post

บาร์เซโลน่าคาดปีหน้าทำรายได้ทะลุ 3.5 หมื่นล้าน!

Football-210

บาร์เซโลน่า เปิดเผยว่าหลังจบฤดูกาลนี้พวกเขาน่าจะโกยรายได้เข้าคลังของทีมได้ 1.047 พันล้านยูโร จนจะถือเป็นสถิติในโลกกีฬา แถมพวกเขาจะยังทำรายได้แตะหลัก 1 พันล้านยูโรเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ด้วย

     บาร์เซโลน่า สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที ลา ลีกา สเปน ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมาว่าพวกเขาคาดว่าจะทำรายได้หลังจบฤดูกาล 2019-20 ได้ถึง 1.047 พันล้านยูโร (ประมาณ 35,598 ล้านบาท)

    “อาซูลกราน่า” เพิ่งเปิดเผยเรื่องสภาพการเงินของทีม ซึ่งในฤดูกาล 2018-19 พวกเขาทำรายได้ไป 990 ล้านยูโร (ประมาณ 33,660 ล้านบาท) และมันก็ถือเป็นปีงบประมาณที่ บาร์เซโลน่า มีรายได้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วย

    อย่างไรก็ตาม ในงานแถลงข่าวดังกล่าว บาร์เซโลน่า ยังคาดการณ์ล่วงหน้าด้วยว่าในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า พวกเขาจะกวาดรายได้เข้าสโมสรได้ถึง 1.047 พันลานยูโร โดยที่ บาร์เซโลน่า บอกว่ามันจะทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ทำรายได้ต่อ 1 ปีได้สูงที่สุดเป็นสถิติของวงการกีฬาเช่นกัน

    นอกจากนี้ มันก็จะถือว่า บาร์เซโลน่า ทำรายได้ต่อ 1 ปีได้ทะลุ 1 พันล้านยูโร (ประมาณ 34,000 ล้านบาท) ได้เร็วกว่าที่บอร์ดบริหารของยอดทีมแห่งถิ่น คัมป์ นู ตั้งเป้าเอาไว้ด้วย เพราะตอนแรกพวกเขาคิดว่าจะโกยรายได้ต่อ 1 ปีได้ถึงหลักดังกล่าวหลังจบฤดูกาล 2020-2021

    ทั้งนี้ ถึงแม้ในช่วงซัมเมอร์นี้ บาร์เซโลน่า จะทุ่มเงินก้อนโตไปกับการดึงนักเตะหลายคนมาร่วมทีม อย่างเช่น เฟรงกี้ เดอ ยอง และ อ็องตวน กรีซมันน์ เป็นต้น แต่คนใหญ่คนโตของ บาร์เซโลน่า ก็คาดว่าพวกเขาจะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าเหนื่อยด้านกีฬาโดยรวมลดลง 3 เปอร์เซ็นต์ พอถึงเวลาประกาศการเงินในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า และจะมีรายได้จากการขายกับปล่อยยืมนักเตะเพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์ด้วย หลังจากที่ทีมยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นกาตาลุนย่าปล่อยนักเตะออกไปหลายราย อย่างเช่น อันเดร โกเมส, มัลคอม และ ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น เป็นต้น

post

แฟนชมเกมยูโรปาในบ้านแมนยูน้อยสุด

Football-209

เกม ยูโรปา ลีก นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ อัสตาน่า มีคนเข้ามาดูเกมในสนาม 50,783 คน ซึ่งถือเป็นเกมระดับ ยูโรปา ลีก ที่มีแฟนบอลมาดูการแข่งขันใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด น้อยที่สุด โดยที่จริงแล้วรังเหย้าของ “ปีศาจแดง” จุแฟนบอลได้มากกว่านั้นตั้งเยอะ

    เกมยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม แอล นัดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เฉือนชนะ อัสตาน่า ทีมจากคาซัคสถาน 1-0 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา ถือเป็นเกมระดับ ยูโรปา ลีก ที่มีแฟนบอลเข้าไปชมเกมในสนามของ “ปีศาจแดง” น้อยที่สุด ที่จำนวน 50,783 คน

    แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในช่วงที่ผลงานไม่คงเส้นคงวาอย่างหนัก และก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้แชมป์เลยมา 2 ฤดูกาลติดต่อกัน แถมซีซั่นก่อนพวกเขายังได้เพียงอันดับ 6 ในลีกด้วย จนทำให้แฟนบอลหลายคนแสดงความไม่พอใจในทีมมาพักหนึ่งแล้ว

    การที่เป็นเพียงอันดับ 6 เมื่อฤดูกาลที่แล้วทำให้ในซีซั่นนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องมาเล่นในศึก ยูโรปา ลีก ซึ่งก่อนลงเล่นเกมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมของพวกเขาก็บอกเองว่าจะให้โอกาสดาวรุ่งและตัวสำรองหลายคนได้ลงเล่นเกมนี้

    อย่างไรก็ตาม การที่ โซลชา แสดงเจตนารมณ์ว่าจะไม่ส่งแข้งกำลังหลักลงเล่นหลายคน, การที่ ยูโรปา ลีก เป็นรายการที่ “เร้ด อาร์มี่” หลายคนไม่สนใจเท่าไหร่, การที่ทีมมีฟอร์มไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ และประเด็นที่ อัสตาน่า ไม่ใช่ทีมที่โด่งดังอะไร มันก็ส่งผลให้เกมนี้มีแฟนบอลเข้ามาชมเกมในสนามเพียงแค่ 50,783 คน ทั้งที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีความจุถึง 74,879 ที่นั่ง

    ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เกม ยูโรปา ลีก ที่มีแฟนบอลเข้ามาชมเกมใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด น้อยที่สุดนั้น ได้แก่เกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ ของฤดูกาล 2016-17 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเฉือน ซอร์ย่า ทีมจากยูเครนแบบฉิวเฉียด 1-0 โดยตอนนั้นมีคนเข้ามาดูเกมในสนาม 58,179 คน

post

เด็กมีของ!โซลชาปลื้มกรีนวู้ด,ดาวรุ่งโชว์ทีเด็ด

Football-208

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิ้มแก้มป่องเพราะนักเตะดาวรุ่งที่จับลงเล่นตัวจริงโชว์ของดีแท้ โดยเฉพาะ เมสัน กรีนวู้ด หัวหอกอนาคตไกล เล่นได้โดดเด่น แถมยิงประตูสำคัญช่วยทีมชนะ อัสตานา ในเกมยูโรปา ลีก กลุ่มแอล วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวชื่นชมผลงานของ เมสัน กรีนวู้ด กองหน้าดาวรุ่งและบรรดาแข้งอนาคตไกลที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในแมตช์เฉือน อัสตานา 1-0 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มแอล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา

              สำหรับเกมเปิดหัวยูโรปา ลีก โซลชา มีการปรับเปลี่ยนทีมแทบยกชุดเมื่อให้โอกาสนักเตะในศูนย์ฝึกเยาวชนได้ลงสนาม และผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในทีมชุดใหญ่ลงเล่น โดยทั้งหมดนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อสามารถไล่บดขยี้ผู้มาเยือนจากคาซัคสถานตลอดทั้งเกม จนกระทั่งปลดล็อกได้สำเร็จช่วง 17 นาทีสุดท้ายจาก กรีนวู้ด 

              โซลชา กล่าวชื่นชม กรีนวู้ด ที่กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรปให้กับทีมชุดใหญ่ทั้งๆ ที่ได้ลงเล่นตัวจริงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น กล่าวว่า “เขามีธรรมชาติของจอมจบสกอร์ มีธรรมชาติของการเป็นนักฟุตบอล เขาสนุกกับการเล่นฟุตบอล”

              “เขาสามารถเล่นในฐานะผู้เล่นหมายเลข 10 (เพลย์เมกเกอร์) หรือเล่นทางปีกก็ได้ ดังนั้นผมดีใจที่เขายิงประตูแรกได้ เรารู้มาตลอดว่าหากในหรือรอบๆ กรอบเขตโทษ เขาเป็นหนึ่งในตัวจบสกอร์ที่เก่งที่สุด ผมมีความสุขมากๆ ที่เขายิงประตูได้ และเขาจะกลับบ้านด้วยความสุดล้นปรี่ในค่ำคืนนี้”

              นอกจาก กรีนวู้ด แล้ว โซลชา ยังให้ดาวรุ่งพุ่งแรงได้ลงเป็นตัวจริงทั้ง อักเซล ทวนเซเบ้, ทาฮิธ ชอง และ แองเจล โกเมส ที่สำคัญนักเตะเหล่านี้มีโอกาสที่จะได้ยึดตำแหน่งในเกมพรีเมียร์ลีก พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด วันอาทิตย์ที่ 15 ก.ย.นี้ “พวกเขาแสดงให้เห็นในการฝึกซ้อมทุกวัน นี่คือเหตุผลที่พวกเขาได้อยู่ที่นี่ และพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเล่น”

             “ผมต้องเจอกับเรื่องยากมากๆ ในการให้โอกาสแบบนี้ ผมพร้อมแบกรับคำตำหนิเพราะมันเป็นเรื่องง่ายที่จะเจอกับเรื่องแบบนี้ แต่นี่เป็นค่ำคืนที่ดีสำหรับเรา เราคิดว่าวันนี้เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับพวกเขา เราไม่คงไม่ส่งพวกเขาลงสนามถ้าพวกเขาไม่พร้อม แต่พวกเขาต้องการเวลาในการลงสนามเพื่อที่จะเรียกจังหวะการเล่น”

             “พวกเขาอาจจะได้ลงเล่นในช่วงสุดสัปดาห์หรือในเกมพบกับ รอชเดล (ทีมลีก วัน เกม คาราบาว คัพ) ในสัปดาห์หน้า คุณต้องรับมือกับแฟนบอลให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายในค่ำคืนแบบนี้ แองเจล เล่นได้ดี, ชอง โชว์ฟอร์มได้โดดเด่น ดังนั้นพวกเขาทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ” โซลชา ระบุ

post

สโมสรอังกฤษมาดี!เกร็ดทีมผู้ดีในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก (รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก)

Football-202

สำหรับการแข่งขันเปิดหัวศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก จบไปแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นถึงศักยภาพชั้นยอด ในขณะที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ต้องเจอกับความผิดหวังเมื่อแพ้ในแมตช์นี้ แถมยังสะกดคำว่าชนะไม่ได้เลยตลอด 3 เกมที่ผ่านมา

    “ปีศาจแดง” กับ “ไอ้ปืนใหญ่” นอกจากชนะเอาฤกษ์เอาชัยแล้ว ทีมที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ อูไน เอเมรี่ ส่งลงสนามแทบจะเป็นชุดสำรอง และมีดาวรุ่งผสมผสานเข้าไปได้ แต่ผลงานบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะนักเตะเหล่านี้โชว์ผลงานชั้นยอดเกินวัยดีแท้

    ในขณะที่ วูล์ฟส์ หากไม่นัดรอบคัดเลือกในเกม ยูโรปา ลีก ก่อนจะทะลุรอบแบ่งกลุ่ม ผลงานของพวกเขาย่ำแย่เหลือเกินในพรีเมียร์ลีก ผ่านไป 5 แมตช์ก็สะกดคำว่าชนะไม่เป็น แถมช่วง 3เกมที่ผ่านมาก็แพ้เรียบวุธ ต้องบอกว่าสถานการณ์ของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต กับเก้าอี้ “หมาป่า” เริ่มร้อนระอุซะแล้ว

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  (อังกฤษ) 1-0 อัสตานา (คาซัคสถาน)
– แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครเลย 12 เกมหลังสุดในศึกยูโรปา ลีก (ชนะ 9 เสมอ 3) แถมยังเก็บคลีนชีตได้ 8 แมตช์อีกต่างหาก
– ค่าเฉลี่ยอายุนักเตะ 11 ตัวจริง “ปีศาจแดง” พบ อัสตานา อยู่ที่ 24 ปีกับ 145 วัน ซึ่งเป็นทีมค่าเฉลี่ยอายุน้อยที่สุดของพวกเขาในเกมยูโรปาลีก/แชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2012 (24 ปีกับ54 วัน แมตช์พบ ซีเอฟอาร์ คลูจ์)

Football-203

– นักเตะตัวจริงแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการส่ง 3 ดาวรุ่งเกมกับ อัสตานา (เมสัน กรีนวู้ด, ทาฮิธ ชอง และ แองเจล โกเมส) ซึ่งมากที่สุดของพวกเขาในเกมยูโรปา ลีก/แชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2009 ในเกมพบ เบซิคตัส (แดนนี่ เวลเบ็ค, เฟเดริโก มาเคด้า และ ราฟาเอล)
– แมนฯ ยูฯ ทำสถิติตชนะ 2 เกมติดต่อกันตลอดทุกรายการ (เกมทางการ) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019 (ชนะ 3 เกมรวมแมตช์ชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง)
– เมสัน กรีนวู้ด กลายเป็นนักเตะคนแรกที่เกิดตั้งแต่ปี 2000 ยิงประตูให้กับทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด (เกิดเดือนตุลาคม 2001)
– เมสัน กรีนวู้ด เป็นนักเตะคนแรงที่อายุเพียง 17 ปียิงประตูให้แมนฯ ยูไนเต็ด ในหน้าประวัติศาสตร์ 141 ปีของสโมสรที่ลงเล่นในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป

Football-204

– ทำเนียบนักเตะอายุน้อยสุดของ แมนฯ ยูฯ ที่ยิงประตูในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป
– เมสัน กรีนวู้ด (17 ปี 253 วัน)
– มาร์คัส แรชฟอร์ด (18 ปีกับ 117 วัน)
– จอร์จ เบสต์ (18 ปีกับ 158 วัน)
 

ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต (เยอรมัน) 0-3 อาร์เซน่อล (อังกฤษ)
– อาร์เซน่อล แพ้เพียงเกมเดียวเท่านั้นจากการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม 13 แมตช์ในยูโรปา ลีก (ชนะ 10 เสมอ 2) ขณะเดียวกันยังเก็บคลีนชีต 6 แมตช์ติดต่อกันในรอบแบ่งกลุ่มรายการนี้
– อาร์เซน่อล ชนะเกมเยือนฟุตบอลถ้วยยุโรปในการพบกับสโมสรจากเยอรมนีครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2013 (ชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1-0 แชมเปี้ยนส์ ลีก) โดยที่ผ่านมาแทบรากเลือดกว่าจะชนะโดย 5 แมตช์เยือนสถิติเสมอ 1 แพ้ 4

Football-205

– แฟร้งค์เฟิร์ต ต้องพบกับความพ่ายแพ้ในบ้านมากที่สุดในการเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรป
– ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ยิงประตูที่ 7 จาก  7 เกมหลังสุดในการเล่นยูโรปา ลีกให้กับ อาร์เซน่อล โดยงานนี้ 4 ประตูมาจากการเล่นเกมเยือน
– ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ยิงเข้ากรอบ 6 ครั้งในเกมกับ แฟร้งค์เฟิร์ต และได้ 1 ประตู
– บูกาโย ซาก้า กับวัย 18 ปีกับ 14 วัน  ทำให้เขาเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงประตูให้ อาร์เซน่อล ในเกมยูโรปา ลีก/แชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2008 ตอนที่ อารอน แรมซี่ย์ (17 ปีกับ 300 วัน) ยิงประตู เฟเนร์บาห์เช่

Football-206

– บูกาโย ซาก้า สร้างโอกาสมากกว่านักเตะคนอื่นๆที่อยู่ในสนามในแมตช์ที่ อาร์เซน่อล ชนะ แฟร้งค์เฟิร์ต 3-0
– ทำเนียบนักเตะอายุน้อยสุดชาวอังกฤษที่ยิงประตูให้อาร์เซน่อลในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป
– สจ๊วร์ต ร็อบสัน 17 ปีกับ 312 วัน
– บูกาโย ซาก้า 18 ปีกับ 14 วัน
– อเล็กซ์ อ็อกซ์เลค-แชมเบอร์เลน 18 ปีกับ 44 วัน
– เอมิล สมิธ-โรว์ 18 ปีกับ 67 วัน
-นิโกล่าส์ เปเป้ ลงเล่นเกมแรกในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรป


วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ (อังกฤษ) 0-1บราก้า (โปรตุเกส)
– วูล์ฟส์ แพ้ 3 เกมติดต่อกันจากการเล่นทุกรายการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2018
– วูล์ฟส์ เจอกับช่วงเวลาย่ำแย่เมื่อเป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่สามารถยิงประตูในบ้านได้จากการเล่นทุกรายการนับตั้งแต่เดือนเมษายน

Football-207

– ที่โมลินิวซ์ กราวน์ นั้น “หมาป่า” แพ้ 2 เกมติดต่อกันจากการเล่นทุกรายการเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมกราคม 2019 (แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 และแพ้ คริสตัล พาเลซ 0-2)
– บราก้า ยังไม่แพ้ใครในการเล่นเกมแรกรอบแบ่งกลุ่มยูโรปา ลีก ทุกครั้ง โดยชนะ 4 และเสมอ 1 (ชัยชนะ 4 เกมมาจากการเล่นเกมเยือน)

post

ทีเด็ดกรีนวู้ด! ตัดเกรดแข้งแมนยูลุ้นเหนื่อยเบียดชนะอัสตานา

Football-201

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บสามแต้มประเดิมยูโรปา ลีกได้สำเร็จแม้จะต้องหืดจับกว่าจะชนะ อัสตานา ได้ก็ตาม เป็นเกมที่ผีแดงเหนือกว่าคู่แข่งมากแต่หาทางเจาะประตูไม่ได้เสียที จนกระทั่ง เมสัน กรีนวู้ด มายิงปลดล็อค เกมนี้มีนักเตะหนึ่งรายที่คัมแบ็กกลับมาเล่นเป็นตัวจริงและสามารถทำคะแนนไป 7.5 แต้ม เราไปดูคะแนนแข้งปีศาจแดงกัน

เซร์คิโอ โรเมโร่ 6

ไม่ได้เซฟลูกยากอะไรมากนัก ลูกที่เหลือก็รับค่อนข้างชัวร์

ดีโอโก้ ดาโลต์ 5.5

เติมเกมรุกอยู่ตลอด ได้บอลค่อนข้างบ่อยมีหลายจังหวะเอาตัวรอดได้ดี แต่ปัญหาของเขาคือลูกครอสด้านข้างที่แทบไม่ตรงเป้าเลย

ฟิล โจนส์ 6

เกมรับอาจจะดูไม่ค่อยนิ่งแต่ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดมากนัก ยังเจอบบททดสอบน้อย 

อั๊กเซล ตวนเซเบ้ 7

อัสตานา เหมือนเปิดบอลฉิ่งกำแพงเพราะกลางสนามติดกองหลังคนนี้หมด ดูค่อนข้างนิ่งและมั่นใจ มีช่วยเติมเกมรุกด้วย

มาร์กอส โรโฮ 6

เติมเกมรุกเมามันส์ ลูกยิงไกลของเขาได้ลุ้นอยู่พอสมควร เปิดบอลเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา 

เนมานย่า มาติช 5

บททดสอบในแดนกลางค่อนข้างน้อย มีตัดบอลสวยๆบ้าง แต่มักจะจับบอลพลาดจนทำเกมรุกเสียจังหวะและจ่ายค่อนข้างช้าเช่นเคย

เฟร็ด 7.5

เกือบยิงประตูตั้งแต่ต้นเกมแต่บอลชนคาน ยิงฟรีคิกก็ได้ลุ้นเพราะยิงติดเซฟ จ่ายบอลออกซ้ายขวาสวยๆหลายรอบ 

เมสัน กรีนวู้ด 7

ได้โอกาสยิงประตูอยู่หลายครั้ง สองครั้งแรกข้ามคาน มียิงไปแฉลบกองหลังเด้งไปชนเสา จนสุดท้ายมาทำประตูชัยได้สำเร็จ

แองเจล โกเมส 7

ความคล่องตัวของเขาปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งได้ดีหลายครั้ง จ่ายบอลสวยได้ฉลาด แต่การเปิดลูกเตะมุมยังไม่มีประสิทธิภาพ และบทบาทเริ่มน้อยลงจนถูกเปลี่ยนออก

ตาฮิธ ชอง 4

ช่วยเกมรุกได้น้อยที่สุดในเกมนี้ ทำเสียบอลง่าย พยายามโยกไปเล่นทั้งฝั่งซ้ายและขวา แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นจนถูกเปลี่ยนตัวออก

มาร์คัส แรชฟอร์ด 5

มีโอกาสยิงเน้นๆเยอะกว่าใครเพื่อน แต่ส่วนใหญ่ติดเซฟของผู้รักษาประตูหมด ขณะที่ลูกฟรีคิกยังคงหวังพึ่งไม่ได้เช่นเคย

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

เจสซี่ ลินการ์ด 5 (ลงมาแทน ตาฮิธ ชอง นาทีที่ 68)

ลูกยิงไกลของเขาไปชนเสา แต่มีจังหวะหลุดเดี่ยวไปยิงน่าผิดหวัง

ฆวน มาต้า 5 (ลงมาแทน แองเจล โกเมส นาทีที่ 68)

เก็บบอลกับตัวได้ดี แต่ยังช่วยเกมรุกไม่ได้มากนัก

แอชลีย์ ยัง 5 (ลงมาแทน มาร์กอส โรโฮ นาทีที่ 78)

ลงมาก็เน้นช่วยเกมรับ

post

โลกแตกจะทำได้หรือเปล่า ? 5 สถิติพรีเมียร์ลีกที่ยากจะทำลาย

Football-188

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นหนึ่งในลีกที่ดีที่สุดในวงการลูกหนังยุโรปนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อฤดูกาล 1992/93 ซึ่งถูถนำมาแทนที่การแข่งขันฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 เมืองผู้ดี โดยมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ครองความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ 13 สมัย โดยรวมทั้งหมดในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอยู่ที่ 20 สมัย

    ตลอดระยะเวลา 27 ปีในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก มีนักเตะชั้นยอดมากมายที่เดินทางมาค้าแข้งในเมืองผู้ดีกับหลายๆ สโมสร โดยนักเตะเหล่านี้ยังได้สร้างความทรงจำเอาไว้ในเกมลีกมากมาย โดยเฉพาะกับการสร้างสถิติที่ถือว่าน่าเหลือเชื่อมากๆ

    จากคำโบราณที่บอกว่า “สถิติมีไว้เพื่อทำลาย” อาจจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่สถิติบางอย่างมันก็ยากจะทำลายได้จริงๆ โดยเฉพาะในการแข่งขันลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เพราะสถิติเหล่านี้เมื่อมองดูแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะมีใครสามารถทำลายลงได้ในอนาคตอันใกล้นี้ 

1. ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด – อลัน เชียเรอร์ 260 ประตู (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส)

Football-189

    สำหรับการยิงประตูจำนวน 260 ลูกในลีกสูงสุดประเทศอังกฤษ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ฉะนั้นคงไม่ผิดอะไรที่จะยก “ฮอตชอต” อลัน เชียเรอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ คือตำนานของพรีเมียร์ลีก เพราะผลงานที่เขาสร้างเอาไว้มันยากจะทำลายได้จริงๆ

    เชียเรอร์ ซึ่งได้รับการเชิดชูว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดกองหน้าที่ดีที่สุดของ อังกฤษ ยิงประตูมากมายก่ายกองจากการเล่นให้กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ตามด้วย นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งเขามีอัตราการตะบันตาข่ายคู่แข่งถึง 0.59 ประตูต่อแมตช์ ขณะเดียวกันยังทำ 64 แอสซิสต์ด้วย

Football-190

    นอกจากสถิติการยิงประตูถล่มทลายแล้ว เชียเรอร์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่ซัดแฮตทริกมากที่สุด ยังมีสถิติการยิงประตูจากในเขตโทษ และจุดโทษ มากมายมหาศาล กระนั้นสถิติการซัดแฮตทริกของเขาอาจจะโดนทำลายในเร็วๆ นี้ เพราะ เซร์คิโอ อเกวโร่ หัวหอกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตะบันแฮตทริกไปแล้ว 11 ครั้งซึ่งเท่ากับ “ฮอตชอต” และดูเหมือนจะทำได้อีกหากยังค้าแข้งกับ “เรือใบสีฟ้า” ต่อไป

    ตอนนี้มีนักเตะเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่ตะบันประตูเกิน 200 ลูกในพรีเมียร์ลีก ได้แก่ เชียเรอร์ กับ เวย์น รูนี่ย์ ขณะที่ แฮร์รี่ เคน ซึ่งว่ากันว่าเป็นกองหน้าที่เก่งที่สุดของ อังกฤษ ในเวลานี้ ซัดไปแล้ว 128 ประตูให้กับ สเปอร์ส ในวัยเพียง 26 ปี เขาอาจจะทำสถิติแซงหน้าตำนานเบอร์ 9 ทัพ “สิงโตคำราม” ไหม ? เวลาเท่านั้นที่่จะบอกได้ !!!

2. โหม่งทำประตูมากที่สุด – ปีเตอร์ เคร้าช์ 53 ประตู (แอสตัน วิลล่า, เซาธ์แฮมป์ตัน, ลิเวอร์พูล, พอร์ทสมัธ, สเปอร์ส และสโต๊ค ซิตี้)

Football-191

    ในพรีเมียร์ลีกมีกองหน้าทำประตูมากมาย แต่สำหรับ ปีเตอร์ เคร้าช์ โดดเด่นเป็นสง่ากว่าดาวยิงคนอื่นๆ เพราะประตูเกือบครึ่งที่เขาทำได้ในลีกสูงสุดมากจากหัวกบาล ฉะนั้นต้องยอมรับว่า ดาวยิงร่างโย่ง เป็นนักฟุตบอล “หัวดี” อย่างไม่ต้องสงสัย

    เป็นเรื่องปกติเมื่อ เคร้าช์ ลงสนามเขาจะโดดเด่นกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ เนื่องจากมีรูปร่างสูงโย่งผอมเกร็ง ฉะนั้นด้วยธรรมชาติที่เกิดมาได้เปรียบทำให้เจ้าตัวใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ในการโหม่งทำประตู แน่นอนว่าตลอดช่วงเวลาเกือบ 20 ปีที่โลดแล่นในวงการลูกหนัง อดีตเด็กปั้น สเปอร์ส ยิงประตูด้วยการโหม่ง 53 ลูกก่อนที่จะแขวนเกือกเมื่อเดือนกรกฎาคมนี้ 

Football-192

    เคร้าช์ ทำประตูด้วยลูกโหม่งกับทุกๆ สโมสรที่เขาเคยค้าแข้งด้วย รวมทั้งในยามที่เล่นให้ทีมชาติอังกฤษ แต่เขาต้องผิดหวังในการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายกับการค้าแข้งให้กับสโมสรสุดท้ายนั่นก็คือ เบิร์นลี่ย์ เมื่อได้ลงสนาม 6 แมตช์แต่ไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ดเลย 

    อย่างไรก็ตาม สามีของ  แอ็บบี้ แคลนซี่ นางแบบสุดเซ็กซี่ ได้สร้างชื่อให้โลกจดจำไปแล้ว เมื่อเขาถูกบันทึกเอาไว้ในกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดเมื่อปี 2018 ว่าเป็นนักฟุตบอลที่โหม่งประตูมากที่สุด 

Football-193

    ทั้งนี้ เชียเรอร์ ซึ่งยิงประตูในลีกมากที่สุด ใช้กบาลโหม่งบอลเข้าประตู 46 ลูก โดย 87 เปอร์เซ็นต์จากประตูที่ทำได้มาจากในกรอบเขตโทษ ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะได้ประตูจากการเล่นบอลโยนยาว โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกองหลังตัวใหญ่ตามประกบ แต่ เคร้าช์ เป็นกรณียกเว้น

3. แอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก – ไรอัน กิ๊กส์ 162 ครั้ง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)  

Football-194

    ตำนานปีกพ่อมดเลือดเวลส์ ได้เขียนชื่อตัวเองเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เล่นอยู่กับสโมสรเดียวจนกระทั่งแขวนเกือก นั่นก็คือ แมนนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

    ไรอัน กิ๊กส์ สวมชุด “เร้ด เดวิลส์” ลงสนามถึง 22 ฤดูกาล ซึ่งเขาเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของ แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือทีมคู่แข่งในลีก นั่นก็คือการนำสโมสรคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ (พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) เมื่อฤดูกาล 1998/99 และสะสมโทรฟี่แชมป์ไปถึง 34 รายการ

Football-195

    กิ๊กส์ ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วงที่ใช้เวลาค้าแข้งกับสโมสร โดยเฉพาะการเติมเกมบุกในพื้นที่สุดท้าย แม้ “กิ๊กซี่” จะไม่ได้ชื่อว่าเป็นจอมถล่มประตูเพราะเขาซัดไป 109 ลูกให้กับต้นสังกัด แต่ความสามารถในการกระชากลากเลื้อยหนีคู่แข่ง และส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู ส่งให้เขากลายเป็นตำนานจนทุกวันนี้

    อดีตปีกทีมชาติเวลส์ ซึ่งตัดสินใจแขวนเกือกในปี 2014  และปัจจุบันทำหน้าที่กุมบังเหียนทีมชาติเวลส์ ยังคงเป็นยอดนักเตะที่ป้อนบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้มากที่สุด โดยยากที่จะมีใครทำสถิติแซงหน้าได้

4. คลีนชีตมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก – ปีเตอร์ เช็ก 202 คลีนชีต (เชลซี, อาร์เซน่อล)

Football-196

    ปีเตอร์ เช็ก ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่เหนียวหนึบที่สุดในยุคของเขา และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ได้รับการจดจำมากที่สุดซึ่งต้องขอบคุณเฮดการ์ดที่เจ้าตัวใส่ลงสนามเป็นประจำ แต่เรื่องนี้มีเหตุผลเนื่องจากเจ้าตัวเคยประสบเหตุกะโหลกร้าวตอนที่ช่วยทีมปะทะกับ เรดดิ้ง เมื่อปี 2006

    หากมีการพิจารณาผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดตลอดกาลในพรีเมียร์ลีก เช็กสามารถขึ้นทำเนียบนี้ได้เลยเพราะสถิติที่เขาสร้างเอาไว้ในยิ่งใหญ่เกินจะบรรยาย คิดดูก็แล้วกันจะมีโกลคนไหนที่สามารถเก็บคลีนชีตได้ถึง 202 แมตช์ตลอดระยะเวลาที่เฝ้าเสาให้กับ เชลซี และ อาร์เซน่อล

Football-197

    คิดดูก็แล้วว่า ตำนานนายทวารทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลลีกสูงสุดที่ช่วยต้นสังกัดไม่เสียประตูมากกว่า 200 เกม 

    เช็ก ก้าวขึ้นสู่จุดสุดยอดตั้งแต่วัยรุ่น โดยเขาย้ายมาเล่นกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” ในฤดูกาล 2004/05 เขาคงไม่สามารถขออะไรที่ดียิ่งกว่านี้ได้อีกแล้วกับการเริ่มต้นอาชีพในประเทศอังกฤษ โดย เช็ก ยึดมือ 1 มาจาก คาร์โล คูดิชินี่ ซึ่งตอนนั้นต้องพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บ ได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังทำสถิติเก็บ 24 คลีนชีตในซีซั่นนั้นด้วย

Football-198

    ที่สำคัญสถิติ 24 คลีนชีตจากการเล่น 38 แมตช์ในฤดูกาล 2004/05 ยังไม่มีนายทวารคนไหนทำลายได้  และนั่นเป็นส่วนหนึ่งจากสถิติ 202 คลีนชีต ต้องบอกว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในสถิติที่ยากจะทำลายได้จริงๆ โดย ดาบิด เด เคอา มือ 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสถิติใกล้เคียงแต่ก็ยังห่างไกลโดยทำ 120 คลีนชีต 

     สำหรับในยุคฟุตบอลสมัยใหม่ เช็ก ถือเป็นนายทวารที่สร้างความประทับใจมากๆ เพราะมีความสุข, แข็งแกร่ง, ใจกล้า และมีปฏิกิริยารวดเร็วว่องไว รวมทั้งยืนตำแหน่งได้ดีเยี่ยม โดยหลังจากที่ตัดสินใจแขวนถุงมือเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ตอนนี้เขาหันไปทำหน้าที่ใหม่ด้วยการรับงานเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคและศักยภาพคนใหม่ของ เชลซี

5. ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด – แกเร็ธ แบร์รี่ 653 เกม (แอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน และ เวสต์บรอมวิช)

Football-199

     แกเร็ธ แบร์รี่ ซึ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2012 ปัจจุบันยังคงเป็นนักฟุตบอลที่ลงสนามในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมากที่สุดจำนวน 653 เกม 

    การโลดแล่นบนสังเวียนหญ้าเขียวขจีมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากการเล่นให้ แอสตัน วิลล่า ซึ่งเขาใช้เวลานานถึง 12 ปี จนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีม เขาใช้เวลาค้าแข้งในอังกฤษมาตลอดโดยเล่นในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 21 ฤดูกาล และเคยผ่านการลิ้มรสชาติในการเล่นระดับแชมเปี้ยนชิพตอนที่นำ เวสต์บรอม ตกชั้นในปี 2018

Football-200

    แม้ว่า แบร์รี่ จะเป็นนักฟุตบอลที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดก็ตาม แต่หากจำนวนซีซั่นที่เล่นในลีกสูงสุดยังคงเป็นรอง ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งอยู่โชว์ฝีเกือกในพรีเมียร์ลีก 22 ฤดูกาล (แบร์รี่ 21 ซีซั่น)

post

หมีรอดตาย! “เอร์เรรา”โขกท้ายเกมพาแอต.มาดริดตีเจ๊ายูเวนตุสประเดิม แชมเปียนส์ลีก

Football-187

เมาริซิโอ ซาร์รี่ นายใหญ่ ”ม้าลาย” ยูเวนตุส เกือบคว้า 3 แต้มแต่มาโดนทีเด็ดช่วยท้ายบุกเจ๊า ”ตราหมี” แอต.มาดริด 2-2 โดยทีมเยือนออกนำไปก่อนสองสกอร์ แต่มาโดนทีเด็ดของ เฮคเตอร์ เอร์เรรา โขกนาทีที่ 90 ช่วยเจ้าถิ่นไว้ได้ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี) คืนวันพุธที่ผ่านมา

สนาม : ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่

    ”ตราหมี” พุ่งชนความพ่ายแพ้เป็นนัดแรกในฤดูกาลนี้ หลังจากที่โดนเรอัล โซเซียดาด เชือด 2-0 ในเกมลา ลีกา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เทรนเนอร์ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้รับข่าวดีหลังจากที่ แยน โอบลัค นายทวารคนเก่งของทีมที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามในเกมก่อน หายเดี้ยงกลับมาซ้อมได้แล้ว และไม่น่ามีปัญหาในการลงเฝ้าเสา

     ฟาก ”ม้าลาย” เสียตำแหน่งจ่าฝูงกัลโช่ เซเรีย อา ให้กับอินเตอร์ มิลาน หลังจากที่ทำได้เพียงเสมอกับฟิออเรนตินา แบบไม่มีสกอร์ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ไม่ได้ใส่ชื่อของ มาริโอ มานด์ซูคิช และ เอ็มเร่ ชาน ในขุมกำลังสู้ศึกรายการนี้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไร เพราะมีทางเลือกเยอะ

    เปิดฉากครึ่งแรกมากลายเป็น ทัพหมีที่ได้ลุ้นก่อนเลย นาที 10 ดีเอโก้ คอสต้า ไหลบอลต่อให้ ชูเอา เฟลิกซ์ กดด้วยขวาบอลพุ่งไปติดเซฟเชสนี่ออกหลัง

    ถัดมาอีก 3 นาที แอต.มาดริดได้ลุ้นอีก หลัง คีแรน ทริปเปียร์ ครอสบอลมาให้ เฟลิกซ์ ขึ้นโขกแต่บอลยังไม่ผ่านนายด่านม้าลาย

    ลูกทีมของ ซาร์รี่ แทบไม่ได้โงหัวตอบโต้เลย นาที 16 เรนาน โลดี้ เติมมาหวดด้วยซ้ายเน้นๆ บอลพุ่งแรงจนเชสนี่ได้ออกแรงเซฟอีก อีกนาทีต่อมา โฆเซ่ คิมิเนซ ได้โขกกลางประตูอีกแต่บอลยังไปเข้ามือของเชสนี่

    เหลือ 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกลูกทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ยังหาจังหวะจบสกอร์ได้ค่อนข้างน้อย ขณะที่ ”ตราหมี” ดูดีกว่าเกือบได้ประตูขึ้นนำหลายครั้ง

    นาทีที่ 40 ”ม้าลาย” ได้เสียวบ้างจากจังหวะครอสหน้าเขตโทษของ ฮวน กวาดราโด้ บอลโค้งเลยไปเสาสองเข้าหัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โหม่งคนเดียว แต่ไปตรงตัว ยาน โอบลัค

    หมดครึ่งเวลาแรก แอต.มาดริด 0 ยูเวนตุส 0
    
    แต่แล้วเริ่มครึ่งหลังได้เพียง 2 นาที ”ม้าลาย” มาได้ประตูออกนำจากจังหวะสวนกลับเร็วบอลทิ้งยาวมาถึง กอนซาโล่ อิกวาอิน ลากเข้าเขตโทษก่อนปาดออกให้ ฮวน กวาดราโด้ แต่งเข้าซ้ายตะบันเต็มแรงพุ่งเสียบสามเหลี่ยมงดงาม แอต.มาดริด 0 ยูเวนตุส 1
    
    นาทีที่  60 ”ตราหมี” ได้ลุ้นอีกครั้งจาก โฮเซ่ คิเมเนซ แต่ก็ยังข้ามคานออกไปก่อน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ขยับแก้เกมส่ง อังเคล คอร์เรอา ลงสนามแทน โตมาส์ เลอมาร์ ที่มีส่วนร่วมกับเกมน้อยมาก

    ต่อมานาทีที่ 65 ”ม้าลาย” มาบวกสกอร์เพิ่มจากจังหวะพาบอลควบขึ้นมาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก่อนแทงให้ อเล็กซ์ ซานโดร สอดขึ้นมาหยอดด้วยซ้ายบอลลอยไปเข้าหัว แบลส มาตุยดี้ ขึ้นโขกโล่งๆแสกหน้า ยาน โอบลัค แอต.มาดริด 0 ยูเวนตุส 2

    แต่แล้วนาทีที่ 70 ”ตราหมี” มาได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะฟรีคิกกลางสนามของ โกเก้ เปิดยาวมาเสาสองให้ โฮเซ่ คิเมเนซ โขกชงเข้ากลางประตูและเป็น สเตฟาน ซาวิช ตามโหม่งซ้ำไม่มีเหลือ แอต.มาดริด 1 ยูเวนตุส 2
    
    ต่อมาอีก 3 นาที ทีมเยืนเกือบได้ประตูหนีห่างอีกครั้งจากจังหวะยิงของ กอนซาโล่ อิกวาอิน แต่ไปติดเซฟ ยาน โอบลัค ปัดออกมาเข้าทาง แบลส มาตุยดี้ ตามซ้ำก็ยังไปติดเท้า คีแรน ทริปเปียร์ ที่ยืนคุมเส้นช่วยทีมเอาไว้ได้

    ก่อนหมดเวลา 10 นาที เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูตีเสมอจากจังหวะยิงไกลของ บิโตโล่ ที่ลงสนามมาเป็นตัวสำรองแต่ยังไม่ผ่านมือ วอยเชียค เชสนี่ ช่วยเอาไว้ได้อีกครั้ง

    ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 90 เจ้าถิ่นมาตีเสมอสำเร็จจาก ลูกเตะมุมของ คีแรน ทริปเปียร์ ครอสเข้าหัว เฮคเตอร์ เอร์เรรา สอดมาโขกผ่านมือ วอยเชียค เชสนี่ เสียบเสาเข้าไป 

    จบเกม แอต.มาดริด 2 ยูเวนตุส 2

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

    แอต.มาดริด (4-4-2) : ยาน โอบลัค – คีแรน ทริปเปียร์, สเตฟาน ซาวิช, โฮเซ่ คิเมเนซ, เรนาน โลดี้ – โกเก้, ซาอูล ญีเกซ, โทมัส ปาเตย์, โตมาส์ เลอมาร์ – ชูเอา เฟลิกซ์, ดีเอโก้ คอสต้า

    เทรนเนอร์ : ดีเอโก้ ซิเมโอเน่

     ยูเวนตุส (4-3-3) : วอยเชียค เชสนี่ – ดานิโล่, มาต์ไตส์ เดอ ลิกท์, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, อเล็กซ์ ซานโดร – ฮวน กวาดราโด้, ซามี่ เคดิร่า, มิราเล็ม ปานิช, แบลส มาตุยดี้ – กอนซาโล่ อิกวาอิน, คริสเตียโน่ โรนัลโด้

    เทรนเนอร์ : เมาริซิโอ ซาร์รี่

ผู้ตัดสิน : แดนนี่ มัคเคลี่ (ฮอลแลนด์)

post

ดิมาเรียเบิ้ลทีมเก่า! ปารีสฯสอนเชิงเรอัลมาดริดเปิดหัวศึกแชมเปียนส์ลีก

Football-186

อังเคล ดิ มาเรีย ดาวเตะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยังคงเป็นตัวแสบเช่นเดิมหลังซัดสองเม็ดใส่ทีมเก่า “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ไปได้ 3-0 นำแชมป์ลีกเอิงคว้าสามแต้มประเดิมชัย ในการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดแรก คืนวันพุธที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

     ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดแรก คืนวันพุธที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา “เปแอสเช” ยักษ์ใหญ่แดนน้ำหอม เกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล ขาดดาวเตะอย่าง “เนย์มาร์” ที่ติดถูกแบนจากซีซั่นก่อน แถมไร้ชื่อ “คาวานี่-เอ็มบั๊ปเป้” ที่ยังบาดเจ็บอยู่ มีหัวหอกป้ายแดง เมาโร อีการ์ดี้ ประเดิมสนามเกมชปล.ให้ทีม ขณะที่ ซีเนดีน ซีดาน นายใหญ่ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แชมป์รายการนี้ 13 สมัยส่งผู้เล่นตัวหลักลงครบ แนวรุกมี “อาซาร์-เบล” ช่วยหนุนเกมบุก คาริม เบนเซม่า หมายชัยชนะเปิดหัวบอลยุโรป

     เริ่มครึ่งแรกถึงนาทีที่ 14 ฆวน เบร์นาต เติมเกมบุกขึ้นมาจ่ายบอลให้ เมาโร อีการ์ดี้ ดีดทำชิ่งก่อนปาดมาในกรอบเขตโทษ และเป็น อังเคล ดิ มาเรีย วิ่งเข้ามาจิ้มด้วยเท้าซ้ายบอลเสียบเสาแรกเข้าไป เปแอสเช นำก่อน 1-0

     ถัดมาอีกเพียงสองนาที เอแด็น อาซาร์ รับบอลจากเพื่อนร่วมทีม ก่อนลองซัดบอลหน้ากรอบเขตโทษ บอลตรงเข้าประตูแต่ทว่า เกย์ลอร์ นาวาส นายด่านเจ้าถิ่นโชว์พุ่งตัวเซฟไว้ได้

     ต่อมานาทีที่ 34 เจ้าถิ่นเฮลั่น โธมัส มูนิเย่ร์ ทุ่มบอลให้ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ เลี้ยงบอลแหวกผู้เล่นราชันชุดขาว ก่อนตบให้ อังเคล ดิ มาเรีย ที่ยืนอยู่หน้ากรอบเขตโทษ วางเท้าปั่นบอลผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายทวารทีมเยือน เข้าไปเป็นลูกที่สองของเจ้าตัวเกมนี้ เปแอสเชทิ้งเป็น 2-0

     ราชันชุดขาวชวดตีไล่มา แกเร็ธ เบล ซัดไกลหน้ากรอบเขตโทษบอลย้อยเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ทว่ากรรมการขอดูวีเออาร์เนื่องจากผู้เล่นเปแอสเชประท้วงเป็นลูกแฮนด์บอลและยืนยันว่าบอลโดนมือจริง เรอัล มาดริด โดนริบสกอร์ไปในนาทีที่ 35 จบ 45 นาทีแรก ปารีสฯ ขึ้นนำ 2-0

     เริ่มครึ่งหลังผ่านถึงนาทีที่ 60 อังเคล ดิ มาเรีย หลุดเข้าในกรอบเขตโทษ ใช้เท้ากระดกบอลหวังให้ข้ามตัวผู้รักษาประตูคู่แข่งแต่บอลกลับลอยโด่งเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

     นาทีถัดมาเจ้าถิ่นเปิดเกมต่อ ฆวน เบร์นาต รับบอลจากเพื่อนริมกรอบเขตโทษ ไหลต่อให้ อังเคล ดิ มาเรีย จับบอลแบบไขว้เท้าแล้วจ่ายให้ ปาโบล ซาราเบีย ที่โฉบตัดหน้าแนวรับเรอัล มาดริด ยิงเสาแรกแต่บอลออกข้างเสาไปแบบมีลุ้น

     ราชันชุดขาวอดได้สกอร์อีกหนนาทีที่ 77 คาริม เบนเซม่า ได้ซัดเต็มข้อริมเขตโทษด้านซ้าย บอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไป แต่ว่ากลับมีผู้เล่นเรอัล มาดริด ยืนล้ำหน้าก่อนบอลกระดอนมาหาดาวยิงชาวฝรั่งเศส อีกสองนาทีต่อมา คาริม เบนเซม่า ยืนโหม่งบอลจากการครอสของเพื่อนร่วมทีมที่เสาสอง ทว่าบอลยังคงเฉียดเสาออกหลังอีกคราช่วงนาทีที่ 79 

     ช่วงทดเจ็บเจ้าถิ่นยิงปิดแมตช์ โธมัส มูนิเย่ร์ ฟูลแบ็กเจ้าถิ่นแย่งบอลจากผู้เล่นราชันชุดขาว ก่อนลากตะลุยขึ้นหน้าจ่ายให้ อังเคล ดิ มาเรีย ตวัดบอลกลับคืนไปที่เจ้าตัวหลุดเดี่ยวไปทางริมสนามด้านขวา ก่อนตบบอลให้ ฆวน เบร์นาต ที่ยืนโล่งอยู่อีกฝั่งของกรอบเขตโทษ ไหลคืนกลับมาให้ โธมัส มูนิเย่ร์ ยิงเข้าไป จบเกม เปแอสเช ชนะ เรอัล มาดริด 3-0 คว้าสามแต้มประเดิมศึกชปล.รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (4-3-3):เกย์ลอร์ นาวาส,โธมัส มูนิเย่ร์,ติอาโก้ ซิลวา,เพรสแนล คิมเพมเบ้,ฆวน เบร์นาต,มาร์กินญอส (อันเดร์ เอร์เรร่า น.70),อิดริสซ่า กาน่า เกย์,มาร์โก แวร์รัตติ,ปาโบล ซาราเบีย (อับดู ดิอาโล น.89),อังเคล ดิ มาเรีย,เมาโร อีการ์ดี้ (มักซิม ชูโป-โมติง น.60)

เรอัล มาดริด (4-3-3):ติโบต์ กูร์กตัวส์,ดานี่ การ์บาฆาล,เอแดร์ มิลิเตา,ราฟาแอล วาราน,แฟร์กล็องด์ เมนดี้,โทนี่ โครส,คาเซมีโร่,ฮาเมส โรดริเกซ (ลูก้า โยวิช น.70),เอแด็น อาซาร์ (ลูกัส บาสเกซ น.70),แกเร็ธ เบล (วิเนซิอุส จูเนียร์ น.79),คาริม เบนเซม่า

post

ไก่ชวดชัย! เคนกดโทษ-สเปอร์สนำ2เม็ดไม่เฮ กอสฮึดไล่เจ๊าเปิดหัว แชมเปียนส์ลีก

Football-185

“ไก่เดือยทอง” รองแชมป์ฯรายการนี้เมื่อซีซั่นที่แล้ว แม้จะขึ้นนำไปก่อนถึง 2-0 แต่ไม่สามารถรักษาสกอร์ได้สำเร็จ เมื่อเจอลูกฮึดของเจ้าถิ่น โอลิมเปียกอส รัวสองเม็ดไล่ตีเสมอ 2-2 จบด้วยการแบ่งแต้มกันไป ในเกมเปิดสนามนัดแรก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี เมื่อคืนวันพุธที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

สนาม : สตาดิโอ จอร์กอส คาราอิสกากิส

    เริ่มเกมตอนแรกดูสูสีจนกระทั่งนาที 26 ไก่เดือยทองขึ้นนำจากจังหวะไม่น่ามีอะไร ยัสซีน เมรีอาห์ ไปแหย่เท้าสกัด แฮร์รี่ เคน ล้มลงในเขตโทษ แล้วสัญญาณ วีเออาร์ เด้งเตือน ก่อนที่กรรมการเปลี่ยนคำตัดสิน และเป็น เคน ลุกขึ้นมาสังหารเองไม่พลาดขึ้นนำ 1-0

    นาที 30 สกอร์ไหลเป็นสอง เบน เดวิส แย่งบอลได้แล้วจ่ายให้ ลูกัส มูร่า ตะบันหน้าเขตโทษเสียบก้นตาข่ายอย่าวสวยงาม คลับไก่นำห่าง 2-0

    แต่ก่อนหมดเวลานาทีเดียว โอลิมเปียกอสตีไข่แตกได้จาก ดาเนียล โปเดนซ์ เล่นชิงเข้าไปยิงเรียดเสียบเสาไกลเป็นการแก้ตัวที่เสียบอลจนโดนยิงเม็ดสอง และพักครึ่งไปด้วยสกอร์สเปอร์สนำ 2-1

    ต่อครึ่งหลังนาที 54 เจ้าถิ่นบุกครั้งแรกได้เรื่องเลยเมื่อ มาติเยอ วัลบูเอน่า เรียกฟาวล์ได้จากจังหวะโดน ยาน แฟร์ทองเก้น ทำฟาวล์ ก่อนที่ดาวเตะร่างเล็กเลือดน้ำหอมสังหารเองไม่พลาดไล่ตีเสมอ 2-2

    นาที 66 ไก่เดือยทองพลาดได้ลูกสาม เดเล่ อัลลี ได้กดเรียดติดเซฟ โชเซ่ ซา ออกหลัง จากเตะมุม เคน ได้โขกก็โด่งข้ามคาน

    เวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมทยอยกันเปลี่ยนตัวแก้เกมแต่ไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกมสเปอร์สบุกเสมอ 2-2 แบบน่าเสียดายนิดๆ หลังนำห่างไปก่อน 2 เม็ด

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    โอลิมเปียกอส : โชเซ่ ซา – โอมาร์ เอลับเดลเลา, รูเบน เซเมโด้, ยัสซีน เมรีอาห์, คอสตาส ซิมิกัส – กิลเญร์เม่, อันเดรียส บูชาลากิส – จอร์กอส มาซูราส, มาติเยอ วัลบูเอน่า, ดาเนียล โปเดนซ์, มิเกล อังเคล เกร์เรโร่

    สเปอร์ส : อูโก้ โยริส – ดาวินซอน ซานเชซ, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ทองเก้น, เบน เดวิส – แฮร์รี่ วิงค์ส, ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ – ลูกัส มูร่า, คริสเตียน เอริคเซ่น, เดเล่ อัลลี – แฮร์รี่ เคน

    ผู้ตัดสิน : จานลูก้า ร็อคคี่ (อิตาลี)

post

กุนโดกันแจ่ม! แมนซิตี้คืนฟอร์มดุ-บุกกระซวกชัคตาร์ฯขาดลอย

Football-184

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมกลับมาคว้าชัยชนะได้อีกครั้งหลังประเดิม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เกมแรกด้วยการบุกไปคว้าสามแต้มถึงบ้าน ชัคตาร์ โดเนตส์ค 3-0 เมื่อคืนวันพุธที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

สนาม : อ็อบลาสนี่ย์ สปอร์ต คอมเพล็กซ์

    ชัคตาร์ โดเนตส์ค ทีมแกร่งจากยูเครน แมตช์เปิดหัว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของกลุ่ม ซี รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นที่แล้ว ที่ล่าสุดเพิ่งพ่ายให้ นอริช 2-3 

    เจ้าถิ่น หลุยส์ กาสโตร กุนซือชาวโปรตุกีสส่งแนวรุกอย่าง มาร์ลอส, ไทสัน และมานอร์ โซโลมอน ขับเคลื่อนเกมรุกอยู่ข้างหลัง จูเนียร์ โมราเอส ส่วนทางด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แม้จะมีปัญหาแนวรับ ทว่าเกมนี้จับ แฟร์นานดินโญ่ ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ สามประสานใช้ กาเบียล เชซุส แทน เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่เป็นสำรอง โดยมี ราฮีม สเตอร์ลิง และริยาด มาห์เรซ ขนาบข้าง

    เปิดฉากมาได้แค่ นาทีเดียว “เรือใบสีฟ้า” เกือบชิงขึ้นนำไปก่อน หลัง เควิน เดอ บรอยน์ ครอสบอลมาให้ โรดรี้ โฉบขึ้นโขกแต่บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

    นาที 16 คราวนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง โขกต่อให้ อิลคาย กุนโดกัน ได้อัดด้วยซ้ายในกรอบแต่บอลก็หลุดเสาออกไปอีกหน

    นาที 24 แมนฯ ซิตี้ มาชิงขึ้นนำ 1-0 จนได้ บอลเริ่มจาก เควิน เดอ บรอยน์ ไปปั้มบอลแย่งมาให้ อิลคาย กุนโดกัน เปิดไปโดนแนวรับเจ้าถิ่นสกัดมาเข้าทาง กาเบรียล เชซุส ไหลสั้นต่อให้ กุนโดกัน วิ่งมาอัดด้วยซ้ายไปชนเสาก่อนกระดอนมาเข้าทาง ริยาด มาห์เรซ ที่ไม่ล้ำหน้าตามซ้ำด้วยซ้ายเข้าไป

    นาที 35 บอลสวนกลับของ ชัคตาร์ฯ เกือบได้ลูกตีเสมอ หลัง ไทสัน แทงบอลทะลุแนวรับซิตี้ให้ จูเนียร์ โมราเอส หลุดไปยิงเสาแรกติดตัว เอแดร์ซอน ที่เซฟช่วยทัพเรือใบไว้ได้

    กระนั้น นาที 38 ลูกทีมของ เป๊ป มาได้ประตูที่สองนำห่าง 2-0 บอลจากทางซ้าย ริยาด มาห์เรซ ควบบอลเข้าไปก่อนแอสซิสต์เข้ากรอบเขตโทษให้ อิลคาย กุนโดกัน เติมขึ้นมาก่อนดีดไซด์ก้อยด้วยขวาเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาด

    นาที 44 แนวรับเรือใบเช็กยืนกันหลวมโดน ไทสัน แทงบอลขึ้นหน้าให้ จูเนียร์ โมราเอส หลุดเข้าไปแต่ยังดีที่ เอแดร์ซอน โมราเอส พุ่งมาขวางทางก่อนบอลไปติดขานายด่านทีมเยือน

    จบครึ่งแรก ชัคตาร์ โดเนตส์ค ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2

    ครึ่งหลัง เจ้าถิ่นเปลี่ยนตัวคนแรกส่ง เยฟเฮน โคโนเปลียนก้า ลงมาเล่นแทน มานอร์ โซโลมอน

    นาที 53 แมนฯซิตี้ เกือบได้ลุ้นนำโด่งอีกเม็ดหลัง อิลคาย กุนโดกัน พาบอลเข้าไปยิงด้วยขวาแต่ยังไปติดเซฟของ อังเดร เปียตอฟ บอลเลยมาเข้าเท้า ราฮีม สเตอร์ลิง กดด้วยขวาบอลพุ่งไปชนเสาชวดได้ประตูที่สามอย่างน่าเสียดาย

    นาที 76 แมนฯซิตี้ สวนกลับเร็วบอลมาถึง เควิน เดอ บรอยน์ แทงบอลทะลุแนวรับถึง กาเบรียล เชซุส หลุดเข้าไปล่อเป้ายิงด้วยขวาผ่านตัว อังเดร เปียตอฟ เข้าไปให้ “เรือใบสีฟ้า” นำห่างเจ้าถิ่น 3-0

    ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ชัคตาร์ โดเนตส์ค เปิดบ้านพ่ายให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดลอย 0-3 เป็นสามแต้มของทัพ “เรือใบ” ประเดิมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้

    รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม    

    ชัคตาร์ โดเนตส์ค (4-5-1) : อังเดร เปียตอฟ – เซอร์เก โบลบัต, เซอร์เก คริฟต์ซอฟ, มีโคล่า มัตวิเยนโก้, อิสไมลี่ – ทาราส สเตปาเนนโก้, มาร์ลอส, ไทสัน, อลัน แพทริค (มาร์คอส อันโตนิโอ น.74), มานอร์ โซโลมอน (เยฟเฮ่น โคโนเปลียนก้า น.46) – จูเนียร์ โมราเอส (เดนตินโญ่ น.77)

     เทรนเนอร์ : หลุยส์ กาสโตร

     แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์ (ชูเอา คันเชโล่ น.81), นิโกลัส โอตาเมนดี้, แฟร์นานดินโญ่, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ – เควิน เดอ บรอยน์ (แบร์นาโด ซิลวา น.77), โรดรี้ เอร์นานเดซ (เบนฌาแม็ง เมนดี้ น.83), อิลคาย กุนโดกัน – ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง

    เทรนเนอร์ : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า  
 
    ผู้ตัดสิน : อาร์ตูร์ โซอาเรส ดิอ๊าส (โปรตุเกส)