post

จิ้งจอกสยามยำสยอง!ตัดเกรดแข้งเลสเตอร์เกมกระซวกโหดเซาธ์ฯ

Football-274

เป็นสกอร์ที่มโหฬารชวนตะลึงดีแท้สำหรับ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกไปยำใหญ่ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่เหลือ 10 คนตั้งแต่ต้นเกม ถึงบ้านแบบไม่มีเกรงใจ

ด้วยสกอร์ 9-0 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยที่เกมนี้ เลสเตอร์ มีผู้เล่นถึงสองคนที่กดแฮตทริกได้ ขณะที่แบ็กซ้ายตัวเก่งอย่าง เบน ชิลเวลล์ ก็วิ่งเติมเกมรุกอย่างเมามันส์ และนี่คือผลสอบของลูกทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในเกมสุดโหดเมื่อคืนที่ผ่านมา

 11 ผู้เล่นตัวจริง

    – แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : 7
        แม้เป็นเกมที่ เลสเตอร์ บุกยำอยู่ข้างเดียว แต่ ชไมเคิ่ล ก็มีโชว์เซฟสวยๆ ให้เห็น 2 ครั้ง

    – เบน ชิลเวลล์ : 9
        เป็นเกมที่เล่นได้โดดเด่นมาก เติมเกมรุกได้มีประสิทธิภาพสุดๆ โดยนอกจากเป็นคนทำประตูขึ้นนำ 1-0 แล้ว ยังทำแอสซิสต์สวยๆ ได้อีก 2 ครั้ง
    
    – ชัคลาร์ โซยุนชู : 7.5
        คุมแนวรับได้ยอดเยี่ยม โดดเด่นทั้งลูกกลางอากาศและการเข้าแท็กเกิ้ล

    – จอนนี่ อีแวนส์ : 7
        ไม่ได้เจองานหนักอะไรมาก แถมเกือบมีชื่อเป็นคนทำสกอร์ในช่วงครึ่งหลังด้วย

    – ริคาร์โด้ เปเรยร่า : 7.5
        อาจจะเติมเกมรุกไม่มันส์เท่า ชิลเวลล์ แต่เกมรับทำได้เยี่ยมมาก โดยเฉพาะการเข้าแท็กเกิ้ล

    – วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ : 8
        เล่นได้เยี่ยมมาก คุมแดนกลางได้โดดเด่น เข้าแท็กเกิ้ลได้ถึง 7 ครั้ง และมีการผ่านบอลที่แม่นยำ

   – อาโยเซ่ เปเรซ : 9
        ฮอตมากๆ เป็นเกมที่เจ้าตัวจบสกอร์ได้อย่างเด็ดขาด จนทำแฮตทริกได้ ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกไปนั่งพักช่วงท้ายเกม

    – ยูริ ตีเลอมันส์ : 8
        ฟอร์มโดดเด่นต่อเนื่องสำหรับมิดฟิลด์ชาวเบลเยียม และเกมนี้ก็มีทั้งยิงและจ่ายอย่างละ 1

    – เจมส์ แมดดิสัน : 7.5
        เล่นได้กลางๆ และเกือบจะเป็นเกมที่ไม่มีทั้งแอสซิสต์และประตู จนกระทั่งมายิงฟรีคิกสุดสวยเป็นประตู 8-0 ช่วง 5 นาทีสุดท้าย

    – ฮาร์วีย์ บาร์นส์ : 8
        แม้ไม่มีสกอร์ แต่เป็นเกมที่เจ้าตัวเล่นได้โดดเด่นทีเดียว และก็มี 1 แอสซิสต์กับการหยอดบอลสุดแม่นให้ เปเรซ กระทุ้งประตู 6-0

    – เจมี่ วาร์ดี้ : 9
        ยิ่งแก่ยิ่งเก่งจริงๆ สำหรับอดีตหัวหอกทีมชาติอังกฤษวัย 32 ปี มีการเข้าทำที่เฉียบขาด และโชว์สปีดเข้าไปเรียกจุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนสังหารเข้าไปไม่พลาดเป็นประตูปิดเกม 9-0 พร้อมกับทำแฮตทริกให้กับตัวเองสำเร็จ

 สำรองที่ได้ลงเล่น
    – มาร์ค อัลไบรท์ตัน (แทน บาร์นส์ น. 72) : 6

        มีการโชว์ลากเลื้อยให้เห็น และได้ลองยิงไป 1 ครั้ง

    – เดมาราย เกรย์ (แทน เปเรซ น. 74) : 5
        ไม่มีบทบาทอะไรมาก  

post

เปิด 9 สถิติหลังเกม “แมนฯยู” บุกเฉือนหืด “ปาร์ติซานฯ” แบ่งกลุ่ม ยูโรปา

Football-273

เปิด 9 สถิติหลังเกมที่ทาง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ยอดทีมแดนผู้ดี บุกไปเอาชนะ “ปาร์ติซาน เบลเกรด” 1-0 โดยได้ประตูชัยจาก “อองโตนี มาร์เชียล” ที่ซัดจุดโทษในนาทีที่ 43 ของเกมการแข่งขัน

วันที่ 25 ต.ค. 62 ความเคลื่อนไหวของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่บุกไปเอาชนะ ปาร์ติซาน เบลเกรด 1-0 ในศึก ยูโรปาลีก 2019-20 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มแอล นัดที่ 3 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา โดยได้ประตูชัยจาก อองโตนี มาร์เชียล หัวหอกชาวฝรั่งเศส ที่ยิงจุดโทษเข้าไปในนาทีที่ 43 ของเกมการแข่งขัน

9 สถิติหลังเกม

ปาร์ติซาน เบลเกรด 15 โอกาสทำประตู 5 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปาร์ติซาน เบลเกรด 2 ยิงเข้ากรอบ 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปาร์ติซาน เบลเกรด 39% ครองบอล 61% แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปาร์ติซาน เบลเกรด 327 ผ่านบอล 505 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปาร์ติซาน เบลเกรด 69% ผ่านบอลสำเร็จ 85% แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปาร์ติซาน เบลเกรด 20 ฟาวล์ 18 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปาร์ติซาน เบลเกรด 3 ใบเหลือง 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปาร์ติซาน เบลเกรด 1 ล้ำหน้า 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปาร์ติซาน เบลเกรด 9 เตะมุม 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

post

สเตอร์ลิงแฮตทริก! แมนฯ ซิตี้ ไล่ยิง อตาลันต้า 5-1 นำฝูงกลุ่มซี

Football-272

การแข่งขัน ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม ซี นัดที่ 3 แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านพบกับ อตาลันต้า ทีมจากอิตาลี ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันอังคารที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา

เริ่มเกมมาทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันสนุก แต่ยังไม่มีโอกาสจบสกอร์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย จนเข้านาทีที่ 27 ทีมเยือนมาได้จุดโทษจากจังหวะที่ แฟร์นันดินโญ่ ไปเตะ โยซิป อิลิซิช ล้มลงในเขต และเป็น รุสลัน มาลินอฟสกี้ สังหารเข้าไปไม่พลาดให้ อตาลันต้า ขึ้นนำ 1-0

นาทีที่ 34 เจ้าถิ่นตามตีเสมอ 1-1 ราฮีม สเตอร์ลิง ลากตัดหลังแนวรับก่อนตักให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ วิ่งหลุดกับดักล้ำจิ้มลอดขา ปิแอร์ลุยจิ กอลลินี่ ตุงตาข่ายเด็ดขาด

นาทีที่ 37 อันเดรีย มาซิเอลโล่ กองหลังทีมเยือนไปทำฟาวล์ สเตอร์ลิง ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ทันทีและเป็น เซร์คิโอ อเกวโร่ ยิงเข้าไปแบบเด็ดขาด แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูแซงนำ 2-1 พร้อมจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 57 เจ้าบ้านประสานงานได้อย่างยอดเยี่ยม เควิน เดอ บรอยน์ ไหลให้ ฟิล โฟเด้น แทงต่อถึง ราฮีม สเตอร์ลิง ซัดโล่งๆ ไม่เหลือ แมนฯ ซิตี้ หนีเป็น 3-1

นาทีที่ 64 เจ้าบ้านลุยต่อ อิลคาย กุนโดกัน จ่ายให้ ราฮีม สเตอร์ลิง แตะหลบแนวรับก่อนยิงยัดเสาแรกเข้าไปอย่างเหนือชั้น แมนฯ ซิตี้ ทิ้งห่างเป็น 4-1

นาทีที่ 69 “เรือใบสีฟ้า” มาได้ประตูทิ้งเป็น 5-1 ริยาด มาห์เรซ เปิดบอลจากฝั่งขวาให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเดี่ยวเข้าไปแปสวนตัว ปิแอร์ลุยจิ กอลลินี่ ซุกก้นตาข่าย และเป็นแฮตทริกของเจ้าตัว

นาทีที่ 82 เจ้าบ้านต้องมาเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน จากจังหวะที่ ฟิล โฟเด้น ไปทำฟาวล์ด้วยการดึงเสื้อของ มาร์เท่น เดอ รอน ทำให้โดนใบเหลืองที่สอง เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

จบเกม แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านแซงเอาชนะ อตาลันต้า 5-1 เก็บ 9 คะแนนเต็ม จากการลงสนาม 3 นัด นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มซี

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์, โรดรี้ เอร์นานเดซ, แฟร์นันดินโญ่, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ – เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, ฟิล โฟเด้น – ริยาด มาห์เรซ, เซร์คิโอ อเกวโร่, ราฮีม สเตอร์ลิง
อตาลันต้า (3-4-1-2) : ปิแอร์ลุยจิ กอลลินี่ – ราฟาเอล โตลอย, เบรัต ฌิมซิติ, อันเดรีย มาซิเอลโล่ – ติโมธี คาสตานเญ่, มาร์เท่น เดอ รอน, เรโม ฟรอยเลอร์, โรบิน โกเซนส์ – รุสลัน มาลินอฟสกี้, อเลฮานโดร โกเม – โยซิป อิลิซิช
ผู้ตัดสิน : โอเรล กรินเฟลด์ (อิสราเอล)

post

โป้งเดียวจอด “ดาบคู่” คมในบ้าน เปิดรังเฉือนหวิวปืนโต 1-0

Football-271

“ลิส มุสเซต” พังประตูชัยตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก และเป็นประตูชี้ขาดช่วยให้เชฟฟิล์ด ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะอาร์เซนอลไปแบบหวุดหวิด ในเกมมันเดย์ ไนท์

การแข่งขันศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 โดยเกมนัดมันเดย์ ไนท์ ประจำคืนวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด อันดับ 9 ของตาราง เปิดบ้านที่สนามบรามอลล์ เลน รับมือ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ทีมอันดับ 5

เปิดฉากครึ่งแรกในนาทีที่ 21 อาร์เซนอลมีโอกาสทักทายก่อน เซอัด โคลาซินัช กระชากขึ้นมาทางซ้าย ก่อนเปิดมาหน้าประตูให้ นิโคลัส เปเป แปบอลวืดอย่างน่าเสียดาย

จนนาทีที่ 30 เจ้าถิ่นขึ้นนำก่อน 1-0 จากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย แจ็ค โอคอนเนลล์ โหม่งชงมาหน้าประตูให้ ลิส มุสเซต ชาร์จจ่อๆ ตุงตาข่าย และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

จากนั้นครึ่งหลัง อาร์เซนอลเปิดฉากบุกอย่างต่อเนื่องหวังทวงประตูคืน และมีลุ้นในนาทีที่ 58 บูยาโก ซากา เปิดให้กับ ดานี เซบาญอส ยิงด้วยขวา แต่นายทวารเชฟฟิลด์ฯ ยังพุ่งรับเอาไว้ได้ทัน

post

“ธีรศิลป์-เอกนิษฐ์”คนละเม็ด!ตัดเกรดไทยเปิดบ้านเฉือนยูเออี 2-1

Football-258

หลังจากที่ผลการแข่งขันในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ของกลุ่ม จี เมื่อวันอังคารที่ 15 ต.ค.62 ผลปรากฏว่า ทีมชาติไทยของกุนซือ “อากิระ นิชิโนะ” ผงาดขึ้นรั้งจ่าฝูงกลุ่ม จี ได้สำเร็จหลังจากเปิดบ้านเฉือนเอาชนะ ยูเออี 2-1 จากผลงานของ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา และ “บุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา ชนิดที่แฟนๆบอลชาวไทยต่างประทับใจผลงานที่เล่นดีกว่าผู้มาเยือนชัดเจน

    โดยผลสอบของนักเตะทีมชาติไทยแต่ละคนที่ได้ลงเล่น มีดังนี้

    ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน “ไม่ค่อยมีจังหวะลูกเซฟอันตรายเท่าไหร่ มีเพียงแค่จังหวะที่เสียประตูเพียงครั้งเดียว แต่จังหวะนั้นก็หมดสิทธิ์เซฟจริงๆ ภาพรวมยังถือว่าทำหน้าที่ได้มาตรฐานเช่นเดิมสำหรับผู้รักษาประตูวัย 35 ปีรายนี้” 

    คะแนน : 6

    ธนบูรณ์ เกษารัตน์  “ยังมีจังหวะที่ถูกผู้เล่นยูเออี หนีประกบหลุดกับดักล้ำหน้าให้เห็นอยู่บ้าง แต่ยังดีที่ผู้เล่นยูเออีทำบอลลั่นออกไปเอง เช่นเดียวกับลูกที่เสียประตูที่ยืนประกบห่าง อาลี มับคูต จนถูกยืนโหม่งโล่งๆเข้าไปอย่างง่ายดาย”

    คะแนน : 6
 
    มานูเอล ทอม เบียรห์ “ยังมีจังหวะที่ช้าอยู่พอสมควร โดยในจังหวะที่เสียประตูเขายืนอยู่เสาแรกแต่กลับปล่อยให้บอลลอยข้ามไปเฉยๆ ส่วนในจังหวะที่มีโอกาสโหม่งโล่งๆช่วงครึ่งแรก ดันโหม่งหวิดไปโดน ไม่งั้นอาจมีลูกสองหนีห่างยูเออีก็เป็นได้”

    คะแนน : 5.5
 
    นิติพงษ์ เสลานนท์ “ถือว่าโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียวสำหรับแบ็คขวาจาก การท่าเรือ เอฟซี อีกทั้งยังทำแอสซิสต์ได้ 1 ลูกในจังหวะที่จ่ายข้ามกองหลังยูเออีให้กับ เอกนิษฐ์ ปัญญา ยิงโล่งๆ เรียกได้ว่าเป็นวันแจ้งเกิดของของแบ็คขวาสิงห์เจ้าท่าไปโดยปริยาย

    คะแนน : 7
 
    ธีราทร บุญมาทัน  “ยังคงโชว์ผลงานสมกับเป็นนักเตะเจลีก รักษาฟอร์มมาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม แถมมีลูกโยกหลอกนักเตะยูเออีในช่วงท้ายครึ่งหลัง จนเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอลที่เข้าไปเชียร์ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต กันเลยทีเดียว”

    คะแนน : 6.5

    สารัช อยู่เย็น “สามารถคุมเกมแดนกลางได้เป็นอย่างดี คอยปัดกวาดคู่ต่อสู้ได้แทบจะอยู่หมัด แถมยังมีโอกาสทำประตูได้อีกด้วยจากจังหวะซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งในช่วงครึ่งแรก อย่างไรก็ดียังคงต้องเช็คอาการบาดเจ็บของเจ้าตัวหลังถูกหามเปลออกไปปฐมพยาบาลข้างสนามจนเล่นต่อไม่ไหว

    คะแนน : 6.5
 
    พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล “คอยซัพพอร์ตกับ สารัช อยู่เย็น ได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของเกมบุก และเกมรับ ที่ยังคงโชว์ผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่ายังคงสร้างมาตรฐานฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียวสำหรับมิดฟิลด์ตัวรับจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 

    คะแนน : 6.5
 
    ศศลักษณ์ ไหประโคน  “เป็นวันที่ฟอร์มไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเท่าไหร่ หลังได้รับโอกาสลงสนามในเกมนี้ บางจังหวะในการกระชากลากเลื้อยยังดูติดๆขัดๆ ทำให้ลงเล่นในแมตช์นี้ได้เพียง 60 นาทีเท่านั้น

    คะแนน : 5
    
    สุภโชค สารชาติ “ฟอร์มการเล่นอาจไม่ค่อยไฉไลเหมือนกับ 2 เกมที่ผ่านมาเท่าไหร่นัก แต่ยังมีโอกาสพาบอลปั่นป่วนผู้เล่นยูเออีได้อยู่เหมือนกัน แต่ผลงานโดยรวมตลอด 90 นาทียังถือว่าไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากนัก

    คะแนน : 6
    
    เอกนิษฐ์ ปัญญา “เรียกได้ว่าเป็นแมตช์แจ้งเกิดของเจ้าบุ๊คก็ว่าได้ หลังเป็นคนที่จ่าย 1 ลูกให้กับ “เทพมุ้ย” โขกขึ้นนำ ก่อนจะเป็นคนยิงประตูชัยให้ไทยเอาชนะยูเออีได้สำเร็จ แน่นอนลูกยิงสำคัญลูกนี้ คงเป็นประตูเตรียมฉลองวันเกิดครบรอบ 19 ปีบริบูรณ์ของเจ้าตัว ที่จะเกิดในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ไปเลยทีเดียว

    คะแนน : 7.5
 
    ธีรศิลป์ แดงดา “การกลับมาของเจ้ามุ้ยทำให้รู้ว่า เขายังเป็นกองหน้าที่ทีมชาติไทยต้องมีจริงๆ แถมโหม่งประตูขึ้นนำยูเออีไปก่อนตั้งแต่ช่วงต้นขึ้นแรก ซึ่งเป็นการทาบสถิติยิงประตูเท่ากับ  “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ไปเป็นที่เรียบร้อย นอกนั้นผลงานโดยรวมถือว่าน่าประทับใจจริงๆ

    คะแนน : 7

    ผู้เล่นสำรอง

    ศิวกรณ์ เตียตระกูล “ลงมาเล่นแทน ศศลักษณ์ ไหประโคน ในนาทีที่ 60 อาจสร้างสรรค์บทบาทได้ไม่มาก แต่ก็มีลูกตั้งเตะที่ทำให้มีลุ้นได้เหมือนกัน

    คะแนน : 5.5
 
    นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม “ลงมาเล่นแทน สารัช อยู่เย็น ในนาทีที่ 86 ซึ่งเป็นช่วงท้ายเกมแล้ว จึงไม่สามารถให้คะแนนได้”

    ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา “ลงมาเล่นแทน นิติพงษ์ เสลานนท์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจึงไม่สามารถให้คะแนนได้”

post

วิเคราะห์บิ๊กแมตช์ “ลิเวอร์พูล” ปะทะ “เลสเตอร์” ศึกพรีเมียร์ลีก

Football-246

“หงส์แดง”ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ในศึกพรีเมียร์ลีก คู่บิ๊กแมตช์ คืนนี้ (5 ต.ค.) เวลา 21.00 น.

ความเคลื่อนไหวศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 ประจำวันเสาร์ที่ 5 ต.ค. เกมไฮไลต์อยู่ที่สนามแอนฟิลด์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 3 เริ่มแข่ง 21.00 น. 

เกมนี้ เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ตั้งเป้าพาทีมเก็บชัยชนะในลีก 8 นัดติดต่อกัน เพื่อเก็บ 3 คะแนนและทำแต้มหนี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อไป เกมนี้ต้องลุ้นว่า โจเอล มาติป จะฟิตทันหรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็เป็น โจ โกเมซ คุมแนวรับคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ส่วน 3 ประสานแนวรุกทั้ง ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต เฟอร์มิโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมล่าตาข่าย

ขณะที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ ซิตี้ เกมลีกนัดที่แล้วระเบิดฟอร์มโหด ถล่มนิวคาสเซิล 5-0 ความมั่นใจสูงลิบ คราวนี้บุกแอนฟิลด์หวังมีแต้มกลับไปแน่นอน แถมได้ข่าวดี เจมส์ แมดดิสัน พร้อมลงปั้นเกมรุก มี เจมี วาร์ดี คอยลั่นสกอร์

สถิติพบกัน 5 ครั้งหลังสุดในพรีเมียร์ลีก: ลิเวอร์พูล ชนะ 3 ครั้งเสเตอร์ ชนะ 1 ครั้ง เสมอกัน 1 ครั้ง

วิเคราะห์: แมตช์นี้น่าดูมาก เป็นบอลเกมรุกทั้งสองทีม เกมนี้ถ้าลิเวอร์พูลไม่สามารถส่ง โจเอล มาติป ลงสนามได้ มีปัญหาแน่นอนเพราะ โจ โกเมซ ฟอร์มไม่ดีในในนัดล่าสุด แถม วาร์ดี ของเลสเตอร์ก็ฟอร์มกำลังเข้าฝัก ให้ ฟาน ไดค์ แบกคนเดียวเหนื่อยแน่ อย่างไรก็ตามเกมนุกของหงส์แดงยังไว้ใจได้เสมอ ส่วน เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ แมดดิสัน กลับมาทำให้แนวรุกโหดขึ้นกว่าเดิม ส่วนเกมรับก็อยู่ในฟอร์มที่ดี คาดว่าโอกาสจบลงที่ผลเสมอมีสูงมาก

ทำนายผลแข่ง: ลิเวอร์พูล เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-2

post

แมนยูยังห่วยนอกบ้าน! 5ประเด็นเด็ดจากศึกยูโรปาลีก

Football-240

แม้ไม่ได้รับความสนใจมากเท่าถ้วยใบใหญ่อย่างศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ด้วยการที่มีสองสโมสรยักษ์ใหญ่เมืองผู้ดีอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล ร่วมฟาดแข้ง ทำให้ศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “ปีศาจแดง” ที่ยังคงทำผลงานได้ไม่โดนใจแฟนบอล และนี่คือ 5 ประเด็นเด็ดที่ได้จากศึก ยูโรปา ลีก แมตช์เดย์ที่ 2 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา

1. “ปีศาจแดง” นอกบ้านยังห่วยต่อเนื่อง 

Football-241

         แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเสมอ อาแซด อัล์คมาร์ 0-0 แม้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายกับการได้หนึ่งแต้มกลับบ้าน แต่การเสมอในเกมนี้ทำให้ “ปีศาจแดง” ไม่ชนะนอกบ้านรวมทุกรายการมา 10 นัดติดต่อกันแล้ว (เสมอ 4 แพ้ 6) ซึ่งครั้งล่าสุดที่พวกเขามีสถิติยาวนานกว่านี้ต้องย้อนกลับไปในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึง กันยายน ปี 1989 เลยทีเดียว โดยครั้งนั้นพวกเขาไม่ชนะเกมเยือน 11 นัด 

        เท่านั้นยังไม่พอ เกมนี้ “ปีศาจแดง” ยังมีสถิติยิงตรงกรอบ 0 ซึ่งถือเป็นการเกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรกับการลงเตะรายการนี้เลยทีเดียว (จากทั้งหมด 25 เกม) 

2. มาร์ติเนลลี่ ฝีเท้าไม่ธรรมดา

Football-242

        ทางฝั่ง อาร์เซน่อล กลับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งๆ ที่ส่งนักเตะสำรองผสมแข้งเด็กเช่นเดียวกับ “ปีศาจแดง” โดยเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พวกเขาเปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พิชิต สตองดาร์ ลีแอช สโมสรดังจากเบลเยียม ไปแบบสบายๆ ด้วยสกอร์ 4-0 ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือฟอร์มของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หัวหอกดาวรุ่งชาวบราซิเลียนวัย 18 ปี ที่พวกเขาเพิ่งสอยมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ โดยเกมนี้นอกจากโชว์การทำประตูสวยๆ 2 ตุงแล้ว มาร์ติเนลลี่ ยังทำ 1 แอสซิสต์ ด้วยการหยอดให้ ดานี่ เซบายอส กระทุ้งประตูปิดท้ายด้วย 

        แน่นอนว่าตอนนี้ยังไม่ใช่แข้งระดับแกนหลัก แต่ดูจากฟอร์มและการเล่นที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจแบบนี้ ถือว่ามีแววเหลือเกินที่ มาร์ติเนลลี่ จะไปได้สวยกับการเล่นให้ “ไอ้ปืนใหญ่” เพราะเมื่อกลางสัปดาห์ก่อนเจ้าตัวก็โชว์กด 2 ตุงใส่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในถ้วย คาราบาว คัพ 

3. แข้งจีนสร้างประวัติศาสตร์ 

Football-243

        เกมที่ เอสปันญ่อล บุกไปเอาชนะ ซีเอสเคเอ มอสโก 2-0 อาจไม่ใช่เกมที่น่าสนใจอะไร แต่มันก็มีประเด็นที่ต้องพูดถึง เพราะแมตช์นี้ หวู เล่ย ทำประตูได้ (ประตู 1-0) ซึ่งนั่นทำให้ เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะชาวจีนคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทำประตูในเกมยุโรปได้

4. มาเล่น ยิงไม่หยุด

Football-244

        ดอนเยลล์ มาเล่น หัวหอกชาวดัตช์ของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ถือเป็นอีกหนึ่งแข้งดาวรุ่งที่ถูกจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ เพราะเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงอย่างคงเส้นคงวา และล่าสุดก็จัดอีก 2 ประตูในเกมที่ช่วย พีเอสวี บุกไปต้อน โรเซนบอร์ก 4-1 ทำให้ฤดูกาลนี้หัวหอกทีมชาติฮอลแลนด์วัย 20 ปี ที่เคยเป็นนักเตะเยาวชนของ อาร์เซน่อล กระทุ้งไปแล้วถึง 14 ประตู จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 17 นัด หากเล่นได้แบบนี้ต่อเรื่อยๆ คงจะเป็นอีกหนึ่งแข้งที่บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่พากันรุมแย่งตัว 

5. แฟร์นันด์ส ผู้แบก สปอร์ติ้ง 

Football-245

        ผลงานของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในฤดูกาลนี้อาจจะยังไม่เป็นที่น่าพอใจ (รั้งอันดับ 5 ในลีก) แต่ฟอร์มของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จอมทัพกัปตันทีมคนเก่ง ยังคงยอดเยี่ยมตามมาตรฐาน เพราะเกมเมื่อคืนวันพฤหัสบดี เจ้าตัวยิง 1 แอสซิสต์ 1 ช่วยทีมเปิดบ้านพลิกโค่น แอลเอเอสเค (จาก ออสเตรีย) 2-1 ทำให้ฤดูกาลนี้ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสวัย 25 ปี กดไปแล้ว 7 ประตู กับ 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่นให้ต้นสังกัดรวมทุกรายการ 10 นัด ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสปิริตอันยอดเยี่ยมของเจ้าตัว ที่ยังคงทุ่มเทเต็มร้อยให้กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน แม้ผิดหวังจากการที่อดย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา 

post

ทั่วโลกรุมเย้ยกูร์กตัวส์ห่วยจัด-บิ๊กราชันป้องสภาพไม่พร้อม

Football-238

เหล่าแฟนบอลทั่วโลกต่างก็พร้อมใจกันเยาะเย้ย ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายทวาร เรอัล มาดริด อย่างเต็มที่ หลังจาก กูร์กตัวส์ เล่นแย่จัดในครึ่งแรกของเกมที่เสมอกับ คลับ บรูช ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่ง ขณะที่ เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่ ออกมาบอกว่า กูร์กตัวส์ สุขภาพไม่ดีเท่าไหร่ในวันนี้

    ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตู เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที ลา ลีกา สเปน โดนแฟนบอลหลายคนล้อเลียนอย่างหนัก หลังจากเขาเล่นได้แย่ และถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในช่วงพักครึ่งของเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เอ นัดที่ “ราชันชุดขาว” ทำได้เพียงเปิดรัง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เสมอกับ คลับ บรูช ทีมจากเบลเยียม 2-2 เมื่อวันอังคารที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา

    เดิมที กูร์กตัวส์ ก็ถูกบรรดาคอบอลล้อเลียนมานานแล้ว หลังจากที่เขาไม่เคยโชว์ฟอร์มเก่งแบบต่อเนื่องกับทีมได้เลย นับตั้งแต่ที่ย้ายมาจาก เชลซี เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2018 ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร (ประมาณ 1,190 ล้านบาท) ซึ่งเกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริง แต่กลับปล่อยให้ทีมเสียประตูถึง 2 ลูกตั้งแต่ครึ่งแรก

    สุดท้าย กูร์กตัวส์ ก็โดนเปลี่ยนกับ อัลฟงส์ อเรโอล่า ในช่วงพักครึ่ง โดยถ้านับรวมผลงานในเกมนี้เข้าไปด้วยมันก็หมายความว่านายด่านชาวเบลเยียมเสียประตูไปแล้วถึง 81 ลูก จากการลงเล่นให้ เรอัล 58 นัดในทุกรายการ ในกรณีที่นับรวมเกมกระชับมิตรเข้าไปด้วย

    หลังจากที่ กูร์กตัวส์ เล่นได้น่าผิดหวังอีกครั้ง เหล่าแฟนบอลทั่วโลกใน ทวิตเตอร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังก็ล้อเลียนเขาอย่างเต็มที่ อย่างเช่นการพิมพ์ข้อความว่า “กูร์กตัวส์ เสียประตูในรอบ 1 ปีมากกว่าที่ (อดีตนายทวารมือ 1 ของ เรอัล เกย์ลอร์) นาบาส เสียในรอบ 3 ปีซะอีก อย่าลืมซะล่ะ”, การพิมพ์ว่า “กูร์กตัวส์ โดนเปลี่ยนตัวตอนพักครึ่ง” พร้อมกับแปะคลิปที่คนกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ, “การที่กุนซือของทีมต้องเปลืองโควตาการเปลี่ยนตัวกับผู้รักษาประตูทั้งที่เขาไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรเลยเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนบอลของทีมนั้นๆ รู้ดีเลยว่าผู้รักษาประตูของทีมห่วยแตกมากแค่ไหน ตอนนี้ กูร์กตัวส์ หมดประโยชน์แล้วล่ะ” และ “แค่ตอนนี้ กูร์กตัวส์ ก็เป็นตำนานของ เรอัล มาดริด ไปแล้ว เขาทำให้เกิด 81 ประตูจากการลงเล่น 53 เกม (เป็นการพิมพ์ผิด เพราะที่จริงต้อง 58 เกม) เลยนะ มันเป็นสถิติที่บ้ามากๆ ขนาด (คริสเตียโน่) โรนัลโด้ ยังทำไม่ได้เลย เขานี่มันตำนานของจริง” เป็นต้น

    ทั้งนี้ เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่ ผู้อำนวยการของ เรอัล ซึ่งเป็นอดีตยอดกองหน้าของทีมด้วยนั้น ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่าที่จริงวันนี้ กูร์กตัวส์ ลงเล่นโดยที่มีอาการปวดท้อง “กูร์กตัวส์ ปวดท้องน่ะนะ ส่วน อเรโอล่า ก็ช่วยเราเอาไว้ได้ในตอนที่เราตามหลังอยู่ 1-2 เขาเล่นได้ดีมากๆ”

post

“ผีแดง” พลาดเอง โดนปืนใหญ่ไล่เจ๊า 1-1 ศึกพรีเมียร์ลีก

Football-237

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 ประจำวันจันทร์ที่ 30 ก.ย. “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันดับ 11 ของตาราง เปิดสนามโอลด์ แทรฟเฟิร์ด รับการมาเยือนของ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล อันดับ 8 ของตาราง

เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 8 แมนฯยู ได้ทักทายก่อน จากจังหวะที่ แดเนียล เจมส์ เลี้ยงจี้เข้าเขตโทษฝั่งซ้ายไปจนสุดเส้นหลังแล้วเปิดเข้ากลาง คาลัม แชมเบอร์ส สกัดออกหลังไปได้ และจากจังหวะเตะมุมฝั่งซ้าย แอชลีย์ ยัง เปิดบอลมาเสาสอง แฮร์รี แม็คไกวร์ โหม่งตั้งไปหน้าประตู มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่พร้อมเล่นเลยยิงแป้กออกหลังไป

จากนั้นนาทีที่ 29 โอกาสของแมนฯยู อีกครั้ง อันเดรียส เปเรรา พาบอลกระชากจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ ก่อนโยกหนีกองหลังแล้วซัดด้วยซ้าย แบรนด์ เลโน นายด่านอาร์เซนอล รับกระฉอกเล็กน้อยก่อนคว้าบอลไว้ได้ จังหวะนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ถึงกับเสียดาย

เกมเปิดแลกกันสนุก นาทีที่ 30 อาร์เซนอลได้ลุ้นบ้าง เมื่อ บูยาโก ซากา จ่ายบอลเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ นิโคลัส เปเป ซัดด้วยซ้าย บอลข้ามคานน่าผิดหวัง

นาทีที่ 43 แมนฯยู หวิดขึ้นนำจากจังหวะที่ พอล ป็อกบา จ่ายบอลทะลุช่องอย่างสวยให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กระชากเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย แต่ไปเสียจังหวะลื่มล้มยิงแป้กอย่างน่าเสียดาย

และในนาทีที่ 44 อาร์เซนอล เกือบได้เฮ จากจังหวะที่ บูยาโก ซากา กระชากเข้าเขตโทษแล้วซัดด้วยซ้าย ดาบิด เดเคอา ปัดมาเข้าทาง มัตเตโอ เก็นดูซี ซ้ำอีกที เดเคอา ก็ยังปิดมุมเซฟออกไปได้

ถึงนาทีที่ 45 แมนฯยู ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ จากจังหวะที่ แดเนียล เจมส์ สปีดพาบอลเข้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนเปิดเรียดเข้ากลาง บอลเลยไปถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด ขยันตามไปเอาบอลก่อนจ่ายย้อนมาหน้าเขตโทษให้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ซัดด้วยขวา บอลพุ่งเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม

จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำ อาร์เซนอล 1-0

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 51 อาร์เซนอล ได้ลุ้นจากจังหวะที่ ลูคัส ตอร์เรรา วอลเลย์ด้วยขวาในเขตโทษแต่โดนไม่เต็ม เดเคอา รับได้สบาย

จากนั้นนาทีที่ 55 อาร์เซนอล ได้ฟรีคิกระยะไกล ดาวิด ลุยซ์ ซัดเต็มข้อ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ โหม่งสกัดทิ้งออกไปได้

ถึงนาทีที่ 58 อาร์เซนอล ตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ อักเซล ตวนเซเบ แบ็กซ้ายของยูไนเต็ด จ่ายบอลเข้ากลางพลาดมาเข้าทาง บูยาโก ซากา จ่ายบอลจังหวะเดียวเข้าเขตโทษให้ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ยิงเข้าไป

ถัดมานาทีเดียว อาร์เซนอลเกือบแซงนำ จากจังหวะที่ มัตเตโอ เก็นดูซี จ่ายบอลทะลุเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ คัลลัม แชมเบอร์ส ปาดเข้ากลาง บูยาโก ซากา ได้ซัดเน้นๆ บอลแฉลบ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 64 แมนฯยู น่าได้ลูกที่สอง จากจังหวะที่ พอล ป็อกบา บรรจงปั่นด้วยขวาจากนอกกรอบ บอลโค่งเฉี่ยวเสาสองออกไปนิดเดียว

และในนาทีที่ 69 แมนฯยู เกือบได้อีกแล้ว คราวนี้เป็น แอชลีย์ ยัง เปิดเตะมุมฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ พุ่งมาโหม่งข้ามคานนิดเดียว และถัดมา 4 นาที เจ้าถิ่นชวดได้ประตูอีกครั้ง เมื่อ แฮร์รี แม็คไกวร์ ซัดจากหน้าเขตโทษ แบรนด์ เลโน ปัดออกไปได้หวุดหวิด

เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 90+1 แมนฯยู ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทา มาร์คัส แรชฟอร์ด ซัดเน้นๆ แบรนด์ เลโน พุ่งปัดออกไปได้

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ อาร์เซนอล 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด: ดาบิด เดเคอา(GK), แฮร์รี แม็คไกวร์, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, อักเซล ตวนเซเบ, แอชลีย์ ยัง, สกอตต์ แมคโทมิเนย์, พอล ป็อกบา, เจสซี ลินการ์ด, อันเดรียส เปเรรา, แดเนียล เจมส์, มาร์คัส แรชฟอร์ด

อาร์เซนอล: แบรนด์ เลโน (GK), โซคราติส ปาปาสธาโทปูลอส, ดาวิด ลุยซ์, คัลลัม แชมเบอร์ส, เซอัด โคลาซินัช, มัตเตโอ เก็นดูซี, กรานิต ชากา, ลูคัส ตอร์เรรา, บูยาโก ซากา, นิโคลัส เปเป, ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง

post

ผีข่มในบ้าน! แมนยูใช้ ‘เจมส์-กรีนวู้ด’ ซัด, อาร์เซน่อลลุ้น ‘โอบาเมย็อง’ โป้ง

Football-234

“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีปัญหากองหน้าตัวหลักบาดเจ็บคาดว่าจะส่ง แดเนียล เจมส์ กับ เมสัน กรีนวู้ด ลงปิดสกอร์เกมรับแข้ง “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ที่มี ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ปิดสกอร์ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันจันทร์ที่ 30 ก.ย. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 และ ID Station, เวลา : 02.00 น.

สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำทีมปีศาจแดงด้วยความกดดัน สัปดาห์ก่อนไปแพ้ เวสต์แฮม สบาย 0-2 อันดับเวลานี้หล่นมาอยู่ตารางท่อนล่างแล้ว

    สถานการณ์ของกุนซือนอร์วีเจี้ยนกดดันไม่น้อย แม้บอร์ดจะออกมาบอกว่ายังพร้อมสนับสนุนเต็มที่ก็ตาม

    กลางสัปดาห์เล่น คาราบาว คัพ รอบ 3 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เสมอ 1-1 ซะงั้น ดีที่ยังชนะจุดโทษ 5-3 เข้าไปชนกับ เชลซี ที่ ลอนดอน ในรอบต่อไป

    สัปดาห์ก่อน มาร์คัส แรชฟอร์ด เจ็บเพิ่มมาอีกคน รวมกับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ตัวรุกที่เจ็บไปก่อนแล้ว นั่นทำให้ เมสัน กรีนวู้ด เจ้าหนูวัย 17 ปีมีโอกาสออกสตาร์ตเป็นตัวจริงนัดแรกในซีซั่นนี้

    ปอล ป็อกบา ก็ทำท่าจะมีปัญหาเพราะอาการเจ็บที่ข้อเท้าในนัดที่เล่นกับ รอชเดช ซึ่ง โซลชา เกริ่นไว้แล้วว่าโอกาสจะลงเล่นได้นั้นมีไม่มาก

    ส่วน ลุค ชอว์ กลับมาซ้อมแล้วทว่าไม่น่าจะลงเล่นได้ ต้องรอฟื้นฟูไปอีกสักระยะ

    ในแนวรุกคงต้องพึ่งพา แดเนียล เจมส์ และ เมสัน กรีนวู้ด โดยรายหลังเพิ่งยิงประตูรอชเดลมาด้วย


    ด้าน อูไน เอเมอรี่ กุนซือ ไอ้ปืนใหญ่ พาทีมเข้าวินในสัปดาห์ก่อนด้วยการชนะ แอสตัน วิลล่า 3-2 ทั้งที่เหลือ 10 ตัว

    ส่วนในศึกคาราบาว คัพ เดอะ กันเนอร์ส ที่มีตัวสำรองและดาวรุ่งเพียบก็ถล่ม ฟอเรสต์ ไป 5-0 ผ่านเข้ารอบ 4 ไปเจอกับ ลิเวอร์พูล ต่อไป

    ทีมจะไม่มี อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ หัวหอกฝรั่งเศสต่อไปอีกเพราะเจ็บที่ข้อเท้า

    ขณะที่ ร็อบ โฮลดิ้ง, เอคตอร์ เบเยริน และ คีแรน เทียร์นี่ย์ ฟิตเต็มที่แล้วและพร้อมที่จะลงเล่นนัดแรกในซีซั่นนี้

    อย่างไรก็ตามด้านพวกตัวหลักในแดนหน้า อยู่กันครบเหมือนเดิม นิโกล่าส์ เปเป้, ดานี่ เซบายอส, เมซุต โอซิล และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง

    ด้าน กรานิต ชาคา กองกลางทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมถาวร

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

Football-235

    แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา – อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, แอชลี่ย์ ยัง – สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เนมานย่า มาติช – อันเดรียส เปเรยร่า, ฆวน มาต้า, แดเนียล เจมส์ – เมสัน กรีนวู้ด
    ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

Football-236

    อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : แบร์นด์ เลโน่ – เอคตอร์ เบเยริน, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, ดาวิด ลุยซ์, คีแรน เทียร์นี่ย์ – มัตเตโอ เก็นดูซี่, กรานิต ชาคา – นิโกล่าส์ เปเป้, ดานี่ เซบายอส, เมซุต โอซิล – ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง
    ผู้จัดการทีม : อูไน เอเมอรี่

    ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์

 สถิติเพิ่มเติมที่น่าสนใจ    
– อาร์เซน่อล ไม่ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมลีกที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 12 นัดหลัง
– อาร์เซน่อล ชนะแค่ 3 จาก 27 เกมพรีเมียร์ลีกที่โรงละครแห่งความฝัน ทั้งสามนัดเฉือน 1-0 โดยเจ้าถิ่นมี โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ลงสนามทั้งหมด
– อาร์เซน่อล หวังคว้าชัยเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด ติดต่อกันในลีกครั้งแรกตั้งแต่ซีซั่น 2006-07
– แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ 3 จาก 6 เกมลีกในบ้านหลังสุดเท่ากับที่เสียท่าจาก 52 นัดก่อนหน้ารวมกัน
– แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ทีมจากลอนดอนในบ้านติดต่อกันตั้งแต่เสียท่า เชลซี กับเวสต์แฮม เดือนธันวาคม 2001
– โซลชา พา แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 14 เสมอ 6 แพ้ 7 เท่ากับ 27 นัดสุดท้ายยุค โชเซ่ มูรินโญ่
– ถ้าไม่ชนะนัดนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเก็บแต้มไม่ถึงสองหลักครั้งแรกตั้งแต่ซีซั่น 1989-90 ซึ่งจบอันดับ 13 ในฤดูกาลนั้น
– แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงในลีกมากกว่านัดละ 1 ประตูหนเดียวจาก 11 เกมหลังคือวันถล่ม เชลซี 4-0
– แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษมากสุดซีซั่นนี้ (4) ขณะที่ อาร์เซน่อล เสียจุดโทษมากสุดเช่นกัน (3)
– อาร์เซน่อล เก็บคลีนชีตเพียงครั้งเดียวจาก 11 เกมลีกหลังสุด
– อาร์เซน่อล เสียอย่างน้อย 2 ประตูใน 4 เกมลีกหลังสุด หนหลังสุดที่ยิง 2 ประตูหรือมากกว่า 5 เกมลีกสูงสุดติดต่อกันคือสิงหาคม 1985
– ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ยิง 13 ประตูจาก 13 เกมลีกที่ลงเล่นตัวจริง
– ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง เท้าบอดและไม่มีกระทั่งแอสซิสต์ใน 8 เกมลีกที่ออกไปเยือนทีมกลุ่ม 6 อันดับแรก
– นิโกล่าส์ เปเป้ ยิงจุดโทษเข้า 10 ประตูนับตั้งแต่เริ่มซีซั่นทีแล้วเป็นสถิติดีสุด 5 ลีกใหญ่ยุโรป

ผลการพบกันที่ผ่านมา
วัน/เดือน/ปี รายการ         ผลการแข่งขัน

10/03/19    พรีเมียร์ลีก        อาร์เซน่อล ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0
26/01/19    เอฟเอ คัพ        อาร์เซน่อล แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-3     
06/12/18    พรีเมียร์ลีก        แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ อาร์เซน่อล 2-2     
29/04/18    พรีเมียร์ลีก        แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ อาร์เซน่อล 2-1
03/12/17    พรีเมียร์ลีก        อาร์เซน่อล แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด  1-3
07/05/17    พรีเมียร์ลีก      อาร์เซน่อล ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0

ผลงาน 5 นัดหลัง
แมนฯ ยูไนเต็ด

25/09/19   เสมอ รอชเดล 1-1 (เหย้า) ลีก คัพ  
22/09/19    แพ้ เวสต์แฮม 0-2  (เยือน) พรีเมียร์ลีก
19/09/19   ชนะ อัสตานา 1-0 (เหย้า) ยูโรปา ลีก  
14/09/19   ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
31/08/19    เสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

อาร์เซน่อล
24/09/19   ชนะ ฟอเรสต์ 5-0  (เหย้า) ลีก คัพ  
22/09/19   ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
19/09/19   ชนะ แฟร้งค์เฟิร์ต 3-0 (เยือน) ยูโรปา ลีก
15/09/19   เสมอ วัตฟอร์ด 2-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
01/09/19    เสมอ สเปอร์ส 2-2  (เหย้า) พรีเมียร์ลีก