเปิดแลกเกมบุกได้อย่างสนุกและเป็น เชลซี ได้ประตูไล่มาเป็น 1-2 จาก เอ็นโกโล ก็องเต้ โชว์ทักษะการเลี้ยงพาบอลหนีแนวรับทีมเยือนมาหน้าเขตโทษ แลัวปั่นด้วยขวาบอลพุ่งเสียบมุมเข้าไปอย่างสุดสวย ในนาทีที่ 71

จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาชนะ เชลซี 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 18 คะแนน และนำเป็นจ่าฝูงต่อไป พร้อมเก็บสถิติชนะ 6 นัดรวด ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองจ่าฝูง 5 คะแนน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

เชลซี : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า,  เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรส คริสเตนเซ่น (เคิร์ท ซูม่า น.42), ฟิคาโย่ โทโมรี, เอแมร์ซอน (มาร์กอส อลอนโซ่ น.15), จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาเตโอ โควาซิช, วิลเลี่ยน, แทมมี่ อับราฮัม (มิชี่ บาตชูอายี่ น.77), เมสัน เมาน์ท

ลิเวอร์พูล  : อาเดรียน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (อดัม ลัลลาน่า น.84), ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (โจ โกเมซ น.90+2), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ (เจมส์ มิลเนอร์ น.71)

Football-214
Football-215
Football-216
Football-217
Football-219
post

เด็กมีของ!โซลชาปลื้มกรีนวู้ด,ดาวรุ่งโชว์ทีเด็ด

Football-208

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิ้มแก้มป่องเพราะนักเตะดาวรุ่งที่จับลงเล่นตัวจริงโชว์ของดีแท้ โดยเฉพาะ เมสัน กรีนวู้ด หัวหอกอนาคตไกล เล่นได้โดดเด่น แถมยิงประตูสำคัญช่วยทีมชนะ อัสตานา ในเกมยูโรปา ลีก กลุ่มแอล วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวชื่นชมผลงานของ เมสัน กรีนวู้ด กองหน้าดาวรุ่งและบรรดาแข้งอนาคตไกลที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในแมตช์เฉือน อัสตานา 1-0 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มแอล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา

              สำหรับเกมเปิดหัวยูโรปา ลีก โซลชา มีการปรับเปลี่ยนทีมแทบยกชุดเมื่อให้โอกาสนักเตะในศูนย์ฝึกเยาวชนได้ลงสนาม และผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในทีมชุดใหญ่ลงเล่น โดยทั้งหมดนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อสามารถไล่บดขยี้ผู้มาเยือนจากคาซัคสถานตลอดทั้งเกม จนกระทั่งปลดล็อกได้สำเร็จช่วง 17 นาทีสุดท้ายจาก กรีนวู้ด 

              โซลชา กล่าวชื่นชม กรีนวู้ด ที่กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปให้กับทีมชุดใหญ่ทั้งๆ ที่ได้ลงเล่นตัวจริงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น กล่าวว่า “เขามีธรรมชาติของจอมจบสกอร์ มีธรรมชาติของการเป็นนักฟุตบอล เขาสนุกกับการเล่นฟุตบอล”

              “เขาสามารถเล่นในฐานะผู้เล่นหมายเลข 10 (เพลย์เมกเกอร์) หรือเล่นทางปีกก็ได้ ดังนั้นผมดีใจที่เขายิงประตูแรกได้ เรารู้มาตลอดว่าหากในหรือรอบๆ กรอบเขตโทษ เขาเป็นหนึ่งในตัวจบสกอร์ที่เก่งที่สุด ผมมีความสุขมากๆ ที่เขายิงประตูได้ และเขาจะกลับบ้านด้วยความสุดล้นปรี่ในค่ำคืนนี้”

              นอกจาก กรีนวู้ด แล้ว โซลชา ยังให้ดาวรุ่งพุ่งแรงได้ลงเป็นตัวจริงทั้ง อักเซล ทวนเซเบ้, ทาฮิธ ชอง และ แองเจล โกเมส ที่สำคัญนักเตะเหล่านี้มีโอกาสที่จะได้ยึดตำแหน่งในเกมพรีเมียร์ลีก พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด วันอาทิตย์ที่ 15 ก.ย.นี้ “พวกเขาแสดงให้เห็นในการฝึกซ้อมทุกวัน นี่คือเหตุผลที่พวกเขาได้อยู่ที่นี่ และพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเล่น”

             “ผมต้องเจอกับเรื่องยากมากๆ ในการให้โอกาสแบบนี้ ผมพร้อมแบกรับคำตำหนิเพราะมันเป็นเรื่องง่ายที่จะเจอกับเรื่องแบบนี้ แต่นี่เป็นค่ำคืนที่ดีสำหรับเรา เราคิดว่าวันนี้เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับพวกเขา เราไม่คงไม่ส่งพวกเขาลงสนามถ้าพวกเขาไม่พร้อม แต่พวกเขาต้องการเวลาในการลงสนามเพื่อที่จะเรียกจังหวะการเล่น”

             “พวกเขาอาจจะได้ลงเล่นในช่วงสุดสัปดาห์หรือในเกมพบกับ รอชเดล (ทีมลีก วัน เกม คาราบาว คัพ) ในสัปดาห์หน้า คุณต้องรับมือกับแฟนบอลให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายในค่ำคืนแบบนี้ แองเจล เล่นได้ดี, ชอง โชว์ฟอร์มได้โดดเด่น ดังนั้นพวกเขาทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ” โซลชา ระบุ

post

สโมสรอังกฤษมาดี!เกร็ดทีมผู้ดีในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก)

Football-202

สำหรับการแข่งขันเปิดหัวศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก จบไปแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นถึงศักยภาพชั้นยอด ในขณะที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ต้องเจอกับความผิดหวังเมื่อแพ้ในแมตช์นี้ แถมยังสะกดคำว่าชนะไม่ได้เลยตลอด 3 เกมที่ผ่านมา

    “ปีศาจแดง” กับ “ไอ้ปืนใหญ่” นอกจากชนะเอาฤกษ์เอาชัยแล้ว ทีมที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ อูไน เอเมรี่ ส่งลงสนามแทบจะเป็นชุดสำรอง และมีดาวรุ่งผสมผสานเข้าไปได้ แต่ผลงานบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะนักเตะเหล่านี้โชว์ผลงานชั้นยอดเกินวัยดีแท้

    ในขณะที่ วูล์ฟส์ หากไม่นัดรอบคัดเลือกในเกม ยูโรปา ลีก ก่อนจะทะลุรอบแบ่งกลุ่ม ผลงานของพวกเขาย่ำแย่เหลือเกินในพรีเมียร์ลีก ผ่านไป 5 แมตช์ก็สะกดคำว่าชนะไม่เป็น แถมช่วง 3เกมที่ผ่านมาก็แพ้เรียบวุธ ต้องบอกว่าสถานการณ์ของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต กับเก้าอี้ “หมาป่า” เริ่มร้อนระอุซะแล้ว

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  (อังกฤษ) 1-0 อัสตานา (คาซัคสถาน)
– แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครเลย 12 เกมหลังสุดในศึกยูโรปา ลีก (ชนะ 9 เสมอ 3) แถมยังเก็บคลีนชีตได้ 8 แมตช์อีกต่างหาก
– ค่าเฉลี่ยอายุนักเตะ 11 ตัวจริง “ปีศาจแดง” พบ อัสตานา อยู่ที่ 24 ปีกับ 145 วัน ซึ่งเป็นทีมค่าเฉลี่ยอายุน้อยที่สุดของพวกเขาในเกมยูโรปาลีก/แชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2012 (24 ปีกับ54 วัน แมตช์พบ ซีเอฟอาร์ คลูจ์)

Football-203

– นักเตะตัวจริงแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการส่ง 3 ดาวรุ่งเกมกับ อัสตานา (เมสัน กรีนวู้ด, ทาฮิธ ชอง และ แองเจล โกเมส) ซึ่งมากที่สุดของพวกเขาในเกมยูโรปา ลีก/แชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2009 ในเกมพบ เบซิคตัส (แดนนี่ เวลเบ็ค, เฟเดริโก มาเคด้า และ ราฟาเอล)
– แมนฯ ยูฯ ทำสถิติตชนะ 2 เกมติดต่อกันตลอดทุกรายการ (เกมทางการ) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019 (ชนะ 3 เกมรวมแมตช์ชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)
– เมสัน กรีนวู้ด กลายเป็นนักเตะคนแรกที่เกิดตั้งแต่ปี 2000 ยิงประตูให้กับทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด (เกิดเดือนตุลาคม 2001)
– เมสัน กรีนวู้ด เป็นนักเตะคนแรงที่อายุเพียง 17 ปียิงประตูให้แมนฯ ยูไนเต็ด ในหน้าประวัติศาสตร์ 141 ปีของสโมสรที่ลงเล่นในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป

Football-204

– ทำเนียบนักเตะอายุน้อยสุดของ แมนฯ ยูฯ ที่ยิงประตูในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป
– เมสัน กรีนวู้ด (17 ปี 253 วัน)
– มาร์คัส แรชฟอร์ด (18 ปีกับ 117 วัน)
– จอร์จ เบสต์ (18 ปีกับ 158 วัน)
 

ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต (เยอรมัน) 0-3 อาร์เซน่อล (อังกฤษ)
– อาร์เซน่อล แพ้เพียงเกมเดียวเท่านั้นจากการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม 13 แมตช์ในยูโรปา ลีก (ชนะ 10 เสมอ 2) ขณะเดียวกันยังเก็บคลีนชีต 6 แมตช์ติดต่อกันในรอบแบ่งกลุ่มรายการนี้
– อาร์เซน่อล ชนะเกมเยือนฟุตบอลถ้วยยุโรปในการพบกับสโมสรจากเยอรมนีครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2013 (ชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1-0 แชมเปี้ยนส์ ลีก) โดยที่ผ่านมาแทบรากเลือดกว่าจะชนะโดย 5 แมตช์เยือนสถิติเสมอ 1 แพ้ 4

Football-205

– แฟร้งค์เฟิร์ต ต้องพบกับความพ่ายแพ้ในบ้านมากที่สุดในการเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรป
– ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ยิงประตูที่ 7 จาก  7 เกมหลังสุดในการเล่นยูโรปา ลีกให้กับ อาร์เซน่อล โดยงานนี้ 4 ประตูมาจากการเล่นเกมเยือน
– ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ยิงเข้ากรอบ 6 ครั้งในเกมกับ แฟร้งค์เฟิร์ต และได้ 1 ประตู
– บูกาโย ซาก้า กับวัย 18 ปีกับ 14 วัน  ทำให้เขาเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงประตูให้ อาร์เซน่อล ในเกมยูโรปา ลีก/แชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2008 ตอนที่ อารอน แรมซี่ย์ (17 ปีกับ 300 วัน) ยิงประตู เฟเนร์บาห์เช่

Football-206

– บูกาโย ซาก้า สร้างโอกาสมากกว่านักเตะคนอื่นๆที่อยู่ในสนามในแมตช์ที่ อาร์เซน่อล ชนะ แฟร้งค์เฟิร์ต 3-0
– ทำเนียบนักเตะอายุน้อยสุดชาวอังกฤษที่ยิงประตูให้อาร์เซน่อลในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป
– สจ๊วร์ต ร็อบสัน 17 ปีกับ 312 วัน
– บูกาโย ซาก้า 18 ปีกับ 14 วัน
– อเล็กซ์ อ็อกซ์เลค-แชมเบอร์เลน 18 ปีกับ 44 วัน
– เอมิล สมิธ-โรว์ 18 ปีกับ 67 วัน
-นิโกล่าส์ เปเป้ ลงเล่นเกมแรกในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรป


วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ (อังกฤษ) 0-1บราก้า (โปรตุเกส)
– วูล์ฟส์ แพ้ 3 เกมติดต่อกันจากการเล่นทุกรายการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2018
– วูล์ฟส์ เจอกับช่วงเวลาย่ำแย่เมื่อเป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่สามารถยิงประตูในบ้านได้จากการเล่นทุกรายการนับตั้งแต่เดือนเมษายน

Football-207

– ที่โมลินิวซ์ กราวน์ นั้น “หมาป่า” แพ้ 2 เกมติดต่อกันจากการเล่นทุกรายการเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมกราคม 2019 (แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 และแพ้ คริสตัล พาเลซ 0-2)
– บราก้า ยังไม่แพ้ใครในการเล่นเกมแรกรอบแบ่งกลุ่มยูโรปา ลีก ทุกครั้ง โดยชนะ 4 และเสมอ 1 (ชัยชนะ 4 เกมมาจากการเล่นเกมเยือน)

post

หมีรอดตาย! “เอร์เรรา”โขกท้ายเกมพาแอต.มาดริดตีเจ๊ายูเวนตุสประเดิม แชมเปียนส์ลีก

Football-187

เมาริซิโอ ซาร์รี่ นายใหญ่ ”ม้าลาย” ยูเวนตุส เกือบคว้า 3 แต้มแต่มาโดนทีเด็ดช่วยท้ายบุกเจ๊า ”ตราหมี” แอต.มาดริด 2-2 โดยทีมเยือนออกนำไปก่อนสองสกอร์ แต่มาโดนทีเด็ดของ เฮคเตอร์ เอร์เรรา โขกนาทีที่ 90 ช่วยเจ้าถิ่นไว้ได้ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี) คืนวันพุธที่ผ่านมา

สนาม : ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่

    ”ตราหมี” พุ่งชนความพ่ายแพ้เป็นนัดแรกในฤดูกาลนี้ หลังจากที่โดนเรอัล โซเซียดาด เชือด 2-0 ในเกมลา ลีกา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เทรนเนอร์ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้รับข่าวดีหลังจากที่ แยน โอบลัค นายทวารคนเก่งของทีมที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามในเกมก่อน หายเดี้ยงกลับมาซ้อมได้แล้ว และไม่น่ามีปัญหาในการลงเฝ้าเสา

     ฟาก ”ม้าลาย” เสียตำแหน่งจ่าฝูงกัลโช่ เซเรีย อา ให้กับอินเตอร์ มิลาน หลังจากที่ทำได้เพียงเสมอกับฟิออเรนตินา แบบไม่มีสกอร์ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ไม่ได้ใส่ชื่อของ มาริโอ มานด์ซูคิช และ เอ็มเร่ ชาน ในขุมกำลังสู้ศึกรายการนี้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไร เพราะมีทางเลือกเยอะ

    เปิดฉากครึ่งแรกมากลายเป็น ทัพหมีที่ได้ลุ้นก่อนเลย นาที 10 ดีเอโก้ คอสต้า ไหลบอลต่อให้ ชูเอา เฟลิกซ์ กดด้วยขวาบอลพุ่งไปติดเซฟเชสนี่ออกหลัง

    ถัดมาอีก 3 นาที แอต.มาดริดได้ลุ้นอีก หลัง คีแรน ทริปเปียร์ ครอสบอลมาให้ เฟลิกซ์ ขึ้นโขกแต่บอลยังไม่ผ่านนายด่านม้าลาย

    ลูกทีมของ ซาร์รี่ แทบไม่ได้โงหัวตอบโต้เลย นาที 16 เรนาน โลดี้ เติมมาหวดด้วยซ้ายเน้นๆ บอลพุ่งแรงจนเชสนี่ได้ออกแรงเซฟอีก อีกนาทีต่อมา โฆเซ่ คิมิเนซ ได้โขกกลางประตูอีกแต่บอลยังไปเข้ามือของเชสนี่

    เหลือ 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกลูกทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ยังหาจังหวะจบสกอร์ได้ค่อนข้างน้อย ขณะที่ ”ตราหมี” ดูดีกว่าเกือบได้ประตูขึ้นนำหลายครั้ง

    นาทีที่ 40 ”ม้าลาย” ได้เสียวบ้างจากจังหวะครอสหน้าเขตโทษของ ฮวน กวาดราโด้ บอลโค้งเลยไปเสาสองเข้าหัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โหม่งคนเดียว แต่ไปตรงตัว ยาน โอบลัค

    หมดครึ่งเวลาแรก แอต.มาดริด 0 ยูเวนตุส 0
    
    แต่แล้วเริ่มครึ่งหลังได้เพียง 2 นาที ”ม้าลาย” มาได้ประตูออกนำจากจังหวะสวนกลับเร็วบอลทิ้งยาวมาถึง กอนซาโล่ อิกวาอิน ลากเข้าเขตโทษก่อนปาดออกให้ ฮวน กวาดราโด้ แต่งเข้าซ้ายตะบันเต็มแรงพุ่งเสียบสามเหลี่ยมงดงาม แอต.มาดริด 0 ยูเวนตุส 1
    
    นาทีที่  60 ”ตราหมี” ได้ลุ้นอีกครั้งจาก โฮเซ่ คิเมเนซ แต่ก็ยังข้ามคานออกไปก่อน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ขยับแก้เกมส่ง อังเคล คอร์เรอา ลงสนามแทน โตมาส์ เลอมาร์ ที่มีส่วนร่วมกับเกมน้อยมาก

    ต่อมานาทีที่ 65 ”ม้าลาย” มาบวกสกอร์เพิ่มจากจังหวะพาบอลควบขึ้นมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก่อนแทงให้ อเล็กซ์ ซานโดร สอดขึ้นมาหยอดด้วยซ้ายบอลลอยไปเข้าหัว แบลส มาตุยดี้ ขึ้นโขกโล่งๆแสกหน้า ยาน โอบลัค แอต.มาดริด 0 ยูเวนตุส 2

    แต่แล้วนาทีที่ 70 ”ตราหมี” มาได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะฟรีคิกกลางสนามของ โกเก้ เปิดยาวมาเสาสองให้ โฮเซ่ คิเมเนซ โขกชงเข้ากลางประตูและเป็น สเตฟาน ซาวิช ตามโหม่งซ้ำไม่มีเหลือ แอต.มาดริด 1 ยูเวนตุส 2
    
    ต่อมาอีก 3 นาที ทีมเยืนเกือบได้ประตูหนีห่างอีกครั้งจากจังหวะยิงของ กอนซาโล่ อิกวาอิน แต่ไปติดเซฟ ยาน โอบลัค ปัดออกมาเข้าทาง แบลส มาตุยดี้ ตามซ้ำก็ยังไปติดเท้า คีแรน ทริปเปียร์ ที่ยืนคุมเส้นช่วยทีมเอาไว้ได้

    ก่อนหมดเวลา 10 นาที เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูตีเสมอจากจังหวะยิงไกลของ บิโตโล่ ที่ลงสนามมาเป็นตัวสำรองแต่ยังไม่ผ่านมือ วอยเชียค เชสนี่ ช่วยเอาไว้ได้อีกครั้ง

    ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 90 เจ้าถิ่นมาตีเสมอสำเร็จจาก ลูกเตะมุมของ คีแรน ทริปเปียร์ ครอสเข้าหัว เฮคเตอร์ เอร์เรรา สอดมาโขกผ่านมือ วอยเชียค เชสนี่ เสียบเสาเข้าไป 

    จบเกม แอต.มาดริด 2 ยูเวนตุส 2

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

    แอต.มาดริด (4-4-2) : ยาน โอบลัค – คีแรน ทริปเปียร์, สเตฟาน ซาวิช, โฮเซ่ คิเมเนซ, เรนาน โลดี้ – โกเก้, ซาอูล ญีเกซ, โทมัส ปาเตย์, โตมาส์ เลอมาร์ – ชูเอา เฟลิกซ์, ดีเอโก้ คอสต้า

    เทรนเนอร์ : ดีเอโก้ ซิเมโอเน่

     ยูเวนตุส (4-3-3) : วอยเชียค เชสนี่ – ดานิโล่, มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, อเล็กซ์ ซานโดร – ฮวน กวาดราโด้, ซามี่ เคดิร่า, มิราเล็ม ปานิช, แบลส มาตุยดี้ – กอนซาโล่ อิกวาอิน, คริสเตียโน่ โรนัลโด้

    เทรนเนอร์ : เมาริซิโอ ซาร์รี่

ผู้ตัดสิน : แดนนี่ มัคเคลี่ (ฮอลแลนด์)

post

ดิมาเรียเบิ้ลทีมเก่า! ปารีสฯสอนเชิงเรอัลมาดริดเปิดหัวศึกแชมเปียนส์ลีก

Football-186

อังเคล ดิ มาเรีย ดาวเตะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยังคงเป็นตัวแสบเช่นเดิมหลังซัดสองเม็ดใส่ทีมเก่า “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ไปได้ 3-0 นำแชมป์ลีกเอิงคว้าสามแต้มประเดิมชัย ในการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดแรก คืนวันพุธที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

     ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดแรก คืนวันพุธที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา “เปแอสเช” ยักษ์ใหญ่แดนน้ำหอม เกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล ขาดดาวเตะอย่าง “เนย์มาร์” ที่ติดถูกแบนจากซีซั่นก่อน แถมไร้ชื่อ “คาวานี่-เอ็มบั๊ปเป้” ที่ยังบาดเจ็บอยู่ มีหัวหอกป้ายแดง เมาโร อีการ์ดี้ ประเดิมสนามเกมชปล.ให้ทีม ขณะที่ ซีเนดีน ซีดาน นายใหญ่ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แชมป์รายการนี้ 13 สมัยส่งผู้เล่นตัวหลักลงครบ แนวรุกมี “อาซาร์-เบล” ช่วยหนุนเกมบุก คาริม เบนเซม่า หมายชัยชนะเปิดหัวบอลยุโรป

     เริ่มครึ่งแรกถึงนาทีที่ 14 ฆวน เบร์นาต เติมเกมบุกขึ้นมาจ่ายบอลให้ เมาโร อีการ์ดี้ ดีดทำชิ่งก่อนปาดมาในกรอบเขตโทษ และเป็น อังเคล ดิ มาเรีย วิ่งเข้ามาจิ้มด้วยเท้าซ้ายบอลเสียบเสาแรกเข้าไป เปแอสเช นำก่อน 1-0

     ถัดมาอีกเพียงสองนาที เอแด็น อาซาร์ รับบอลจากเพื่อนร่วมทีม ก่อนลองซัดบอลหน้ากรอบเขตโทษ บอลตรงเข้าประตูแต่ทว่า เกย์ลอร์ นาวาส นายด่านเจ้าถิ่นโชว์พุ่งตัวเซฟไว้ได้

     ต่อมานาทีที่ 34 เจ้าถิ่นเฮลั่น โธมัส มูนิเย่ร์ ทุ่มบอลให้ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ เลี้ยงบอลแหวกผู้เล่นราชันชุดขาว ก่อนตบให้ อังเคล ดิ มาเรีย ที่ยืนอยู่หน้ากรอบเขตโทษ วางเท้าปั่นบอลผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายทวารทีมเยือน เข้าไปเป็นลูกที่สองของเจ้าตัวเกมนี้ เปแอสเชทิ้งเป็น 2-0

     ราชันชุดขาวชวดตีไล่มา แกเร็ธ เบล ซัดไกลหน้ากรอบเขตโทษบอลย้อยเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ทว่ากรรมการขอดูวีเออาร์เนื่องจากผู้เล่นเปแอสเชประท้วงเป็นลูกแฮนด์บอลและยืนยันว่าบอลโดนมือจริง เรอัล มาดริด โดนริบสกอร์ไปในนาทีที่ 35 จบ 45 นาทีแรก ปารีสฯ ขึ้นนำ 2-0

     เริ่มครึ่งหลังผ่านถึงนาทีที่ 60 อังเคล ดิ มาเรีย หลุดเข้าในกรอบเขตโทษ ใช้เท้ากระดกบอลหวังให้ข้ามตัวผู้รักษาประตูคู่แข่งแต่บอลกลับลอยโด่งเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

     นาทีถัดมาเจ้าถิ่นเปิดเกมต่อ ฆวน เบร์นาต รับบอลจากเพื่อนริมกรอบเขตโทษ ไหลต่อให้ อังเคล ดิ มาเรีย จับบอลแบบไขว้เท้าแล้วจ่ายให้ ปาโบล ซาราเบีย ที่โฉบตัดหน้าแนวรับเรอัล มาดริด ยิงเสาแรกแต่บอลออกข้างเสาไปแบบมีลุ้น

     ราชันชุดขาวอดได้สกอร์อีกหนนาทีที่ 77 คาริม เบนเซม่า ได้ซัดเต็มข้อริมเขตโทษด้านซ้าย บอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไป แต่ว่ากลับมีผู้เล่นเรอัล มาดริด ยืนล้ำหน้าก่อนบอลกระดอนมาหาดาวยิงชาวฝรั่งเศส อีกสองนาทีต่อมา คาริม เบนเซม่า ยืนโหม่งบอลจากการครอสของเพื่อนร่วมทีมที่เสาสอง ทว่าบอลยังคงเฉียดเสาออกหลังอีกคราช่วงนาทีที่ 79 

     ช่วงทดเจ็บเจ้าถิ่นยิงปิดแมตช์ โธมัส มูนิเย่ร์ ฟูลแบ็กเจ้าถิ่นแย่งบอลจากผู้เล่นราชันชุดขาว ก่อนลากตะลุยขึ้นหน้าจ่ายให้ อังเคล ดิ มาเรีย ตวัดบอลกลับคืนไปที่เจ้าตัวหลุดเดี่ยวไปทางริมสนามด้านขวา ก่อนตบบอลให้ ฆวน เบร์นาต ที่ยืนโล่งอยู่อีกฝั่งของกรอบเขตโทษ ไหลคืนกลับมาให้ โธมัส มูนิเย่ร์ ยิงเข้าไป จบเกม เปแอสเช ชนะ เรอัล มาดริด 3-0 คว้าสามแต้มประเดิมศึกชปล.รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (4-3-3):เกย์ลอร์ นาวาส,โธมัส มูนิเย่ร์,ติอาโก้ ซิลวา,เพรสแนล คิมเพมเบ้,ฆวน เบร์นาต,มาร์กินญอส (อันเดร์ เอร์เรร่า น.70),อิดริสซ่า กาน่า เกย์,มาร์โก แวร์รัตติ,ปาโบล ซาราเบีย (อับดู ดิอาโล น.89),อังเคล ดิ มาเรีย,เมาโร อีการ์ดี้ (มักซิม ชูโป-โมติง น.60)

เรอัล มาดริด (4-3-3):ติโบต์ กูร์กตัวส์,ดานี่ การ์บาฆาล,เอแดร์ มิลิเตา,ราฟาแอล วาราน,แฟร์กล็องด์ เมนดี้,โทนี่ โครส,คาเซมีโร่,ฮาเมส โรดริเกซ (ลูก้า โยวิช น.70),เอแด็น อาซาร์ (ลูกัส บาสเกซ น.70),แกเร็ธ เบล (วิเนซิอุส จูเนียร์ น.79),คาริม เบนเซม่า

post

ไก่ชวดชัย! เคนกดโทษ-สเปอร์สนำ2เม็ดไม่เฮ กอสฮึดไล่เจ๊าเปิดหัว แชมเปียนส์ลีก

Football-185

“ไก่เดือยทอง” รองแชมป์ฯรายการนี้เมื่อซีซั่นที่แล้ว แม้จะขึ้นนำไปก่อนถึง 2-0 แต่ไม่สามารถรักษาสกอร์ได้สำเร็จ เมื่อเจอลูกฮึดของเจ้าถิ่น โอลิมเปียกอส รัวสองเม็ดไล่ตีเสมอ 2-2 จบด้วยการแบ่งแต้มกันไป ในเกมเปิดสนามนัดแรก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี เมื่อคืนวันพุธที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

สนาม : สตาดิโอ จอร์กอส คาราอิสกากิส

    เริ่มเกมตอนแรกดูสูสีจนกระทั่งนาที 26 ไก่เดือยทองขึ้นนำจากจังหวะไม่น่ามีอะไร ยัสซีน เมรีอาห์ ไปแหย่เท้าสกัด แฮร์รี่ เคน ล้มลงในเขตโทษ แล้วสัญญาณ วีเออาร์ เด้งเตือน ก่อนที่กรรมการเปลี่ยนคำตัดสิน และเป็น เคน ลุกขึ้นมาสังหารเองไม่พลาดขึ้นนำ 1-0

    นาที 30 สกอร์ไหลเป็นสอง เบน เดวิส แย่งบอลได้แล้วจ่ายให้ ลูกัส มูร่า ตะบันหน้าเขตโทษเสียบก้นตาข่ายอย่าวสวยงาม คลับไก่นำห่าง 2-0

    แต่ก่อนหมดเวลานาทีเดียว โอลิมเปียกอสตีไข่แตกได้จาก ดาเนียล โปเดนซ์ เล่นชิงเข้าไปยิงเรียดเสียบเสาไกลเป็นการแก้ตัวที่เสียบอลจนโดนยิงเม็ดสอง และพักครึ่งไปด้วยสกอร์สเปอร์สนำ 2-1

    ต่อครึ่งหลังนาที 54 เจ้าถิ่นบุกครั้งแรกได้เรื่องเลยเมื่อ มาติเยอ วัลบูเอน่า เรียกฟาวล์ได้จากจังหวะโดน ยาน แฟร์ทองเก้น ทำฟาวล์ ก่อนที่ดาวเตะร่างเล็กเลือดน้ำหอมสังหารเองไม่พลาดไล่ตีเสมอ 2-2

    นาที 66 ไก่เดือยทองพลาดได้ลูกสาม เดเล่ อัลลี ได้กดเรียดติดเซฟ โชเซ่ ซา ออกหลัง จากเตะมุม เคน ได้โขกก็โด่งข้ามคาน

    เวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมทยอยกันเปลี่ยนตัวแก้เกมแต่ไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกมสเปอร์สบุกเสมอ 2-2 แบบน่าเสียดายนิดๆ หลังนำห่างไปก่อน 2 เม็ด

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    โอลิมเปียกอส : โชเซ่ ซา – โอมาร์ เอลับเดลเลา, รูเบน เซเมโด้, ยัสซีน เมรีอาห์, คอสตาส ซิมิกัส – กิลเญร์เม่, อันเดรียส บูชาลากิส – จอร์กอส มาซูราส, มาติเยอ วัลบูเอน่า, ดาเนียล โปเดนซ์, มิเกล อังเคล เกร์เรโร่

    สเปอร์ส : อูโก้ โยริส – ดาวินซอน ซานเชซ, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ทองเก้น, เบน เดวิส – แฮร์รี่ วิงค์ส, ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ – ลูกัส มูร่า, คริสเตียน เอริคเซ่น, เดเล่ อัลลี – แฮร์รี่ เคน

    ผู้ตัดสิน : จานลูก้า ร็อคคี่ (อิตาลี)

post

กุนโดกันแจ่ม! แมนซิตี้คืนฟอร์มดุ-บุกกระซวกชัคตาร์ฯขาดลอย

Football-184

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมกลับมาคว้าชัยชนะได้อีกครั้งหลังประเดิม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เกมแรกด้วยการบุกไปคว้าสามแต้มถึงบ้าน ชัคตาร์ โดเนตส์ค 3-0 เมื่อคืนวันพุธที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

สนาม : อ็อบลาสนี่ย์ สปอร์ต คอมเพล็กซ์

    ชัคตาร์ โดเนตส์ค ทีมแกร่งจากยูเครน แมตช์เปิดหัว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของกลุ่ม ซี รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นที่แล้ว ที่ล่าสุดเพิ่งพ่ายให้ นอริช 2-3 

    เจ้าถิ่น หลุยส์ กาสโตร กุนซือชาวโปรตุกีสส่งแนวรุกอย่าง มาร์ลอส, ไทสัน และมานอร์ โซโลมอน ขับเคลื่อนเกมรุกอยู่ข้างหลัง จูเนียร์ โมราเอส ส่วนทางด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แม้จะมีปัญหาแนวรับ ทว่าเกมนี้จับ แฟร์นานดินโญ่ ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ สามประสานใช้ กาเบียล เชซุส แทน เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่เป็นสำรอง โดยมี ราฮีม สเตอร์ลิง และริยาด มาห์เรซ ขนาบข้าง

    เปิดฉากมาได้แค่ นาทีเดียว “เรือใบสีฟ้า” เกือบชิงขึ้นนำไปก่อน หลัง เควิน เดอ บรอยน์ ครอสบอลมาให้ โรดรี้ โฉบขึ้นโขกแต่บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

    นาที 16 คราวนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง โขกต่อให้ อิลคาย กุนโดกัน ได้อัดด้วยซ้ายในกรอบแต่บอลก็หลุดเสาออกไปอีกหน

    นาที 24 แมนฯ ซิตี้ มาชิงขึ้นนำ 1-0 จนได้ บอลเริ่มจาก เควิน เดอ บรอยน์ ไปปั้มบอลแย่งมาให้ อิลคาย กุนโดกัน เปิดไปโดนแนวรับเจ้าถิ่นสกัดมาเข้าทาง กาเบรียล เชซุส ไหลสั้นต่อให้ กุนโดกัน วิ่งมาอัดด้วยซ้ายไปชนเสาก่อนกระดอนมาเข้าทาง ริยาด มาห์เรซ ที่ไม่ล้ำหน้าตามซ้ำด้วยซ้ายเข้าไป

    นาที 35 บอลสวนกลับของ ชัคตาร์ฯ เกือบได้ลูกตีเสมอ หลัง ไทสัน แทงบอลทะลุแนวรับซิตี้ให้ จูเนียร์ โมราเอส หลุดไปยิงเสาแรกติดตัว เอแดร์ซอน ที่เซฟช่วยทัพเรือใบไว้ได้

    กระนั้น นาที 38 ลูกทีมของ เป๊ป มาได้ประตูที่สองนำห่าง 2-0 บอลจากทางซ้าย ริยาด มาห์เรซ ควบบอลเข้าไปก่อนแอสซิสต์เข้ากรอบเขตโทษให้ อิลคาย กุนโดกัน เติมขึ้นมาก่อนดีดไซด์ก้อยด้วยขวาเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาด

    นาที 44 แนวรับเรือใบเช็กยืนกันหลวมโดน ไทสัน แทงบอลขึ้นหน้าให้ จูเนียร์ โมราเอส หลุดเข้าไปแต่ยังดีที่ เอแดร์ซอน โมราเอส พุ่งมาขวางทางก่อนบอลไปติดขานายด่านทีมเยือน

    จบครึ่งแรก ชัคตาร์ โดเนตส์ค ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2

    ครึ่งหลัง เจ้าถิ่นเปลี่ยนตัวคนแรกส่ง เยฟเฮน โคโนเปลียนก้า ลงมาเล่นแทน มานอร์ โซโลมอน

    นาที 53 แมนฯซิตี้ เกือบได้ลุ้นนำโด่งอีกเม็ดหลัง อิลคาย กุนโดกัน พาบอลเข้าไปยิงด้วยขวาแต่ยังไปติดเซฟของ อังเดร เปียตอฟ บอลเลยมาเข้าเท้า ราฮีม สเตอร์ลิง กดด้วยขวาบอลพุ่งไปชนเสาชวดได้ประตูที่สามอย่างน่าเสียดาย

    นาที 76 แมนฯซิตี้ สวนกลับเร็วบอลมาถึง เควิน เดอ บรอยน์ แทงบอลทะลุแนวรับถึง กาเบรียล เชซุส หลุดเข้าไปล่อเป้ายิงด้วยขวาผ่านตัว อังเดร เปียตอฟ เข้าไปให้ “เรือใบสีฟ้า” นำห่างเจ้าถิ่น 3-0

    ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ชัคตาร์ โดเนตส์ค เปิดบ้านพ่ายให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดลอย 0-3 เป็นสามแต้มของทัพ “เรือใบ” ประเดิมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้

    รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม    

    ชัคตาร์ โดเนตส์ค (4-5-1) : อังเดร เปียตอฟ – เซอร์เก โบลบัต, เซอร์เก คริฟต์ซอฟ, มีโคล่า มัตวิเยนโก้, อิสไมลี่ – ทาราส สเตปาเนนโก้, มาร์ลอส, ไทสัน, อลัน แพทริค (มาร์คอส อันโตนิโอ น.74), มานอร์ โซโลมอน (เยฟเฮ่น โคโนเปลียนก้า น.46) – จูเนียร์ โมราเอส (เดนตินโญ่ น.77)

     เทรนเนอร์ : หลุยส์ กาสโตร

     แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์ (ชูเอา คันเชโล่ น.81), นิโกลัส โอตาเมนดี้, แฟร์นานดินโญ่, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ – เควิน เดอ บรอยน์ (แบร์นาโด ซิลวา น.77), โรดรี้ เอร์นานเดซ (เบนฌาแม็ง เมนดี้ น.83), อิลคาย กุนโดกัน – ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง

    เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า  
 
    ผู้ตัดสิน : อาร์ตูร์ โซอาเรส ดิอ๊าส (โปรตุเกส)

post

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง vs เรอัล มาดริด : พรีวิว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

Football-183

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม

ปารีส แซงต์-แชร์กแมงเปแอสเช จะขาดผู้เล่นตัวหลักอย่าง เนย์มาร์ (โทษแบน) และ เอดินซอน คาวานี กับ คิเลียน เอ็มบัปเป้ (บาดเจ็บ) โดย เอริค มักซิม ชูโป-โมติง ที่กำลังฟอร์มร้อนแรงมีสิทธิ์เบียด เมาโร อิคาร์ดี้ ลงสนามในเกมนี้
นอกจากนี้ โธมัส ทูเคิล จะยังไร้ ยูเลียด ดรักซ์เลอร์, ธิโล เคห์เรอร์ และ โกแล็ง ดักบา จากปัญหาอาการบาดเจ็บด้วยเช่นกัน ขณะที่ เคย์ลอร์ นาบาส จะได้ดวลกับทีมเก่าหลังย้ายมาจาก เรอัล มาดริด เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา
จากที่ ทูเคิล มีปัญหาแข้งเดี้ยงระนาวจึงทำให้มีความเป็นไปได้ที่ มาร์ควินญอส จะถูกดันขึ้นไปเล่นเป็นกองกลางและ เปรสเนล คิมเป็มเบ้ ประจำการในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คแทนที่

https://twitter.com/PSG_English/status/1173643334004432900

เรอัล มาดริดอิสโก้ และ ลูก้า โมดริช ไม่สามารถลงช่วยทีมได้ในเกมนี้และคาดว่า ซีเนดีน ซีดาน จะใช้งาน ฮาเมส โรดริเกวซ ที่แดนกลาง ขณะที่ เอเด็น อาซาร์ ลงสนามเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังของเกมที่ผ่านมาและมีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าตัวจะได้ออกสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรกในเกมนี้โดยมี แกเร็ธ เบล ประสานงานที่ฝั่งขวา
นาโช และ เซร์คิโอ รามอส ติดโทษแบนไม่สามารถลงเล่นได้โดยคาดว่า ซีดาน จะส่ง เอแดร์ มิลิเตา ประจำการแทนที่

https://twitter.com/realmadrid/status/1173871625487470592

สถิติที่น่าสนใจ

  • ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ออกสตาร์ทฤดูกาล 2019/20 ได้น่าประทับใจตามคาดกับสถิติ ชนะ 4 แพ้  1 โดยสามารถรักษาคลีนชีทได้ในเกมที่พวกเขาเอาชนะได้ทั้งหมด (ยิงได้ 7 เสีย 0) 

  • เรอัล มาดริด รั้งอันดับที่ 3 บนตารางคะแนน ลา ลีกา กับสถิติไร้พ่าย 4 เกมแรกในฤดูกาล 2019/20 (ชนะ 2 เสมอ 2) 

  • หากไม่นับรวมเกมนัดชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่แข่งขันในสนามกลางแล้ว สถิติการลงเล่นเป็นเกมทีมเยือนของ เรอัล มาดริด นับตั้งแต่ฤดูกาล 2017/18 พวกเขาเอาชนะได้ทั้งหมด 8 เกม แพ้ 2 โดย 3 จาก 4 แมตช์หลังสุดของพวกเขาในรอบแบ่งกลุ่มจบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์

  • ฆวน เบร์นัต ยิงประตูเบิกร่องให้กับ เปแอสเช ในการลงเล่นเป็นทีมเยือนใน ยูซีแอล 2 เกมหลังสุดในฤดูกาล 2018/19 โดยทั้ง 2 ลูกเกิดขึ้นใน 15 นาทีแรกของเกม

  • คาริม เบนเซมา พัง 2 ประตูในเกมที่ผ่านมาและเป็นการยิงได้ภายในครึ่งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
post

แอตเลติโก มาดริด vs ยูเวนตุส : พรีวิว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

Football-182

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม

แอตเลติโก มาดริด

ทีมตราหมี สะดุด พ่าย เรอัล โซเซียดาด 2-0 ในเกมลีกนัดล่าสุด ทำให้เกมนี้ลูกทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน ต้องพยายามเก็บ 3 คะแนนในบ้านให้ได้เพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา แต่การต้องรับมือทีมอย่าง ยูเวนตุส ย่อมไม่ใชเรื่องง่าย การได้เล่นในบ้านพร้อมเสียเชียร์จากแฟน ๆ ใน วานต๋า น่าจะทำให้พวกเขาได้เปรียบเรื่องสภาพจิตใจ อีกทั้งซีซั่นก่อนที่สนามแห่งนี้ ขุนพล แอตฯ มาดริด เคยเปิดบ้านเอาชนะ ม้าลาย มาแล้ว 2-0

ความพร้อมล่าสุด ทีมจะไม่สามารถใช้งานนักเตะได้ 3 ราย อัลบาโร โมราต้า และ ซิเม เวอร์ซัลจ์โก้ ที่มีอาการเจ็บที่หัวเข่าทั้งคู่ ส่วนอีกรายคือ โทมัส ที่พึ่งหายจากอาการบาดเจ็บมาไม่นาน อาจจะมีชื่อแค่บนม้านั่งสำรอง ด้านตัวหลักอื่น ๆ พร้อมลงสนามทั้งหมด คาดว่าทีมตราหมี จะรอตั้งรับและหาจังหวะสวนกลับตามแบบที่พวกเขาถนัด ให้ คอสต้า และ เฟลิกซ์ ยืนเป็นคู่หูในแดนหน้าใช้ความคล่องตัวและความแข็งแกร่งเจาะแนวรับของ ยูเวนตุส ในเกมนี้

https://twitter.com/Atleti/status/1174030303331065856

ยูเวนตุส

ผลงานในซีซั่นนี้ยังดูไม่ลงตัวมากนักสำหรับทีมม้าลาย ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี โดยเกมนัดล่าสุดบุกไปเสมอกับ ฟิออเรนตินา แบบไร้สกอร์ ทำให้การมาเยื่อน แอตเลติโก้ มาดริด วันนี้จะเป็นงานหนักของพวกเขาอย่างแน่นอน ที่จะต้องเจอกับแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดทีมหนึ่งในยุโรป ต้องมาดูกันว่า อดีตผู้จัดการทีมเชลซี จะมีทีเด็ดอะไรมาใช้ฉีกแนวรับของเจ้าบ้านในค่ำคืนวันนี้

ทีมดังจากตูริน มีปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บพอสมควร โดยมีนักเตะที่ไม่สามารถลงสนามได้ถึง 7 คน จอร์จิโอ คิเอลลินี, ดักลาส คอสต้า, มัตเตีย เปริน, มัตเตีย เด ชีโย สี่รายนี้ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ส่วนอีกสามรายที่ต้องรอเช็คความพร้อมก่อนเกมคือ ดานิโล, มาร์โก้ ชาก้า, มิราเล็ม ปานิช

https://twitter.com/juventusfcen/status/1174035346713206785

สถิติที่น่าสนใจ

  • แอตเลติโก มาดริด ไม่แพ้ใครในบ้านมาแล้ว 9 เกมติดต่อกัน หากนับเฉพาะเกมอย่างเป็นทางการ

  • ทั้งสองทีมพึ่งจะโคจรมาพบกันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อซีซั่นก่อน และต่างคนต่างเอาชนะในบ้านของตัวเองได้โดยอีกทีมไม่สามารถบุกมาทำประตูได้เลย ผลสุดท้ายเป็น ยูเวนตุส เอาชนะไปด้วยประตูรวม 3-2

  • คริสเตียโน โรนัลโด้ คือจอมยิงประตูทีมตราหมี หลังซัดไปแล้วกว่า 25 ประตูตลอด 31 เกมที่เคยพบกันมา โดยเกมล่าสุดเป็นเกมที่ทีมม้าลาย เปิดบ้านรับการมาเยือนของ แอตฯ มาดริด ในเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมาและ ซีอาร์ 7 ทำแฮตทริกได้ในเกมนั้น

  • ทีมดังแห่งเมืองตูริน ยังไม่เคยบุกมาทำประตูที่สนามแห่งนี้ได้เลย นับตั้งแต่ที่ทั้งสองทีมเคยพบกันมา