คริสเตียน พูริซิช ปลดล็อคพังประตูในพรีเมียร์ลีกได้เสียที แถมนัดนี้รับบทเป็นพระเอกตะบันแฮตทริกพา เชลซี บุกไปคว้าชัยเหนือเบิร์นลี่ย์ แบบมีเสียวช่วงท้ายเกม 4-2
ทำสถิติคว้าชัย 7 นัดติดต่อกันทุกรายการ เก็บสามแต้มมี 20 คะแนนเท่ากับ เลสเตอร์ รั้งอันดับ 4 ตารางพรีเมียร์ลีกเหมือนเดิม ขณะที่ พูริซิช กลายเป็นแข้งชาวอเมริกันรายที่สองต่อจาก คลินท์ เดมพ์ซีย์ ที่ทำแฮตทริกได้ในเวทีพรีเมียร์ลีก
สนาม : เทิร์ฟ มัวร์
ครึ่งแรก เริ่มมาได้แค่ 5 นาที ทีมเยือนได้โอกาสทักทายก่อนจาก วิลเลี่ยน ตั้งป้อมหวดด้วยซ้ายบอลเหินหลุดกรอบออกไป
นาที 18 ดไวท์ แม็คนีล กระชากบอลขึ้นทางซ้ายก่อนหลุดถึงเส้นหลังครอสบอลไปแฉลบ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ก่อนไปเข้ามือ เกป้า นายด่านของสิงห์บลูส์
นาที 21 กลายเป็นทีมเยือนที่บุกมาขึ้นนำก่อน 1-0 จากความผิดพลาดของ แม็ทธิว ลอว์ตัน แนวรับเจ้าถิ่นที่เสียการครองบอลโดน คริสเตียน พูริซิช ฉกบอลก่อนกระชากเข้าไปสับขาหนี เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ แล้วซัดด้วยซ้ายส่งบอลเลียดเสียบเสาสองอย่างเฉียบขาด
เจ้าถิ่นไม่ท้อหวังตีเสมอให้ได้ นาที 25 เอริค ปีเตอร์ส ตะบันด้วยซ้ายข้างถนัดนอกกรอบบอลพุ่งแรงแต่ยังไปติดเซฟของ เกป้า
อีกสามนาทีต่อมา บอลวางยาวของ วิลเลี่ยน จากขวาขวางมาซ้ายในกรอบให้ คริสเตียน พูริซิช พักอกลงก่อนซัดด้วยขวาบอลพุ่งไปติดตัว นิค โป๊ป เซฟช่วยทีมไว้ได้
นาทีที่ 30 เบิร์นลี่ย์ พลาดโอกาสตีเสมออย่างจัง บอลเซ็ตเพลย์จากขวาเปิดยาวไปเสาไกลให้ เบน มี ขึ้นโขกชงมาเสาแรก แอชลี่ย์ บาร์นส์ พุ่งมาโขกจ่อๆแต่โหม่งบอลหลุดเสาออกอย่างน่าเสียดาย
นาทีสุดท้ายครึ่งแรก “สิงห์บลูส์” ทะยานออกนำ 2-0 และเป็นแนวรับเจ้าถิ่นที่ผิดพลาดอีก เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ออกไปสั้นไปโดน วิลเลี่ยน ตัดบอลได้มาเข้าเท้า คริสเตียน พูลิซิช เลี้ยงจี้จากกลางสนามเข้ามาก่อนกระชากหนี ทาร์คอฟสกี้ เข้าไปซัดด้วยขวาบอลไปแฉลบ เบน มี เสียบมุมแคบเสาแรกชนิดที่ นิค โป๊ป ยืนขาตายได้แต่มอง
จบครึ่งแรก เบิร์นลี่ย์ ตามหลัง เชลซี 0-2
ครึ่งหลัง เจ้าถิ่นอยู่ไม่ได้หลังตามหลังถึงสองเม็ด รุกหนักเต็มสูบ นาที 51 บอลขึ้นทางขวาถึง เจย์ โรดริเกซ ตะบันด้วยขวาเสาแรกแต่ยังไม่ผ่านมือ เกป้า ที่ปิดมุมรับเข้าซองไว้ได้
ทว่า นาที 56 แฟนเบิร์นลี่ย์เงียบกริบทั้งสนามเมื่อลูกทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มาได้ประตูที่สามนำห่าง บอลจาก เมสัน เมาน์ท ครอสด้วยเท้าขวาไปเสาแรก คริสเตียน พูริซิช โฉบมาโหม่งเสยไปเสาไกล ให้เชลซีนำโด่ง 3-0 และเป็นแฮตทริกของพูริซิชในเกมนี้
ไม่แค่นั้น อีก 2 นาทีถัดมา สกอร์มาไหลเป็น 4-0 จากจังหวะสวนกลับ แทมมี่ อบราฮัม ลากตะลุยขึ้นมาแล้วไหลออกขวาให้ วิลเลี่ยน เลี้ยงมาสับเรียดผ่านมือ โป๊ป เสียบเสาไกลเข้าไปเลย
นาทีที่ 76 เชลซี มาได้จุดโทษ เมื่อ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ตัวสำรองล้มลงไป ทว่าจากการเช็กวีเออาร์ปรากฎว่าเป็นการพุ่งล้มของดาวเตะสิงห์บลูส์ ทำให้มีการเปลี่ยนคำตัดสิน และแจกใบเหลืองให้ ฮัดสัน-โอดอย แทน
เจ้าบ้านมาได้ประตูปลอบใจ 1-4 ในนาทีที่ 86 เมื่อ ร็อบบี้ เบรดี้ ตัดบอลได้จาก พูลิซิช แถวกลางสนาม ก่อนไหลให้ เจย์ โรดริเกซ ลากมาตะบันด้วยขวาจากระยะกว่า 30 หลาเต็มแรง บอลพุ่งผ่านมือ เกปา เสียบใต้คานสุดสวย
นาที 89 เบิร์นลี่ย์ ไม่ถอดใจไล่มาอีกลูก เมื่อ ดไวท์ แม็คนีล ยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษฝั่งขวา บอลไปแฉลบ โทโมรี่ เปลี่ยนทางทำให้ เกปา หลงขาตาย และลูกก็เข้าประตูไป แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น จบเกม เชลซี เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-2 คว้าชัย 7 นัดรวดในทุกรายการ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เบิร์นลี่ย์ (4-4-2) : นิค โป๊ป – แม็ทธิว ลอว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, เอริค ปีเตอร์ส – ดไวท์ แม็คนีล, แจ็ค คอร์ก, แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด, เจฟฟ์ เฮนดริค (ร็อบบี้ เบรดี้ น.84)- แอชลี่ย์ บาร์นส์ (มาเตย์ วิดร้า น.63), เจย์ โรดริเกซ
ผู้จัดการทีม : ฌอน ไดช์
เชลซี (4-3-3) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, คูร์ท ซูม่า, ฟิคาโย่ โทโมรี่, มาร์กอส อลอนโซ่ (รีซ เจมส์ น.63) – มาเตโอ โควาซิช, จอร์จินโญ่, เมสัน เมาน์ท – วิลเลี่ยน (คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย น.72), แทมมี่ อบราฮัม (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.70), คริสเตียน พูริซิช
ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด
ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์