post

แดงเดือดคำรบแรก!แมนยูลุ้น ‘แรชฟอร์ด’ หลอน,ลิเวอร์พูลจัด ‘ซาลาห์’ กระชากซัด

Football-269

ศึกแห่งศักดิ์ศรี “แดงเดือด”…”ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลุ้นให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ระเบิดฟอร์มขุดสกอร์ เกมรับจ่าฝูงไร้พ่ายไร้เสมอนับแต่เปิดลีก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เตรียมจัดต็มสูบแน่นอนโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมนำถล่มประตู ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 20 ต.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 และ ID Station, เวลา : 22.30 น.

สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พา แมนฯ ยูฯ เล่นกระท่อนกระแท่นเหลือเกิน 3 นัดล่าสุดเก็บได้แต้มเดียวฟอร์มก่อนเกมทีมชาติพวกเขาออกไปแพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-1 ที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค

    ดาบิด เด เคดา โกลมือ 1 เจ็บโคนขาหนีบจากเกมทีมชาติทีแรกคาดว่าน่าจะลงเล่นไม่ได้แน่นอนแต่ล่าสุดมีชื่อเกมนัดนี้ด้วยต้องมาลุ้นกันต่อแต่เชื่อว่าอาจลงเพียงแข้งสำรองเท่านั้น

    ขณะที่มิดฟิลด์ตัวเก่งอย่าง ปอล ป็อกบา ซึ่งเจ็บข้อเท้าก็ยังคงไม่สามารถช่วยทีมได้

    ทางด้าน เจสซี่ ลินการ์ด, ฟิล โจนส์, ดีโอโก้ ดาโลต์ และ เมสัน กรีนวู้ด ก็ล้วนมีปัญหาทั้งหมดไม่น่าจะลงได้เช่นกัน

    นอกจากนี้ อารอน วาน-บิสซาก้า, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ ลุค ชอว์ จะต้องทดสอบความฟิตทั้งหมดด้วย

    เจอร์เก้น คล็อปป์ พา ”หงส์แดง” ลิเวอร์พูล รักษาสถิติชนะรวด 100 เปอร์เซ็นต์ได้ 8 เกมมี 24 แต้มเต็มๆ นำโด่งเป็นจ่าฝูงในเวลานี้ โดยฟอร์มล่าสุดก่อนเกมทีมชาติก็คือการเปิดรังแอนฟิลด์ เอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไป 2-1

    หงส์แดง มีลุ้นที่จะได้ อลีสซง เบ็คเกอร์ โกลมือ 1 กลับมาจากอาการเจ็บน่อง ทำให้หายหน้าหายตาไปราว 2 เดือน

    นอกจากนี้ยังมีข่าวดีเพิ่มเติมตรงที่ โฌแอล มาติป เซนเตอร์แบ็กตัวหลักที่พลาดการลงเล่นไป 2 เกม น่าจะฟิตทันสำหรับแมตช์นี้ด้วย

    โดยทีมยังต้องลุ้นอาการเจ็บเล็กน้อยของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ได้จากเกมชนะ เลสเตอร์ ด้วย แต่ดูแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : เซร์คิโอ โรเมโร่ – อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, แอชลี่ย์ ยัง – สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด – อันเดรียส เปเรยร่า, ฆวน มาต้า, แดเนียล เจมส์ – มาร์คัส แรชฟอร์ด
    ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

    ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
    ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

    ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน

เกร็ดเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– แมนฯ ยูไนเต็ดไร้พ่ายในเกมแดงเดือดตลอด 6 เกมเหย้าหลังสุด รวมถึง 5 นัดในลีก (ชนะ 3 เสมอ 2)
– ลิเวอร์พูลเคยทำสถิติไม่ชนะที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในลีกสูงสุด 10 นัดติดต่อกันระหว่างปี 1991-2000
– แมนฯ ยูไนเต็ดแพ้ลิเวอร์พูลหนเดียวจาก 10 เกมลีกหลังสุด คือออกไปพ่าย 1-3 ที่แอนฟิลด์ ธันวาคมปีที่แล้ว ก่อน โชเซ่ มูรินโญ่ ตกงานในอีก 2 วันให้หลัง
– 4 จาก 6 เกมลีกหลังสุดที่เจอกันลงเอยด้วยผลเสมอ (0-0 สามนัด) เท่ากับจาก 36 นัดก่อนหน้ารวมกัน
– เซร์คิโอ โรเมโร่ มีสถิติคลีนชีต 61% เป็นสถิติดีสุดในบรรดานายทวารที่เล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดอย่างน้อย 10 นัด
– แมนฯ ยูไนเต็ดต้องการอีก 2 ประตู เพื่อเป็นทีมแรกที่ยิง 2,000 ลูกในพรีเมียร์ลีก
– แมนฯ ยูไนเต็ดไม่ยิงประตูมากกว่านัดละ 1 ลูกตลอด 10 เกมหลังรวมทุกรายการ เป็นสถิติแย่สุดตั้งแต่ปี 2007
– แมนฯ ยูไนเต็ดชนะแค่ 2 จาก 13 เกมลีกหลังสุด (เสมอ 5 แพ้ 6)
– แมนฯ ยูไนเต็ดเก็บแค่ 17 คะแนนจาก 16 เกมลีกตั้งแต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้สัญญาถาวร
– ถ้าแมนฯ ยูไนเต็ดไม่ชนะเกมนี้จะทำให้พวกเขาออกสตาร์ตแย่สุดตั้งแต่ยุค รอน แอตกินสัน ซีซั่น 1986-87 ก่อน อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้ากุมบังเหียนแทน
– มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงประตูเฉลี่ยทุกๆ 208 นาทีเวลาเจอทีมท็อปซิกซ์ แต่เพิ่มเป็น 266 นาทีตอนเจอทีมที่เหลือ
– ลิเวอร์พูลขอชนะนัดนี้เพื่อทำสถิติชนะรวดพรีเมียร์ลีกดีสุดตลอดกาลเท่าแมนฯ ซิตี้ทำไว้ 18 นัดระหว่างสิงหาคม – ธันวาคม 2017
– ลิเวอร์พูลมีลุ้นเป็นทีมที่ 4 เท่านั้นที่ออกสตาร์ตด้วยการชนะรวดทั้ง 9 นัดแรกสุด และเป็นสถิติพรีเมียร์ลีกเทียบเท่าเชลซีทำไว้ปี 2005
– ทีมเดียวที่ชวดแชมป์หลังชนะรวด 9 เกมลีกแรกสุดคือแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งจบอันดับ 4 ทั้งที่ซิวชัย 10 นัดรวดซีซั่น 1985-86
– ลิเวอร์พูลชนะแค่ 2 จาก 13 เกมลีกหลังสุดที่ไปเยือนทีมท็อปซิกซ์ ทว่าล่าสุดเพิ่งบุกอัดเชลซี เดือนกันยายนที่ผ่านมา


ผลการพบกันที่ผ่านมา
วัน/เดือน/ปี รายการ ผลการแข่งขัน  

24/02/19    พรีเมียร์ลีก    แมนฯ ยูไนเต็ด    0 – 0ลิเวอร์พูล
16/12/18    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    3 – 1แมนฯ ยูไนเต็ด
29/07/18    ไอซีซี    แมนฯ ยูไนเต็ด    1 – 4ลิเวอร์พูล
10/03/18    พรีเมียร์ลีก    แมนฯ ยูไนเต็ด    2 – 1ลิเวอร์พูล
14/10/17    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    0 – 0แมนฯ ยูไนเต็ด
15/01/17    พรีเมียร์ลีก    แมนฯ ยูไนเต็ด    1 – 1ลิเวอร์พูล


ผลงาน 5 นัดหลังสุด
แมนฯ ยูไนเต็ด

06/10/19    แพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
02/10/19    เสมอ อัลค์มาร์ 0-0 (เยือน) ยูโรปา ลีก
30/09/19    เสมอ อาร์เซน่อล 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
25/09/19    เสมอ รอชเดล 1-1 (ชนะจุดโทษ 5-3)
(เหย้า) ลีก คัพ
22/09/19    แพ้ เวสต์แฮม 0-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

vลิเวอร์พูล
05/10/19    ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
02/10/19    ชนะ ซัลซ์บวร์ก 4-3 (เหย้า) ชปล.
28/09/19    ชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
25/09/19    ชนะ มิลตัน คีนส์ 2-0 (เยือน) ลีก คัพ
22/09/19    ชนะ เชลซี 2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

post

คล็อปป์ชี้จุดเด่นแมนยู-นักเตะอันตรายต้องจับตา

Football-266

เจอร์เก้น คล็อปป์ อัพเดตความพร้อม ลิเวอร์พูล ก่อนไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมชี้จุดเด่นของ “ปีศาจแดง” และนักเตะที่ต้องจับตาเอาไว้ให้ดี

     เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยอมรับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความอันตรายในเรื่องความเร็วของนักเตะ โดยเฉพาะ แดเนียล เจมส์ ปีกทีมชาติเวลส์ ทำให้ “หงส์แดง” ไม่สามารถประมาทได้เลยในเกมแดงเดือด ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคมนี้

Football-267

    กุนซือชาวเยอรมัน เผยว่า “เขา (เจมส์) เป็นนักเตะที่ดีมาก อย่างไรก็ตาม ผมคาดว่า ทั้ง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจมส์ จะลงสนาม ความเร็วและคุณภาพของพวกเขาจะมีทั่วทั้งสนาม” 

Football-268

    พร้อมกันนี้ คล็อปป์ ยังเผยว่า อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิล, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกทีมชาติอียิปต์ และ โฌแอล มาติป ปราการหลังจอมแกร่ง กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว และทั้ง 3 คนมีโอกาสจะได้ลงเล่นในวันอาทิตย์นี้ 

    “อลีสซง, โฌแอล และ โม ดูดีขึ้น เราจะต้องรอดูกันต่อไป มันยังเหลือช่วงซ้อมอีก 2 เซสชั่น จากนั้นเราถึงค่อยตัดสินใจ มันยังไม่มีอะไรแน่นอน” นายใหญ่ “หงส์แดง” กล่าวในที่สุด

post

รอดไม่รอด? 5 เกมถัดไปของ แมนฯยูไนเต็ด ชี้ชะตาโซลชา

Football-260

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กำลังเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทั้งบรรดาสื่อ กูรู ตำนานนักเตะรวมถึงแฟนบอล หลังทำผลงานสุดย่ำแย่ในการออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด 5 นัดถัดไปของ โซลชา ต้องเจอกับเกมสุดยากเย็นทั้งหมด เก้าอี้ของเขาจะอยู่รอดหรือไม่อาจขึ้นอยู่กับ 5 นัดถัดไปนี้

     ครึ่งเดือนหลังของเดือนตุลาคมถือเป็นโปรแกรมหฤโหดของ โซลชา และแมนฯยูไนเต็ด เป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยอีก 5 นัดถัดไปพวกเขาจะต้องเจอบิ๊กแมตช์ถึง 2 นัดแถมจะต้องออกไปเยือนถึง 4 นัดด้วยกัน ปัญหาคือ โซลชา มีสถิติการเล่นเกมเยือนที่ย่ำแย่เหลือเกินนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว

สถิติเกมเยือนของ แมนฯยูไนเต็ด
10 มีนาคม – อาร์เซน่อล 2-0 แมนฯยูไนเต็ด
16 มีนาคม – วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 แมนฯยูไนเต็ด
2 เมษายน – วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 แมนฯยูไนเต็ด
16 เมษายน – บาร์เซโลน่า 3-0 แมนฯยูไนเต็ด
21 เมษายน – เอฟเวอร์ตัน 4-0 แมนฯยูไนเต็ด
5 พฤษภาคม – ฮัดเดอร์สฟิลด์ 1-1 แมนฯยูไนเต็ด
19 สิงหาคม – วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 แมนฯยูไนเต็ด
31 สิงหาคม – เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 แมนฯยูไนเต็ด
22 กันยายน – เวสต์แฮม 2-0 แมนฯยูไนเต็ด
3 ตุลาคม – อัลค์มาร์ 0-0 แมนฯยูไนเต็ด
6 ตุลาคม – นิวคาสเซิ่ล 1-0 แมนฯยูไนเต็ด

5 เกมถัดไปของ แมนฯยูไนเต็ด

20 ตุลาคม – แมนฯยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล

Football-261

    แน่นอนว่าเกมแดงเดือดวันอาทิตย์นี้ถือว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แม้ช่วงหลังฟอร์มจะต่างกันราวฟ้ากับเหวแต่ศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่ค้ำคอผีแดงไว้ เพราะฉะนั้นแฟนบอลคงไม่อยากให้คู่อริบุกมาฝังถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นแน่แท้ เชื่อว่าแฟนผีแเดงหลายคนมองว่าทีมเป็นรอง หงส์แดง ค่อนข้างเยอะแต่อย่างน้อยนัดนี้พวกเขาต้องโชว์ให้แฟนบอลเห็นว่ายังมีดีพอต่อกรกับจ่าฝูงได้อยู่ อย่างไรก็ตามหาก โซลชา พลาดท่าเพ่ายละเทะคาบ้านก็มีแววที่จะเก้าอี้กระเด็นอยู่เหมือนกัน

24 ตุลาคม – ปาร์ติซาน เบลเกรด vs แมนฯยูไนเต็ด (ยูโรปา ลีก)

Football-262

    แมนฯยูไนเต็ด จะต้องออกไปเยือนจ่าฝูงของกลุ่มแอลอย่าง ปาร์ติซาน ในศึกยูโรปา ลีก น่าสนใจว่า ผีแดง จะเน้นถ้วยนี้หรือไม่เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งสองนัดมักจะเอาตัวสำรองลงและไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ แต่มันก็ถือเป็นทางลัดที่จะพาพวกเขาไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะการลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์ในลีกเป็นเรื่องค่อนข้างยากพอสมควร อย่างน้อยนัดนี้ โซลชา ต้องไม่ทำผลงานน่าผิดหวังเหมือนนัดที่ไปเยือน อัลค์ม่าร์

27 ตุลาคม- นอริช ซิตี้ vs แมนฯยูไนเต็ด

Football-263

    ทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อน กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตพอสมควรเนื่องจากแพ้ 6 จาก 8 เกมแรก แถมยังเป็นทีมที่โดนยิงมากที่สุดในลีกตอนนี้ (21 ประตู) พวกเขาต้องการจุดเปลี่ยนเพื่อหนีโซนตกชั้นให้เร็วที่สุด เพราะฉะนั้นนัดเจอ ปีศาจแดง จึงเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง นอริช เคยโชว์ฟอร์มเหนือความคาดหมายด้วยการเอาชนะ แมนฯซิตี้ มาแล้ว ผีแดง คงต้องระวังตัวให้ดี ยิ่งเคยโดนทีมที่ฟอร์มย่ำแย่อย่าง นิวคาสเซิ่ล อัดมาแล้ว ก็ต้องหลีกเลี่ยงบทเรียนซ้ำสอง

30 ตุลาคม -เชลซี vs แมนฯยูไนเต็ด (คาราบาว คัพ)

Football-264

    ช่วงนี้อะไรก็ไม่ค่อยเป็นใจแม้กระทั่งการจับสลาก คาราบาว คัพ เมื่อ ผีแดง ต้องเจอของแข็งด้วยการบุกไปเยือน เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แน่นอนว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด เตรียมรอแก้แค้นสิ่งที่ แมนฯยูไนเต็ด ทำไว้ในนัดเปิดฤดูกาล ตอนนี้ เชลซี เครื่องกำลังติดและยิ่งถ้าพวกเขาเอาชนะ ผีแดง ได้ยิ่งเพิ่มความมั่นใจเข้าไปใหญ่ ถ้า โซลชา พาทีมแพ้ขึ้นมาเชื่อว่ากระแสกดดันลาออกจะเพิ่มขึ้นเป็นอีกเท่าตัวแน่นอน

2 พฤศจิกายน – บอร์นมัธ vs แมนฯยูไนเต็ด 

Football-265

    เปิดเดือนใหม่แต่ผีแดงยังต้องออกไปเยือนคู่แข่งเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันแต่คราวนี้เป็นทีม บอร์นมัธ ซึ่งลูกทีมของ โซลชา มักจะมีสถิติที่ดีในการเจอกัน (7 นัดหลังสุดชนะ 6 นัด เสมอ 1) อย่างไรก็ตามหากดูอันดับตารางคะแนนตอนนี้ บอร์นมัธ อยู่เหนือกว่า แมนฯยูไนเต็ด 2 แต้ม และเกมในบ้านฤดูกาลนี้ก็เพิ่งจะแพ้ แมนฯซิตี้ ทีมเดียวเท่านั้น ยังคงเป็นทีมที่ โซลชา ห้ามประมาทโดยเด็ดขาด

post

ดีขึ้นเท่าไหร่?เผยอันดับโลกทีมชาติไทยก่อนประกาศทางการ

Football-259

ฟุตตี้ แรงกิ้งส์ สื่อด้านการคำนวณอันดับโลก เปิดเผยว่าการชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในนัดล่าสุด จะช่วยทำให้ทีมชาติไทยมีอันดับขึ้นไปเป็น 109 ของโลก จากเดิม 115 ของโลก ส่วน เวียดนาม จะยังอยู่ที่ 97 ของโลกเหมือนเดิม

    ทีมชาติไทยจะมีอันดับโลกขึ้นไปเป็นที่ 109 ของโลก ในการจัดอันดับโลกอย่างเป็นทางการครั้งต่อไป หลังจากล่าสุดเอาชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2-1 ในเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม จี เมื่อวันอังคารที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตามการเปิดเผยของ ฟุตตี้ แรงกิ้งส์ สื่อด้านการคำนวณอันดับโลก

    แต้มในการจัดอันดับโลกของ ฟีฟ่า จะคิดด้วยสูตรที่เอาค่าสัมประสิทธิ์ด้านความสำคัญของเกม (อย่างเช่น เกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกจะมีค่าสัมประสิทธิ์ที่ 25, เกมอุ่นเครื่องตามปฏิทินของฟีฟ่าจะมีค่าสัมประสิทธิ์ที่ 10 เป็นต้น) ไปคูณกับตัวเลขที่เกิดจากการเอาคะแนนของผลการแข่งขัน (ถ้าชนะจะได้ 3, ถ้าเสมอจะได้ 1 ส่วนถ้าแพ้จะได้ 0) ไปลบกับผลการแข่งขันที่น่าจะเป็นในตอนแรก (ตัวเลขนี้คิดจากปัจจัยหลายอย่าง อาทิเช่น ความแตกต่างระหว่าง 2 ทีม เป็นต้น) แล้วจากนั้นก็เอาไปบวกกับแต้มในช่วงก่อนลงเล่นอีกที

*ฟอร์แมตสูตรคำนวณคะแนน* คะแนนก่อนหน้าลงเล่น + ค่าสัมประสัมสิทธิ์ด้านความสำคัญของเกม x (ผลการแข่งขัน – ผลการแข่งขันที่คาดในตอนแรก) = คะแนนปัจจุบัน

    ทั้งนี้ ก่อนลงเล่นนัดล่าสุด ไทย อยู่ที่ 115 ของโลก จากการมี 1175.79 คะแนน (ไม่ได้อ้างอิงตามอันดับโลกปัจจุบันบนเว็บไซต์ของ ฟีฟ่า เนื่องจากอันดับบนเว็บไซต์ยังไม่ได้นับรวมเกมก่อนหน้านี้ที่ ไทย เสมอกับ คองโก 1-1 ในเกมอุ่นเครื่อง) ซึ่งการเอาชนะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่อยู่ในอันดับ 63 ของโลกได้ ก็จะทำให้ ไทย มีคะแนนเพิ่มขึ้น 16.95 คะแนน จนเป็น 1,192.74 คะแนน และมีอันดับดีขึ้น 6 อันดับ ขณะที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะตกไปเป็นอันดับ 67 ของโลก

    ขณะที่ เวียดนาม อีก 1 ชาติจากย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีคะแนนเพิ่ม 6.81 คะแนน จนทำให้เป็น 1,245 คะแนน และจะยังอยู่ที่ 97 ของโลกตามเดิม หลังจากนัดล่าสุดพวกเขาชนะ อินโดนีเซีย 3-1 ในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก กลุ่มเดียวกับ ไทย ส่วน อินโดนีเซีย จะตกลง 1 อันดับจนไปเป็นที่ 171 ของโลก

    ด้าน ฟิลิปปินส์ ที่ในเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เสมอกับ สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้นั้น จะมีอันดับดีขึ้น 1 อันดับ จนเป็นที่ 126 ของโลก ส่วน จีน จะหล่นไป 2 อันดับ และกลายเป็นที่ 70 ของโลก

    สำหรับการประกาศอันดับโลกอย่างเป็นทางการของ ฟีฟ่า ครั้งต่อไปนั้น จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคมนี้

https://twitter.com/FootyRankings/status/1184107017738211329
post

“ธีรศิลป์-เอกนิษฐ์”คนละเม็ด!ตัดเกรดไทยเปิดบ้านเฉือนยูเออี 2-1

Football-258

หลังจากที่ผลการแข่งขันในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ของกลุ่ม จี เมื่อวันอังคารที่ 15 ต.ค.62 ผลปรากฏว่า ทีมชาติไทยของกุนซือ “อากิระ นิชิโนะ” ผงาดขึ้นรั้งจ่าฝูงกลุ่ม จี ได้สำเร็จหลังจากเปิดบ้านเฉือนเอาชนะ ยูเออี 2-1 จากผลงานของ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา และ “บุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา ชนิดที่แฟนๆบอลชาวไทยต่างประทับใจผลงานที่เล่นดีกว่าผู้มาเยือนชัดเจน

    โดยผลสอบของนักเตะทีมชาติไทยแต่ละคนที่ได้ลงเล่น มีดังนี้

    ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน “ไม่ค่อยมีจังหวะลูกเซฟอันตรายเท่าไหร่ มีเพียงแค่จังหวะที่เสียประตูเพียงครั้งเดียว แต่จังหวะนั้นก็หมดสิทธิ์เซฟจริงๆ ภาพรวมยังถือว่าทำหน้าที่ได้มาตรฐานเช่นเดิมสำหรับผู้รักษาประตูวัย 35 ปีรายนี้” 

    คะแนน : 6

    ธนบูรณ์ เกษารัตน์  “ยังมีจังหวะที่ถูกผู้เล่นยูเออี หนีประกบหลุดกับดักล้ำหน้าให้เห็นอยู่บ้าง แต่ยังดีที่ผู้เล่นยูเออีทำบอลลั่นออกไปเอง เช่นเดียวกับลูกที่เสียประตูที่ยืนประกบห่าง อาลี มับคูต จนถูกยืนโหม่งโล่งๆเข้าไปอย่างง่ายดาย”

    คะแนน : 6
 
    มานูเอล ทอม เบียรห์ “ยังมีจังหวะที่ช้าอยู่พอสมควร โดยในจังหวะที่เสียประตูเขายืนอยู่เสาแรกแต่กลับปล่อยให้บอลลอยข้ามไปเฉยๆ ส่วนในจังหวะที่มีโอกาสโหม่งโล่งๆช่วงครึ่งแรก ดันโหม่งหวิดไปโดน ไม่งั้นอาจมีลูกสองหนีห่างยูเออีก็เป็นได้”

    คะแนน : 5.5
 
    นิติพงษ์ เสลานนท์ “ถือว่าโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียวสำหรับแบ็คขวาจาก การท่าเรือ เอฟซี อีกทั้งยังทำแอสซิสต์ได้ 1 ลูกในจังหวะที่จ่ายข้ามกองหลังยูเออีให้กับ เอกนิษฐ์ ปัญญา ยิงโล่งๆ เรียกได้ว่าเป็นวันแจ้งเกิดของของแบ็คขวาสิงห์เจ้าท่าไปโดยปริยาย

    คะแนน : 7
 
    ธีราทร บุญมาทัน  “ยังคงโชว์ผลงานสมกับเป็นนักเตะเจลีก รักษาฟอร์มมาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม แถมมีลูกโยกหลอกนักเตะยูเออีในช่วงท้ายครึ่งหลัง จนเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอลที่เข้าไปเชียร์ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต กันเลยทีเดียว”

    คะแนน : 6.5

    สารัช อยู่เย็น “สามารถคุมเกมแดนกลางได้เป็นอย่างดี คอยปัดกวาดคู่ต่อสู้ได้แทบจะอยู่หมัด แถมยังมีโอกาสทำประตูได้อีกด้วยจากจังหวะซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งในช่วงครึ่งแรก อย่างไรก็ดียังคงต้องเช็คอาการบาดเจ็บของเจ้าตัวหลังถูกหามเปลออกไปปฐมพยาบาลข้างสนามจนเล่นต่อไม่ไหว

    คะแนน : 6.5
 
    พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล “คอยซัพพอร์ตกับ สารัช อยู่เย็น ได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของเกมบุก และเกมรับ ที่ยังคงโชว์ผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่ายังคงสร้างมาตรฐานฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียวสำหรับมิดฟิลด์ตัวรับจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 

    คะแนน : 6.5
 
    ศศลักษณ์ ไหประโคน  “เป็นวันที่ฟอร์มไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเท่าไหร่ หลังได้รับโอกาสลงสนามในเกมนี้ บางจังหวะในการกระชากลากเลื้อยยังดูติดๆขัดๆ ทำให้ลงเล่นในแมตช์นี้ได้เพียง 60 นาทีเท่านั้น

    คะแนน : 5
    
    สุภโชค สารชาติ “ฟอร์มการเล่นอาจไม่ค่อยไฉไลเหมือนกับ 2 เกมที่ผ่านมาเท่าไหร่นัก แต่ยังมีโอกาสพาบอลปั่นป่วนผู้เล่นยูเออีได้อยู่เหมือนกัน แต่ผลงานโดยรวมตลอด 90 นาทียังถือว่าไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากนัก

    คะแนน : 6
    
    เอกนิษฐ์ ปัญญา “เรียกได้ว่าเป็นแมตช์แจ้งเกิดของเจ้าบุ๊คก็ว่าได้ หลังเป็นคนที่จ่าย 1 ลูกให้กับ “เทพมุ้ย” โขกขึ้นนำ ก่อนจะเป็นคนยิงประตูชัยให้ไทยเอาชนะยูเออีได้สำเร็จ แน่นอนลูกยิงสำคัญลูกนี้ คงเป็นประตูเตรียมฉลองวันเกิดครบรอบ 19 ปีบริบูรณ์ของเจ้าตัว ที่จะเกิดในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ไปเลยทีเดียว

    คะแนน : 7.5
 
    ธีรศิลป์ แดงดา “การกลับมาของเจ้ามุ้ยทำให้รู้ว่า เขายังเป็นกองหน้าที่ทีมชาติไทยต้องมีจริงๆ แถมโหม่งประตูขึ้นนำยูเออีไปก่อนตั้งแต่ช่วงต้นขึ้นแรก ซึ่งเป็นการทาบสถิติยิงประตูเท่ากับ  “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ไปเป็นที่เรียบร้อย นอกนั้นผลงานโดยรวมถือว่าน่าประทับใจจริงๆ

    คะแนน : 7

    ผู้เล่นสำรอง

    ศิวกรณ์ เตียตระกูล “ลงมาเล่นแทน ศศลักษณ์ ไหประโคน ในนาทีที่ 60 อาจสร้างสรรค์บทบาทได้ไม่มาก แต่ก็มีลูกตั้งเตะที่ทำให้มีลุ้นได้เหมือนกัน

    คะแนน : 5.5
 
    นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม “ลงมาเล่นแทน สารัช อยู่เย็น ในนาทีที่ 86 ซึ่งเป็นช่วงท้ายเกมแล้ว จึงไม่สามารถให้คะแนนได้”

    ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา “ลงมาเล่นแทน นิติพงษ์ เสลานนท์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจึงไม่สามารถให้คะแนนได้”

post

สู้ตายแม้สถิติเป็นรอง! มุ้ย-อุ้มนำไทยบู๊ยูเออี จับตามับคูตตัวอันตราย

Football-257

ทีมชาติไทย เตรียมจัดเต็มรับ ยูเออี โดย อากิระ นิชิโนะ เผยมีขุมกำลังฟูลทีมให้เลือกใช้งาน ซึ่งคาดว่า 2 แข้งประสบการณ์สูงอย่าง “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา และ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน จะนำทัพลุยกับผู้มาเยือนที่มี อาลี มับคูต เป็นตัวอันตราย ขณะที่สถิติถือว่าอาคันตุกะจากตะวันออกกลางเหนือกว่าหลายช่วงตัว ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ยิงสด ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม จี ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต วันที่ 15 ต.ค.นี้

    ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ที่เตรียมสู้ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม จี นัด 3 ด้วยการเปิดสนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต รับการมาเยือนของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ถ่ายทอดสดผ่านทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป

    อากิระ นิชิโนะ กุนซือทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเตะ 24 ชั่วโมงว่า นักเตะที่มีปัญหาความฟิตก่อนหน้านี้ สามารถกลับมาซ้อมได้เต็มรูปแบบแล้ว ซึ่งรวมไปถึง ธีราทร ที่เจ็บจนชวดเกมอุ่นเครื่องที่เสมอ คองโก 1-1 ก่อนหน้านี้ ขณะที่ พรรษา เหมวิบูลย์ ปราการหลังตัวหลักถ้าไม่เต็มร้อย ก็อาจมีการขยับให้ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ลงไปเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ เหมือนในเกมกระชับมิตร

    ในรายของ สุภโชค สารชาติ น่าจะได้กลับมาประจำการทางริมเส้นฝั่งซ้ายตามเดิม ด้านขวามีโอกาสสูงที่จะใช้ เอกนิษฏ์ ปัญญา ซึ่งทั้งสองคนสามารถวิ่งสลับกันได้ ขณะที่ ธีรศิลป์ ที่พังตาข่ายได้ในนัดก่อนพร้อมลุยต่อ ส่วนแดนกลางอัด พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล กับ สารัช อยู่เย็น ปักหลักคอยฟัด ด้าน นิติพงษ์ เสลานนท์ มีลุ้นยึดตำแหน่งแบ๊กขวาต่อไป แต่ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ยังต้องแย่งมือหนึ่งกับ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน 

    ด้าน เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือดัตช์ที่ประกาศกร้าวจะพายูเออีมาเก็บ 3 แต้ม อาจให้ โอมาร์ อับดุลระห์มาน ที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อยนั่งสำรองไปก่อน แต่ว่า อาลี มับคูต เจ้าของดาวซัลโวคนใหม่ที่จำนวน 54 ประตู ในนามทีมชาติแซงอดีตหัวหอกรุ่นพี่อย่าง อัตนาน อัล ทัลยานี่ ถึง 2 ลูก จากการลงสนาม 54 เกม พร้อมปักหลักในแดนหน้าเช่นเดิม

    สำหรับผลงานที่เคยพบกันมาของทั้งสองทีม ปรากฏว่า พบกันมาแล้ว 13 ครั้ง ไทย ชนะแค่ 2 เสมอ 4 และแพ้ 7 ยิงได้ 13 เสีย 19 ประตู

post

ไม่ใช่งานยาก “อินทรีเหล็ก” 10 คนบุกสอยเอสโตเนียคาบ้าน 3-0

Football-256

ทัพนักเตะ “อินทรีเหล็ก” แม้จะเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนตั้งแต่ต้นเกม แต่ก็ยังมีดีพอที่จะบุกไปเช็กบิลเอสโตเนียได้ถึงถิ่น 3-0 ในศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก

วันที่ 14 ต.ค.62 การแข่งขันศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบคัดเลือก โดยคู่ที่น่าสนใจในกลุ่มซี เอสโตเนีย ทีมบ๊วยของกลุ่มซึ่งยังไม่ชนะใคร เปิดบ้านที่สนาม เลอ ค็อก อารีนา รับการมาเยือนของ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี

เปิดฉากครึ่งแรกไปได้แค่ 14 นาที ทีมเยือนต้องเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คน เมื่อ เอ็มเร ชาน ไปทำฟาวล์ แฟรงค์ ลีวัค หน้ากรอบเขตโทษ ทำให้โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม

จนต้องรอครึ่งหลังนาทีที่ 51 เยอรมนีถึงเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะการตะบันด้วยขวาเต็มข้อของ อิลคาย กุนโดกัน บอลพุ่งตุงตาข่าย

จากนั้นในนาทีที่ 57 อินทรีเหล็กขยับหนีห่างออกไปเป็น 2-0 มาร์โก รอยส์ ตอกส้นกลับหลังให้ อิลคาย กุนโดกัน ยิงบอลไปแฉลบขาผู้เล่นเอสโตเนียเปลี่ยนทางเข้าประตูไป

และนาทีที่ 71 ทีมเยือนก็มาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะเป็น 3-0 จากการหลุดเข้าไปยิงเล่นทางของ ติโม แวร์เนอร์

ทำให้จบเกม เยอรมนีที่เหลือ 10 คน บุกมาเอาชนะเอสโตเนียได้ถึงถิ่น 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 15 คะแนน จาก 6 นัด รั้งรองจ่าฝูงของกลุ่ม ขณะที่เอสโตเนียแพ้เป็นเกมที่ 6 มีอยู่แต้มเดียว ยังอมบ๊วยแก้มตุ่ยอยู่ท้ายตารางต่อไป.

ผลการแข่งขันในคู่อื่น

คาซัคสถาน แพ้ เบลเยียม 0-2

เบลารุส แพ้ เนเธอร์แลนด์ 1-2

ฮังการี ชนะ อาเซอร์ไบจาน 1-0

สกอตแลนด์ ชนะ ซาน มารีโน 6-0

ไซปรัส แพ้ รัสเซีย 0-5

เวลส์ เสมอ โครเอเชีย 1-1

สโลวีเนีย แพ้ ออสเตรีย 0-1

โปแลนด์ ชนะ มาซิโดเนีย 2-0.

post

อย่างนี้นี่เอง!ฟาวเลอร์เผยสาเหตุที่คล็อปป์เลือกคุมลิเวอร์พูล

Football-254

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ระบุ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มากุมบังเหียน ลิเวอร์พูล เป็นเพราะทีมให้ความสำคัญในเรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลมากเท่ากับเรื่องการเงิน พร้อมเผย ทักษะการจัดการกับคนคือสิ่งที่ คล็อปป์ เหนือกว่ากุนซือหลายคน

    ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ตำนานกองหน้าของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ บอกว่าสาเหตุที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจมาเป็นผู้จัดการทีมของ “หงส์แดง” นั้น เป็นเพราะ ลิเวอร์พูล ให้ความสำคัญกับเรื่องประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์ของสโมสรมากพอๆ กับเรื่องธุรกิจ ต่างกับหลายทีมที่สนใจแต่เรื่องเงินมากกว่าความเป็นสโมสรฟุตบอล

    คล็อปป์ ได้รับความสนใจจากหลายทีมทั่วทวีปยุโรปตั้งแต่ตอนที่อยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แล้ว จากการที่เขาสร้างทีมขึ้นมาสู้กับ บาเยิร์น มิวนิค ได้อย่างสูสี และพอเจ้าตัวแยกทางกับ “เสือเหลือง” หลังจบฤดูกาล 2014-15 เขาก็มีข่าวกับหลายต่อหลายทีม ก่อนจะเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้เขามากุมบังเหียนต่อจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส หลังเริ่มซีซั่น 2015-16 ไปได้ไม่นาน

Football-255

    ฟาวเลอร์ กล่าวผ่านคอลัมน์ของตัวเองใน เดอะ มิร์เรอร์ สื่อชั้นนำของเมืองผู้ดีว่า “เมื่อราว 2 ปีก่อนผมได้โอกาสสัมภาษณ์เขา และเขาก็บอกผมว่าเขาปฏิเสธข้อเสนอจากทีมที่รวยมากๆ ไปถึง 2 ครั้งหลังจากที่แยกทางกับ ดอร์ทมุนด์ ไปแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าหนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แน่ๆ ส่วนอีกทีมอาจจะเป็น เรอัล มาดริด ก็ได้มั้ง สาเหตุที่เขาปฏิเสธข้อเสนอเหล่านั้นไปน่ะเป็นยเพราะเขาเกลียดที่ทั้ง 2 ทีมนั้นหมกมุ่นอยู่กับอิทธิพลด้านธุรกิจนอกสนามเป็นหลัก”

    “เขาบอกว่าเขาชอบ ลิเวอร์พูล เพราะพวกเขาให้ความสำคัญระหว่างเรื่องจำนวนเงินที่ต้องใช้เพื่อที่จะขึ้นไปเป็นยอดทีม กับเรื่องประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์ของสโมสร รวมถึงเอกลักษณ์ของแฟนบอลในระดับที่เท่าๆ กัน เขายังบอกด้วยว่าเขาเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถทำให้ แอนฟิลด์ กลับไปเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งได้ ต่อให้จะไม่ต้องมีนักเตะระดับโลกอยู่ในทีมมากมายก่ายกองก็ตาม เขาเชื่อมั่นว่าเขาสามารถทำให้ทีมกลับไปครองความยิ่งใหญ่ในแนวทางที่ต่างออกไปได้ (หมายถึงเชื่อว่าต่อให้ไม่มีแข้งซูเปอร์สตาร์เต็มทีม แต่ก็ยังสามารถทำให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นยอดทีมได้) แน่นอนว่าเขายังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่เขาก็ทำให้แฟนบอล ลิเวอร์พูล กลับมามีความเชื่อมั่น และกลับไปมีความภาคภูมิใจในตัวสโมสรด้วย ผมมองเห็นถึงเรื่องนั้นได้อย่างชัดเจน”

    อดีตดาวยิงคนดังเสริมว่าจุดที่ คล็อปป์ เหนือกว่ากุนซือหลายต่อหลายคน คือการที่เจ้าตัวมีทักษะการจัดการกับคนที่ยอดเยี่ยม “เขากำหนดแท็กติกทุกอย่าง รวมถึงเชี่ยวชาญทั้งเรื่องแผนการเล่น, วิทยาศาสตร์ และการวิเคราะห์ แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นกว่าคนอื่นก็คือทักษะการจัดการกับคน ผมน่ะแวะไปที่สโมสรบ่อยๆ และผมก็เห็นเลยว่าทุกคนต่างก็รัก คล็อปป์ กันทั้งนั้น พวกเขา (นักเตะ ลิเวอร์พูล) เห็นถึงอารมณ์ร่วม, ความเชื่อมั่น รวมถึงความทุ่มเทของเขา ซึ่งพวกเขาก็อยากมีสิ่งแบบนั้นบ้าง และบรรดาแฟนบอลเองก็เห็นถึงเรื่องนั้น”

    “ผมอยากเชื่อว่าผมเองก็มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับแฟนบอลเหมือนกันในตอนที่ผมยังเล่นอยู่ที่นั่น ผมอยากเชื่อว่าพวกเขาเข้าใจว่ามันมีความหมายกับผมมากแค่ไหนที่ได้เล่นให้ทีมบ้านเกิดของผม และได้สวมเสื้อตัวนั้น ซึ่งความสัมพันธ์แบบนั้นมันมีความหมายมากๆ”

    “เกมสุดท้ายของผมกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งก็คือเกมเจอกับ ชาร์ลตัน ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2007 โดยที่ผมได้เป็นกัปตันทีมด้วยน่ะ คือหนแรกและหนเดียวจนถึงตอนนี้ที่ผมร้องไห้ในสนาม การต้องบอกลาความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับแฟนบอลมันถือว่าน่าเสียใจมากๆ ซึ่ง คล็อปป์ ก็มีสิ่งนั้นเหมือนกัน และมันก็ทำให้คนที่ผมรู้จัก และตัวผมเองเชื่อว่านี่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ ลิเวอร์พูล เท่านั้น”

post

ไม่ใช่สเปอร์ส!บ่อนเปิดราคาทีมใหม่มูรินโญ่

Football-253

ร้านพูลเมืองผู้ดี ออกอัตราต่อรองทีมใหม่ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ยอดกุนซือโปรตุกีส หลังประธาน ลียง ยันเจ้าตัวเลือกแล้วที่จะไปคุมที่ไหน

     แล็ดโบร๊กส์ บริษัทรับพนันที่ถูกกฎหมายของประเทศอังกฤษ เปิดราคาให้ บาเยิร์น มิวนิค และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เป็นเต็ง 1 คู่กันที่จะได้ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือว่างงานคนดัง ไปกุมบังเหียน โดยมีอัตราต่อรองอยู่ที่ 4/1 (แทง 1 จ่าย 4 ไม่รวมทุน)

    ก่อนหน้านี้ ฌอง-มิเชล โอลาส ประธานสโมสร โอลิมปิก ลียง ได้เผยว่า เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีส ปฏิเสธคุมทัพ “โอแอล” เพราะตัดสินใจเลือกเรียบร้อยแล้วว่าสโมสรไหนที่เจ้าตัวจะเข้าไปทำหน้าที่กุมบังเหียน หลังว่างงานนับตั้งแต่ที่โดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ออกเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา

    มูรินโญ่ วัย 56 ปี ตกเป็นข่าวอย่างหนักว่า มีโอกาสมารับงานต่อจาก เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อย่างไรก็ตาม แล็ดโบร๊กส์ มองว่า สถานีปลายทางต่อไปของ เดอะ สเปเชียล วัน น่าจะอยู่ที่ลีกเยอรมัน หรือฝรั่งเศส มากกว่า

อัตราต่อรองทีมใหม่ของ มูรินโญ่

1. บาเยิร์น, เปแอสเช         4/1 (แทง 1 จ่าย 4 ไม่รวมทุน)
3. สเปอร์ส             5/1
4. เอฟเวอร์ตัน, อินเตอร์ มิลาน    8/1
6. เรอัล มาดริด         9/1
7. ปอร์โต้             10/1
8. ทีมชาติโปรตุเกส         11/1
9. เอซี มิลาน         14/1
10. สโมสรในจีน         16/1

post

ใคร?อาร์โนลด์เผยมีตำนานลิเวอร์พูลเป็นแบบอย่าง

Football-252

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยอดแบ็กขวาของ ลิเวอร์พูล ระบุ นักเตะที่ตนใช้เป็นแบบอย่างก็คือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด พร้อมเปิดใจ เป็นหนี้บุญคุณ เจอร์เก้น คล็อปป์ อย่างมาก ที่ให้โอกาสตนได้พิสูจน์ตัวเองจนได้ดีมาถึงทุกวันนี้

    เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาคนเก่งของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกองกลาง “หงส์แดง” คือนักเตะที่เป็นแบบอย่างในการเล่นและการพัฒนาของตน

    ดาวเตะวัย 21 ปี ถือเป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของ ลิเวอร์พูล โดยเขาได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ “หงส์แดง” เป็นครั้งแรกในปี 2016 และก็กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมในตอนนี้ จนถึงขนาดได้รับการยกย่องจากบางฝ่ายว่าเป็นหนึ่งในแบ็กขวาที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน

    หลังจากโดนถามว่าเขาเอาใครเป็นแบบอย่างนั้น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็ตอบว่า “เจอร์ราร์ด ผมชื่นชอบทุกอย่างเกี่ยวกับเกมการเล่นของเขา ผมศึกษาการเล่นของเขาอยู่เสมอ และอยากเป็นแบบเขาให้ได้มาโดยตลอด ผมไม่เคยคิดว่า -ฉันอยากเปิดบอลให้ได้แบบนั้นจัง- หรอกนะ มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ มันอาจจะเป็นคุณสมบัติที่ดีที่สุดของผมเวลาบุกขึ้นหน้าก็ได้ ดังนั้นผมเลยพยายามที่จะใช้มันให้เต็มที่”

    “ผมจำได้ว่า เจอร์ราร์ด เป็นคนยิงลูกฟรีคิกให้ ลิเวอร์พูล อยู่เสมอ เขารับหน้าที่ในจังหวะแบบนั้นอยู่ตลอด ผมรู้สึกว่าถ้าใครมีความมั่นใจในการยิงลูกฟรีคิกหรือลูกเซตพีซ พวกเขาก็ควรจะทำหน้าที่นั้นไปเลย และผมก็มีความมั่นใจในการรับหน้าที่วางบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ”

    “ผมไม่เรื่องมากหรอกว่าต้องเล่นในตำแหน่งไหน ผมก็แค่อยากเล่นฟุตบอลเท่านั้น ถ้าเกิดผู้จัดการทีมตัดสินใจว่าเขาอยากให้ผมเป็นมิดฟิลด์, เซนเตอร์แบ็ก หรือกองหน้า ผมก็ยินดีที่จะเล่นในตำแหน่งเหล่านั้น อย่างเดียวที่จะทำให้ผมผิดหวังตอนที่เดินออกจากสนามก็คือการที่เราไม่ชนะ”

    “มันไม่สำคัญหรอกว่าผมจะทำแอสซิสต์ได้รึเปล่า สิ่งที่สำคัญที่สุด และเป้าหมายหลักของผมก็คือการช่วยให้ทีมชนะ ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม มันไม่สำคัญหรอกว่าผมจะได้แอสซิสต์, เก็บคลีนชีท, หรือทำประตูได้ ชัยชนะคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของผมคือเรื่องเกมรับ และผมก็อยากช่วยทีมรวมถึงสร้างโอกาสทำประตูให้ได้ แน่นอนว่าตำแหน่งของผมต่างออกไป (เมื่อเทียบกับ เจอร์ราร์ด) และผมก็เป็นนักเตะคนละแบบกับเขาด้วย”

    อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เสริมว่าตนเป็นหนี้บุญคุณ เจอร์เก้น คล็อปป์ สุดๆ ที่ให้โอกาสตนได้ลงเล่นบ่อยๆ ก่อนที่จะพัฒนาฝีเท้าได้เป็นอย่างดี “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขาทุกอย่าง ถ้าไม่มีเขาแล้วล่ะก็ มันก็ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เขาเป็นคนที่ให้โอกาสผมมากที่สุด ผมได้โอกาสจากเขาเยอะสุดๆ จนถึงขนาดที่มากเกินกว่าที่ผมจะร้องขอได้ เขาให้ความเชื่อมั่นและความศรัทธาในตัวผมอย่างมาก ซึ่งผมก็พยายามที่จะตอบแทนเขาในทุกครั้งที่เขาให้ความเชื่อมั่นในตัวผม”