post

“อบราโมวิช” เจ้าของทีม “สิงห์บลู” ออกมาแถลงการณ์ลดบทบาทบริหาร มอบให้มูลนิธิดูแลแทน

“โรมัน อบราโมวิช” เจ้าของทีมเชลซี ตัดสินใจลดบทบาทในการบริหารทีม และมอบหมายให้มูลนิธิการกุศลของสิงห์บลูรับหน้าที่ดูแลสโมสรแทน

วันที่ 26 ก.พ. 65 โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซียของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกแถลงการณ์มอบหมายให้มูลนิธิการกุศลของสโมสร รับสโมสรไปดูแลแทนที่ตนเอง

เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ออกคำสั่งให้กองกำลังหมีขาวโจมตีใส่ ยูเครน จนทำให้มีหลายฝ่ายออกมาแอนตี้การกระทำของ ปูติน ในครั้งนี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนำไปสู่การเรียกร้องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษให้ยึดทรัพย์สินของ อบราโมวิช เนื่องจากมองว่า อบราโมวิช มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับปูติน

กระทั่งล่าสุด อบราโมวิช ตัดสินใจมอบหน้าที่บริหารสโมสรให้มูลนิธิการกุศลของเชลซีรับหน้าที่ดูแลเป็นที่เรียบร้อย โดยระบุว่า “ช่วงเวลาเกือบ 20 ปีที่ผมเป็นเจ้าของทีมเชลซี ผมได้มองบทบาทของตัวเองในฐานะผู้ดูแลสโมสรเสมอมา ซึ่งงานก็คือการทำให้เราประสบความสำเร็จเหมือนที่เราทำได้ในวันนี้ เช่นเดียวกับการสร้างทีมเพื่ออนาคต ผมตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ของสโมสรจากหัวใจของผมเสมอ และผมยังคำนึงถึงสิ่งนี้ นั่นคือเหตุผลที่วันนี้ผมจึงได้มอบการดูแลสโมสรเชลซีให้กับมูลนิธิการกุศลของสโมสร”

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวน่าจะสะเทือนไปถึง ทีมเชลซี ที่กำลังเตรียมทำศึกคาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศ พบกับ ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ. 2022 นี้ไม่น้อย

post

“เดมบา บา” อดีตหอกของทัพ “สิงห์บลู” ประกาศแขวนสตั๊ดแล้วในวัย 36 ปี

“เดมบา บา” อดีตดาวยิงชาวเซเนกัลที่เคยค้าแข้ง “เชลซี” ประกาศแขวนสตั๊ดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยวัย 36 ปี แม้เพิ่งเซ็นสัญญากับทีมใหม่ได้ 3 เดือน

วันที่ 14 ก.ย. 64 เดมบา บา อดีตดาวยิงชาวเซเนกัลที่เคยค้าแข้งกับทีมดังอย่าง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศแขวนสตั๊ดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยวัย 36 ปี แม้เพิ่งเซ็นสัญญากับ เอฟซี ลูกาโน ทีมในลีกสวิตเซอร์แลนด์ แบบไม่มีค่าตัว ด้วยสัญญา 1 ปี เมื่อเดือนมิถุนายน หรือราว 3 เดือนที่ผ่านมานี้เอง

เป็นที่เข้าใจกันว่า เดมบา บา กลายเป็นที่จดจำในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หลังจากที่ตัวเขาฉกบอลจาก สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีมระดับสัญลักษณ์ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เข้าไปยิงประตูให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี บุกมาเอาชนะถึงแอนฟิลด์ 2-0 เมื่อเดือนเมษายน ปี 2014

ซึ่งนี่เป็นความพ่ายแพ้ของเจ้าถิ่นที่ส่งผลให้ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงเข้าป้ายคว้าแชมป์ในที่สุด

สำหรับ เดมบา บา เคยผ่านการค้าแข้งมากับทีมดังๆ อย่าง ฮอฟเฟนไฮม์, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, เชลซี, เบซิคตัส, เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว, อิสตันบูล บาชัคเซเฮียร์ รวมถึงทีมล่าสุดอย่าง เอฟซี ลูกาโน ซึ่งเป็นสโมสรสุดท้ายในอาชีพการค้าแข้งก่อนประกาศแขวนสตั๊ดในที่สุด

post

“อาซาร์” จ่อคัมแบ็กเวทีพรีเมียร์ลีก พร้อมเลือกทีมใหม่เรียบร้อย

“เอเดน อาซาร์” ปีกของเรอัล มาดริด ตกเป็นข่าว เตรียมกลับมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และได้เลือกทีมใหม่แล้วเรียบร้อย

เอเดน อาซาร์ ปีกทีมชาติเบลเยียมของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก ลาลีกา สเปน ต้องการย้ายกลับมาค้าแข้งกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี สโมสรแกร่งแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงซัมเมอร์นี้

สำหรับ อาซาร์ด วัย 30 ปี ย้ายจาก เชลซี ไปอยู่กับ เรอัล มาดริด เมื่อปี 2019 ด้วยค่าตัว 103.5 ล้านปอนด์

แต่เขาลงเล่นไปเพียง 30 นัด จาก 2 ฤดูกาลในสเปน ซัดไปเพียง 5 ประตู

และตามรายงานล่าสุดระบุว่า เรอัล มาดริด พร้อมที่จะปล่อยตัว อาซาร์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และนำเงินเข้ามาสู่สโมสร ขณะที่ตัวของ อาซาร์ ก็ต้องการจะกลับไปค้นหาฟอร์มเก่งของตัวเองอีกครั้งกับ เชลซี

สำหรับ อาซาร์ด เคยใช้เวลา 7 ปี กับ เชลซี ลงเล่นไป 352 นัด ซัดไป 110 ประตู ช่วยสิงห์บลูคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย, ลีกคัพ 1 สมัย และ ยูโรปาลีก 2 สมัย

post

ลือสนั่นว่า “ซานโช” ได้เลือกต้นสังกัดใหม่แล้ว หลังมีข่าวอย่างหนักกับ “แมนยูฯ-เชลซี”

จาดอน ซานโช ปีกตัวเทพของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตกเป็นข่าว ตัดสินใจเลือกต้นสังกัดใหม่แล้ว หลังได้รับความสนใจจากทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี

วันที่ 2 มิ.ย. 64 สื่อดังแดนผู้ดี รายงาน จาดอน ซานโช ปีกทีมชาติอังกฤษของ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรแกร่งแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ต้องการย้ายไปร่วมทีม “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากกว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ในช่วงซัมเมอร์นี้

สำหรับ ซานโช วัย 21 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม กระหน่ำไปถึง 16 ประตู กับอีก 20 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 38 นัดรวมทุกรายการให้กับ ดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาลที่ผ่านมา

ส่งผลให้เขาได้รับความสนใจจาก 2 สโมสรใหญ่ในอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ที่กำลังมองหาปีกคนใหม่มาเสริมแนวรุก

อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดจากสื่อดังแดนผู้ดีระบุว่า ซานโช ต้องการย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากกว่า เชลซี และมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะย้ายไปสู่ถิ่นโอลด์ แทรฟเฟิร์ด ในช่วงซัมเมอร์นี้

ทั้งนี้ เชื่อกันว่าการย้ายทีมของ ซานโช ไปสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกที หลังมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า ยูไนเต็ด สามารถบรรลุข้อตกลงส่วนตัว กับ ซานโช ได้แล้ว ส่วนเรื่องค่าตัวเชื่อกันว่าเม็ดเงินจำนวน 85 ล้านปอนด์ ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ ดอร์ทมุนด์ ยอมปล่อย ซานโช ออกจากถิ่นซิกนัล อิดูนา พาร์ค ได้

post

แฟนเชลซีเซ็ง!สโมสรไม่รีบต่อสัญญาอับราฮัม,เจมส์

Football-293

สื่ออังกฤษปูด แทมมี่ อับราฮัม และ รีซ เจมส์ ยังต้องรออีกนานกว่าจะได้ต่อสัญญากับ เชลซี แม้เพื่อนๆ หลายคนได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่ไปแล้วก็ตาม

เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับการที่จะจับ แทมมี่ อับราฮัม และ รีซ เจมส์ สองผู้เล่นดาวรุ่ง เซ็นสัญญาฉบับใหม่

ตามรายงานจาก เดอะ เทเลกราฟ สื่อชั้นนำเมืองผู้ดี เมื่อวันอังคารที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา

เมื่อเร็วๆ นี้ ฟิคาโย่ โทโมรี่, เมสัน เมาท์ และ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ต่างทยอยกันจรดปากกาเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ เชลซี และก็คาดกันว่า อับราฮัม กับ เจมส์ น่าจะได้รับสัญญาฉบับใหม่จากต้นสังกัดในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เดอะ เทเลกราฟ ระบุว่า ทั้งสองยังไม่ได้ใกล้เคียงกับการได้ต่อสัญญา ถึงแม้ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในฤดูกาลนี้ก็ตาม

สำหรับฤดูกาลนี้ อับราฮัม กลายเป็นกองหน้าตัวหลักของ “สิงห์บลูส์” โดยลงเล่นไปแล้ว 24 นัด ทำได้ 13 ประตู ส่วน เจมส์ ลงเล่น 14 นัด ทำได้ 2 ประตู

post

ทัพผสมทั้งคู่!เชลซีมี ‘ชิรูด์’ ล่า,แมนยูส่ง ‘แรชฟอร์ด’ หลอนศึกคาราบาวคัพ

Football-278

“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เตรียมส่ง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ลงตัวจริงล่าตาข่าย เกมพบ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะวาง มาร์คัส แรชฟอร์ด นำปิดสกอร์ โดยนัดนี้คาดว่าทั้งสองทีมจะจัดทัพผสม ในศึกฟุตบอล คาราบาวคัพ (รอบ 16 ทีมสุดท้าย) คืนวันพุธที่ 30 ต.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : Supersport 3, เวลา : 03.05 น.

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือเชลซี พาทีมเข้ารอบนี้ หลังชนะกริมสบี้ 7-1 ก่อนชนะเบิร์นลี่ย์ 4-2 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการคว้าชัย 7 นัดติด

    ความพร้อมเกมนี้ ”แลมพ์ส” ยังไม่มีทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, รอสส์ บาร์คลี่ย์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค ที่บาดเจ็บทั้งหมด

    ส่วนการจัดทัพก็น่าจะเปิดโอกาสให้พวกสำรองและดาวรุ่งได้ลงสนามกันอย่างเต็มที่เหมือนในรอบก่อน เช่น วิลลี่ กาบาเยโร่, รีซ เจมส์, มาร์ค กูเอฮี, บิลลี่ กิลมัวร์, เปโดร โรดริเกซ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นต้น

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด พาทีมเข้ารอบนี้ หลังชนะจุดโทษรอชเดล ก่อนชนะนอริช ซิตี้ 3-1 ในเกมล่าสุด เป็นชัยชนะ 2 นัดติด

    ความพร้อมเกมนี้ โซลชายังไม่มีพวกที่เดี้ยงอยู่ก่อนทั้ง ปอล ป็อกบา, ลุค ชอว์, เนมานย่า มาติช และ อั๊กเซล ตวนเซเบ้

    ส่วนการจัดทัพก็น่าจะเปิดโอกาสให้พวกสำรองและดาวรุ่งได้ลงสนามกันอย่างเต็มที่เหมือนในรอบก่อน เช่นเซร์คิโอ โรเมโร่, ฟิล โจนส์, มาร์กอส โรโฮ, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์, เจมส์ การ์เนอร์, เจสซี่ ลินการ์ด, ฆวน มาต้า และ เมสัน กรีนวู้ด  


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง

    เชลซี (4-3-3) : วิลลี่ กาบาเยโร่ – รีซ เจมส์, คัวร์ท ซูม่า, มาร์ค กูเอฮี, มาร์กอส อลอนโซ่ – มาเตโอ โควาซิช, บิลลี่ กิลมัวร์, คริสเตียน พูลิซิช – เปโดร โรดริเกซ, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย
    ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด  

    แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : เซร์คิโอ โรเมโร่ – อารอน วาน-บิสซาก้า, ฟิล โจนส์, มาร์กอส โรโฮ, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ – เฟร็ด, เจมส์ การ์เนอร์ – เจสซี่ ลินการ์ด, ฆวน มาต้า, มาร์คัส แรชฟอร์ด – เมสัน กรีนวู้ด  
    ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

post

เดือด!ลิเวอร์พูลขอเฮ6นัดติด ‘ซาลาห์’ พร้อมซัด,เชลซียิ้ม ‘ก็องเต้’ คืนทัพล่า

Football-212

คู่เดือดประจำวัน…”หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงลุ้นคว้าชัย 6 นัดรวดโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมลงลั่นไกเกมเยือนถิ่น “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หายเจ็บพร้อมลงช่วยปิดสกอร์ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 และ ID Station, เวลา : 22.30 น.

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ สิงโตน้ำเงินคราม พาทีมไม่แพ้ใครในลีกมา 4 เกมติดต่อกัน ทว่าเมื่อกลางสัปดาห์ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาสะดุดแพ้ บาเลนเซีย 0-1 คาบ้านของตัวเอง

    ส่วนในลีกเมื่อสัปดาห์ก่อนโชว์ฟอร์มได้สุดยอดด้วยการบุกถล่ม วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 จาก แฮต-ทริกของ แทมมี่ อับราฮัม

    เชลซี ต้องลุ้นความฟิตของ เมสัน เมาน์ต ตัวรุกคนสำคัญที่เจ็บข้อเท้าจากเกม ชปล.เมื่อกลางสัปดาห์

    ข่าวดีก็คือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หายเจ็บและซ้อมได้เต็มที่แล้วน่าจะลงเล่นเกมนี้ได้เลย ทว่า เอเมอร์สัน ที่เจ็บต้นขายังลงไม่ได้เช่นเดิม

    เช่นเดียวกับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย (เอ็นร้อยหวาย) และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค (น่อง) ยังไม่พร้อมทั้งคู่

    ฟาก เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงพาทีมออกสตาร์ตด้วยชัยชนะ 5 เกมติดต่อกัน โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนเปิดรัง แอนฟิลด์ ถล่ม นิวคาสเซิ่ล ไป 3-1

    อย่างไรก็ตามใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาออกไปแพ้ให้กับ นาโปลี 0-2 ที่ อิตาลี

    ดีว็อค โอริกี้ กองหน้าเบลเยี่ยมมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าไม่น่าจะมีชื่อในเกมนี้

    นาบี เกอิต้า ผู้เล่นมิดฟิลด์กลับมาซ้อมได้เต็มที่แล้ว ขณะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ โกล์มือ 1 และ เนธาเนี่ยล ไคลน์ ยังคงไม่พร้อมสำหรับเกมนี้เช่นเคย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
    เชลซี (3-4-2-1) : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า – อันโตนิโอ รือดิเกอร์, อันเดรส คริสเตนเซ่น, ฟิคาโย่ โทโมริ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ – วิลเลี่ยน, เมสัน เมาน์ต (คริสเตียน พูลิซิช) – แทมมี่ อับราฮัม
    ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด

    ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติ๊ป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่
    ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

    ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– เชลซี ชนะเวลาเจอทีมจ่าฝูง ณ วันนั้น 18 ครั้งมากสุดในลีก
– เกมเชลซีลงสนามีการทำประตู 22 ลูก สูงสุดลีกร่วมกับ แมนฯ ซิตี้
– เชลซี เสีย 11 ประตูในลีกซีซั่นนี้ มีเพียง นอริช (12) ที่เสียมากกว่า
– เชลซี ยังเก็บคลีนชีตไม่ได้เลยตลอดทั้ง 6 นัดรวมทุกรายการซีซั่นนี้
– เชลซี ไม่ชนะใน 3 เกมหย้าซีซั่นนี้เป็นสถิติแย่สุดตั้งแต่ตอนอยู่ดิวิชั่น 2 (เดิม) ซีซั่น 198-89
– ลิเวอร์พูล หวังเป็นทีมแรกที่เปิดหัวชนะรวด 6 เกมลีก สองฤดูกาลติดต่อกัน
– ลิเวอร์พูล ชนะเกมลีก 14 นัดติดต่อกัน เป็นสถิติสโมสรและตามหลังสถิติลีกที่ แมนฯ ซิตี้ ทำไว้ 18 นัด เดือนธันวาคม 2017
– ลิเวอร์พูล แพ้หนเดียวจาก 44 เกมพรีเมียร์ลีกหลังสุด (ชนะ 36 เสมอ 7)
– ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไร้พ่ายในลีก 22 นัดติดต่อกันเป็นสถิติสโมสร (ชนะ 18 เสมอ 4)
– ลิเวอร์พูล ชนะหนเดียวจาก 12 เกมลีกนอกบ้านหลังสุดที่พบทีมบิ๊กซิกซ์ (เสมอ 6 แพ้ 5)
– ลิเวอร์พูล ขึ้นนำตอนพักครึ่ง และชนะตอนครบ 90 นาทีทั้ง 5 เกมลีกซีซั่นนี้
– ซาดิโอ มาเน่ ยิงไปแล้ว 49 ประตูจาก 97 เกมพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล


ผลการพบกันที่ผ่านมา
วันเดือน/ปี รายการ ผลการแข่งขัน

15/08/19    ซูเปอร์คัพ    ลิเวอร์พูล     2-2 เชลซี
14/04/19    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    2-0 เชลซี
29/09/18    พรีเมียร์ลีก    เชลซี    1-1 ลิเวอร์พูล
27/09/18    ลีก คัพ    ลิเวอร์พูล    1-2 เชลซี
06/05/18    พรีเมียร์ลีก    เชลซี    1-0 ลิเวอร์พูล
26/11/17    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    1-1 เชลซี

ผลงาน 5 นัดหลัง
เชลซี
17/09/19    แพ้ บาเลนเซีย 0-1 (เหย้า) ชปล.
14/09/19    ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
31/08/19    เสมอ เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
24/08/19    ชนะ นอริช ซิตี้ 3-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
18/08/19    เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก

ลิเวอร์พูล
17/09/19    แพ้ นาโปลี 0-2 (เยือน) ชปล.
14/09/19    ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
31/08/19    ชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
24/08/19    ชนะ อาร์เซน่อล 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
17/08/19    ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก