post

แรชฟอร์ดฮีโร่เบิ้ล! แมนยูย้ำแค้นเบียดเชลซีลิ่วรอบ8ทีม คาราบาวคัพ

Football-279

มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวยิง “ปีศาจแดง” สวมบทฮีโร่เหมาคนเดียว 2 ประตูพาทีมบุกเชือด เชลซี 2-1 หยุดความร้อนแรงของทัพ “สิงห์บลูส์” เฮ 3 เกมรวดในทุกรายการ ลอยลำเข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้ายสำเร็จ ในศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ (รอบ 16 ทีมสุดท้าย) คืนวันพุธที่ผ่านมา

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือเชลซี พาทีมเข้ารอบนี้ หลังชนะกริมสบี้ 7-1 ก่อนชนะเบิร์นลี่ย์ 4-2 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการคว้าชัย 7 นัดติด

    ทางด้าน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด พาทีมเข้ารอบนี้ หลังชนะจุดโทษรอชเดล ก่อนชนะนอริช ซิตี้ 3-1 ในเกมล่าสุด เป็นชัยชนะ 2 นัดติด

    ครึ่งแรกผ่านมา 10 นาทีรูปเกมยังค่อนข้างอึดอัดเล่นแบบรัดกุมด้วยกันทั้งคู่แต่เป็น “สิงห์บลูส์” ที่ครองบอลดีกว่านิดหน่อย ส่วนทาง “ปีศาจแดง” มาเสียใบเหลืองเร็วจากจังหวะ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เสียบอันตรายใส่ มาเตโอ โควาซิช

    นาทีที่ 13 “ปีศาจแดง” เกือบได้ประตูขึ้นนำจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาของ แดเนี่ยล เจมส์ เล่นลูกสูตรจ่ายสั้นเข้ากรอบเขตโทษ และเป็น สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ วิ่งเข้ามาซัดด้วยขวาเฉียดเสาไปนิดเดียว

    แต่แล้วนาทีที่ 24 “ปีศาจแดง” มาได้ลูกจุดโทษอีกแล้วจากจังหวะ มาร์กอส อลอนโซ่ ไปเบียด แดเนี่ยล เจมส์ ร่วงลงไปกองกับพื้น ก่อนเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด รับหน้าที่สังหารคราวนี้ไม่พลาด เชลซี 0 แมนฯ ยูไนเต็ด 1

    ก่อนหมดครึ่งแรกนาทีที่ 35 เป็นเกมที่แฟนบอลทั้งสองทีมค่อนข้างอึดอัดโอกาสยิงประตูมีน้อยเน้นไปที่การสู้กันในแดนกลางมากกว่า โดยเฉพาะ เจ้าถิ่นยังซัดไม่ตรงกรอบซักครั้ง

    นาทีต่อมาเป็น เจสซี่ ลินการ์ด รับบอลจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด หน้ากรอบเขตโทษก่อนลองปั่นโค้งด้วยขวาแต่บอลเบาไปเข้ามือ วิลลี่ กาบาเยโร่ รับไว้ไม่ยาก

    หมดครึ่งเวลาแรก เชลซี 0 แมนฯ ยูไนเต็ด 1

    ครึ่งหลังนาทีที่ 50 “สิงห์บลูส์” พลาดโอกาสทิงตีเสมอจากจังหวะขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งซ้าย มาร์กอส อลอนโซ่ ก่อนปาดเข้ากลางให้ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ยิงผิดเหลี่ยมบอลไหลผ่านหน้าประตูออกหลังเหลือเชื่อ

    2 นาทีต่อมาเจ้าถิ่นโหมหนักเป็น แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ พยายามทิ้งตัวสกัดบอลแต่โชคร้ายมาเข้าทาง มาร์ค กูเอฮี ยืนหวดเต็มข้อหน้ากรอบเขตโทษแต่ยังดีมี เฟร็ด ตามมาบล็อคช่วย “ปีศาจแดง” เอาไว้ได้ทัน

    นาทีที่ 57 “สิงห์บลูส์” เริ่มดีกว่าชัดเจนเป็นจังหวะทิ้งบอลยาวของ คริสเตียน พูลิซิช ให้ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดตามน้ำบอลข้ามคานออกไปนิดเดียว

    โหมกระหน่ำอยู่นานสุดท้ายนาทีที่ 61 เจ้าถิ่นตามตีเสมอสำเร็จจากบอลยาวของ วิลลี่ กาบาเยโร่ หวดมาเข้าทาง มิชี่ บาตชูอายี่ โซโล่เดี่ยวจากครึ่งสนามเบียด แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก่อนยิงเลียดเสียบเสาสุดสวย เชลซี 1 แมนฯ ยูไนเต็ด 1

นาทีที่ 73 “ปีศาจแดง” ทะยานออกนำอีกครั้งจากลูฟฟรีคิกระยะร่วม 30 หลาของ มาร์คัส แรชฟอร์ด วิ่งมาสับเต็มข้อด้วยขวาบอลพุ่งส่ายเสียบใต้คานงามหยด เชลซี 1 แมนฯ ยูไนเต็ด 2

    ก่อนหมดเวลา 10 นาที เชลซี เกือบตีเสมออีกครั้งจากลูกยิงด้วยซ้ายในเขตโทษของ มาร์กอส อลอนโซ่ บอลไปติดเซฟ เซร์คิโอ โรเมโร่ หลุดออกหลังไป

    ช่วงท้ายเกม “ปีศาจแดง” เกือบบวกสกอร์เพิ่มจากลูกปั่นโค้งของ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล แต่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว

    จบเกม เชลซี 1 แมนฯ ยูไนเต็ด 2 เป็นลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ย้ำแค้นลอยลำผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายสำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามตัวจริง

    เชลซี (4-3-3) : วิลลี่ กาบาเยโร่ – รีซ เจมส์, คัวร์ท ซูม่า, มาร์ค กูเอฮี, มาร์กอส อลอนโซ่ – มาเตโอ โควาซิช, บิลลี่ กิลมัวร์ (เมสัน เมาท์ น.70), จอร์จินโญ่ – คริสเตียน พูลิซิช (เปโดร โรดริเกซ น.70), มิชี่ บาตชูอายี่ (แทมมี่ อับราฮัม น.78), คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย

    ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด  

    แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-1-2) : เซร์คิโอ โรเมโร่ – วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ (อ็องโตนี มาร์กซิยาล น.66), แฮร์รี่ แม็กไกวร์, มาร์กอส โรโฮ – อารอน วาน-บิสซาก้า, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์, เฟร็ด – เจสซี่ ลินการ์ด (อันเดรียส เปเรร่า น.67) – แดเนี่ยล เจมส์, มาร์คัส แรชฟอร์ด (แอชลี่ย์ ยัง น.80)

    ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

post

ทัพผสมทั้งคู่!เชลซีมี ‘ชิรูด์’ ล่า,แมนยูส่ง ‘แรชฟอร์ด’ หลอนศึกคาราบาวคัพ

Football-278

“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เตรียมส่ง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ลงตัวจริงล่าตาข่าย เกมพบ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะวาง มาร์คัส แรชฟอร์ด นำปิดสกอร์ โดยนัดนี้คาดว่าทั้งสองทีมจะจัดทัพผสม ในศึกฟุตบอล คาราบาวคัพ (รอบ 16 ทีมสุดท้าย) คืนวันพุธที่ 30 ต.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : Supersport 3, เวลา : 03.05 น.

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือเชลซี พาทีมเข้ารอบนี้ หลังชนะกริมสบี้ 7-1 ก่อนชนะเบิร์นลี่ย์ 4-2 ในเกมลีกล่าสุด เป็นการคว้าชัย 7 นัดติด

    ความพร้อมเกมนี้ ”แลมพ์ส” ยังไม่มีทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, รอสส์ บาร์คลี่ย์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค ที่บาดเจ็บทั้งหมด

    ส่วนการจัดทัพก็น่าจะเปิดโอกาสให้พวกสำรองและดาวรุ่งได้ลงสนามกันอย่างเต็มที่เหมือนในรอบก่อน เช่น วิลลี่ กาบาเยโร่, รีซ เจมส์, มาร์ค กูเอฮี, บิลลี่ กิลมัวร์, เปโดร โรดริเกซ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นต้น

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด พาทีมเข้ารอบนี้ หลังชนะจุดโทษรอชเดล ก่อนชนะนอริช ซิตี้ 3-1 ในเกมล่าสุด เป็นชัยชนะ 2 นัดติด

    ความพร้อมเกมนี้ โซลชายังไม่มีพวกที่เดี้ยงอยู่ก่อนทั้ง ปอล ป็อกบา, ลุค ชอว์, เนมานย่า มาติช และ อั๊กเซล ตวนเซเบ้

    ส่วนการจัดทัพก็น่าจะเปิดโอกาสให้พวกสำรองและดาวรุ่งได้ลงสนามกันอย่างเต็มที่เหมือนในรอบก่อน เช่นเซร์คิโอ โรเมโร่, ฟิล โจนส์, มาร์กอส โรโฮ, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์, เจมส์ การ์เนอร์, เจสซี่ ลินการ์ด, ฆวน มาต้า และ เมสัน กรีนวู้ด  


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง

    เชลซี (4-3-3) : วิลลี่ กาบาเยโร่ – รีซ เจมส์, คัวร์ท ซูม่า, มาร์ค กูเอฮี, มาร์กอส อลอนโซ่ – มาเตโอ โควาซิช, บิลลี่ กิลมัวร์, คริสเตียน พูลิซิช – เปโดร โรดริเกซ, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย
    ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด  

    แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : เซร์คิโอ โรเมโร่ – อารอน วาน-บิสซาก้า, ฟิล โจนส์, มาร์กอส โรโฮ, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ – เฟร็ด, เจมส์ การ์เนอร์ – เจสซี่ ลินการ์ด, ฆวน มาต้า, มาร์คัส แรชฟอร์ด – เมสัน กรีนวู้ด  
    ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

post

พูริซิชแฮตทริก! เชลซีเสียวท้ายเกมบุกเชือดเบิร์นลี่ย์ เฮ7นัดทุกรายการ

Football-275

คริสเตียน พูริซิช ปลดล็อคพังประตูในพรีเมียร์ลีกได้เสียที แถมนัดนี้รับบทเป็นพระเอกตะบันแฮตทริกพา เชลซี บุกไปคว้าชัยเหนือเบิร์นลี่ย์ แบบมีเสียวช่วงท้ายเกม 4-2

ทำสถิติคว้าชัย 7 นัดติดต่อกันทุกรายการ เก็บสามแต้มมี 20 คะแนนเท่ากับ เลสเตอร์ รั้งอันดับ 4 ตารางพรีเมียร์ลีกเหมือนเดิม ขณะที่ พูริซิช กลายเป็นแข้งชาวอเมริกันรายที่สองต่อจาก คลินท์ เดมพ์ซีย์ ที่ทำแฮตทริกได้ในเวทีพรีเมียร์ลีก

สนาม : เทิร์ฟ มัวร์

    ครึ่งแรก เริ่มมาได้แค่ 5 นาที ทีมเยือนได้โอกาสทักทายก่อนจาก วิลเลี่ยน ตั้งป้อมหวดด้วยซ้ายบอลเหินหลุดกรอบออกไป

    นาที 18 ดไวท์ แม็คนีล กระชากบอลขึ้นทางซ้ายก่อนหลุดถึงเส้นหลังครอสบอลไปแฉลบ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ก่อนไปเข้ามือ เกป้า นายด่านของสิงห์บลูส์

    นาที 21 กลายเป็นทีมเยือนที่บุกมาขึ้นนำก่อน 1-0 จากความผิดพลาดของ แม็ทธิว ลอว์ตัน แนวรับเจ้าถิ่นที่เสียการครองบอลโดน คริสเตียน พูริซิช ฉกบอลก่อนกระชากเข้าไปสับขาหนี เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ แล้วซัดด้วยซ้ายส่งบอลเลียดเสียบเสาสองอย่างเฉียบขาด

    เจ้าถิ่นไม่ท้อหวังตีเสมอให้ได้ นาที 25 เอริค ปีเตอร์ส ตะบันด้วยซ้ายข้างถนัดนอกกรอบบอลพุ่งแรงแต่ยังไปติดเซฟของ เกป้า 

    อีกสามนาทีต่อมา บอลวางยาวของ วิลเลี่ยน จากขวาขวางมาซ้ายในกรอบให้   คริสเตียน พูริซิช พักอกลงก่อนซัดด้วยขวาบอลพุ่งไปติดตัว นิค โป๊ป เซฟช่วยทีมไว้ได้

    นาทีที่ 30 เบิร์นลี่ย์ พลาดโอกาสตีเสมออย่างจัง บอลเซ็ตเพลย์จากขวาเปิดยาวไปเสาไกลให้ เบน มี ขึ้นโขกชงมาเสาแรก แอชลี่ย์ บาร์นส์ พุ่งมาโขกจ่อๆแต่โหม่งบอลหลุดเสาออกอย่างน่าเสียดาย

    นาทีสุดท้ายครึ่งแรก “สิงห์บลูส์” ทะยานออกนำ 2-0 และเป็นแนวรับเจ้าถิ่นที่ผิดพลาดอีก เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ออกไปสั้นไปโดน วิลเลี่ยน ตัดบอลได้มาเข้าเท้า คริสเตียน พูลิซิช เลี้ยงจี้จากกลางสนามเข้ามาก่อนกระชากหนี ทาร์คอฟสกี้ เข้าไปซัดด้วยขวาบอลไปแฉลบ เบน มี เสียบมุมแคบเสาแรกชนิดที่ นิค โป๊ป ยืนขาตายได้แต่มอง

    จบครึ่งแรก เบิร์นลี่ย์ ตามหลัง เชลซี 0-2

    ครึ่งหลัง เจ้าถิ่นอยู่ไม่ได้หลังตามหลังถึงสองเม็ด รุกหนักเต็มสูบ นาที 51 บอลขึ้นทางขวาถึง เจย์ โรดริเกซ ตะบันด้วยขวาเสาแรกแต่ยังไม่ผ่านมือ เกป้า ที่ปิดมุมรับเข้าซองไว้ได้

    ทว่า นาที 56 แฟนเบิร์นลี่ย์เงียบกริบทั้งสนามเมื่อลูกทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มาได้ประตูที่สามนำห่าง บอลจาก เมสัน เมาน์ท ครอสด้วยเท้าขวาไปเสาแรก คริสเตียน พูริซิช โฉบมาโหม่งเสยไปเสาไกล ให้เชลซีนำโด่ง 3-0 และเป็นแฮตทริกของพูริซิชในเกมนี้

    ไม่แค่นั้น อีก 2 นาทีถัดมา สกอร์มาไหลเป็น 4-0 จากจังหวะสวนกลับ แทมมี่ อบราฮัม ลากตะลุยขึ้นมาแล้วไหลออกขวาให้ วิลเลี่ยน เลี้ยงมาสับเรียดผ่านมือ โป๊ป เสียบเสาไกลเข้าไปเลย

    นาทีที่ 76 เชลซี มาได้จุดโทษ เมื่อ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ตัวสำรองล้มลงไป ทว่าจากการเช็กวีเออาร์ปรากฎว่าเป็นการพุ่งล้มของดาวเตะสิงห์บลูส์ ทำให้มีการเปลี่ยนคำตัดสิน และแจกใบเหลืองให้ ฮัดสัน-โอดอย แทน

    เจ้าบ้านมาได้ประตูปลอบใจ 1-4 ในนาทีที่ 86 เมื่อ ร็อบบี้ เบรดี้ ตัดบอลได้จาก พูลิซิช แถวกลางสนาม ก่อนไหลให้ เจย์ โรดริเกซ ลากมาตะบันด้วยขวาจากระยะกว่า 30 หลาเต็มแรง บอลพุ่งผ่านมือ เกปา เสียบใต้คานสุดสวย

    นาที 89 เบิร์นลี่ย์ ไม่ถอดใจไล่มาอีกลูก เมื่อ ดไวท์ แม็คนีล ยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษฝั่งขวา บอลไปแฉลบ โทโมรี่ เปลี่ยนทางทำให้ เกปา หลงขาตาย และลูกก็เข้าประตูไป แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น จบเกม เชลซี เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-2 คว้าชัย 7 นัดรวดในทุกรายการ

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เบิร์นลี่ย์ (4-4-2) : นิค โป๊ป – แม็ทธิว ลอว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, เอริค ปีเตอร์ส – ดไวท์ แม็คนีล, แจ็ค คอร์ก, แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด, เจฟฟ์ เฮนดริค (ร็อบบี้ เบรดี้ น.84)- แอชลี่ย์ บาร์นส์ (มาเตย์ วิดร้า น.63), เจย์ โรดริเกซ  

        ผู้จัดการทีม : ฌอน ไดช์

        เชลซี (4-3-3) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, คูร์ท ซูม่า, ฟิคาโย่ โทโมรี่, มาร์กอส อลอนโซ่ (รีซ เจมส์ น.63) – มาเตโอ โควาซิช, จอร์จินโญ่, เมสัน เมาน์ท – วิลเลี่ยน (คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย น.72), แทมมี่ อบราฮัม (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.70), คริสเตียน พูริซิช 

        ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด  

        ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์  

post

เขี้ยวลากดิน!อับราฮัมเผยกองหลังคนไหนแกร่งสุด?

Football-250

แทมมี่ อับราฮัม หัวหอกอนาคตไกลของ เชลซี ระบุ ในบรรดากองหลังที่คนเคยดวลด้วยนั้น เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ดาวเตะ ลิเวอร์พูล คือคนที่เก่งที่สุด ชี้ ฟาน ไดค์ ถึงขนาดเดาได้ว่าตนอยากไปอยู่ตรงไหนในกรอบเขตโทษ

    แทมมี่ อับราฮัม กองหน้าดาวรุ่งของ เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวชม เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลัง ลิเวอร์พูล ว่าเป็นปราการหลังที่เก่งมากๆ จนถึงขนาดที่เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ตนเคยดวลด้วย

    อับราฮัม ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับการจับตามองอย่างมากในตอนนี้ของแฟนบอลอังกฤษ หลังจากที่เขาออกสตาร์ตซีซั่น 2019-20 ได้อย่างร้อนแรงด้วยการทำไปแล้ว 8 ประตูจากการลงเล่นในลีก 8 นัด จนทำให้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ พรีเมียร์ลีก ในตอนนี้ ร่วมกับ เซร์คิโอ อเกวโร่ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในเกมลีกที่เขาทำประตูไม่ได้ในฤดูกาลนี้คือนัดที่ต้นสังกัดแพ้ ลิเวอร์พูล 1-2

    หลังจากโดนถามเกี่ยวกับ ฟาน ไดค์ แล้วนั้น อับราฮัม ก็เผยว่า 

“เขาถือเป็นสัตว์ร้ายชัดๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาก็ทำได้ดีไปหมด เขามีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ที่จริงตอนเจอกับเขานี่ผมก็พยายามลองเอาชนะเขานิดๆ น่ะนะ ผมพยายามที่จะใช้ลูกเล่นที่คิดเอาไว้เพื่อเล่นงานเขา แต่เขามีความเข้าใจในเกมการเล่นสูงมากๆ (จนทำให้ อับราฮัม เอาชนะไม่ได้)”

   "ลูกเล่นที่ว่าของผมก็เป็นเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเคลื่อนที่ มันคือการเคลื่อนที่ในกรอบเขตโทษ กองหลังบางคนน่ะไม่ค่อยสนใจผมเท่าไหร่ พวกเขาเอาแต่ให้ความสำคัญกับบอลเพียงอย่างเดียว แต่เขา (ฟาน ไดค์) ให้ความสำคัญกับสองอย่างพร้อมกันได้ เขาให้ความสำคัญกับทั้งผมและลูกบอล เขารู้ว่าผมจะไปอยู่ตรงไหน, เดาออกว่าผมอยากไปอยู่ตรงไหน และตามไปประกบผมได้ ซึ่งสำหรับกองหน้าแล้วน่ะนั่นถือเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดมากๆ ปล่อยให้ผมอยู่ตัวคนเดียวทีเถอะ!"
Football-251
post

“หงส์แดง” ยังไร้พ่าย!! บุกไปเฉือนชนะ “เชลซี” ถึงถิ่น 2-1 เก็บสถิติชนะ 6 นัดรวด ครองจ่าฝูงเหนียวแน่น

Football-213

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 ประจำวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย. “สิงโตน้ำเงิน” เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ แพ้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล 1-2

โดยเกมนี้ครึ่งแรก ลิเวอร์พูลออกนำ 0-1 จากฟรีคิกหน้าเขตโทษโดย โมฮาเหม้ด ซาลาห์ ทำลูกสูตรตอกส้นให้ เทรนต์ อเล็กซานดอร์ อาร์โนลด์ ซัดเสียบมุมเข้าไปอย่างเฉียบขาดในนาทีที่ 14 ถัดมาในนาทีที่ 24 เชลซี มีโอกาสลุ้นประตูจาก แทมมี อับราฮัม หลุดเดี่ยวไปยิงในเขตโทษ แต่ อาเดรียน ประตูสำรองทีมเยือนเซฟออกไปได้อย่างสุดยอด จนกระทั่ง ลิเวอร์พูล หนีเป็น 0-2 จากจังหวะฟรีคิกฝั่งซ้ายโดย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ โรแบร์โต เฟอร์มิโน โหม่งเข้าไปอย่างสวยงาม ในนาทีที่ 30 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

เกมในครึ่งหลัง ทั้งสองทีมผลัดกันเปิดแลกเกมบุกได้อย่างสนุกและเป็น เชลซี ได้ประตูไล่มาเป็น 1-2 จาก เอ็นโกโล ก็องเต้ โชว์ทักษะการเลี้ยงพาบอลหนีแนวรับทีมเยือนมาหน้าเขตโทษ แลัวปั่นด้วยขวาบอลพุ่งเสียบมุมเข้าไปอย่างสุดสวย ในนาทีที่ 71

จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาชนะ เชลซี 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 18 คะแนน และนำเป็นจ่าฝูงต่อไป พร้อมเก็บสถิติชนะ 6 นัดรวด ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองจ่าฝูง 5 คะแนน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

เชลซี : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า,  เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรส คริสเตนเซ่น (เคิร์ท ซูม่า น.42), ฟิคาโย่ โทโมรี, เอแมร์ซอน (มาร์กอส อลอนโซ่ น.15), จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาเตโอ โควาซิช, วิลเลี่ยน, แทมมี่ อับราฮัม (มิชี่ บาตชูอายี่ น.77), เมสัน เมาน์ท

ลิเวอร์พูล  : อาเดรียน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (อดัม ลัลลาน่า น.84), ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (โจ โกเมซ น.90+2), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ (เจมส์ มิลเนอร์ น.71)

Football-214
Football-215
Football-216
Football-217
Football-219
post

เดือด!ลิเวอร์พูลขอเฮ6นัดติด ‘ซาลาห์’ พร้อมซัด,เชลซียิ้ม ‘ก็องเต้’ คืนทัพล่า

Football-212

คู่เดือดประจำวัน…”หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงลุ้นคว้าชัย 6 นัดรวดโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมลงลั่นไกเกมเยือนถิ่น “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หายเจ็บพร้อมลงช่วยปิดสกอร์ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 และ ID Station, เวลา : 22.30 น.

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ สิงโตน้ำเงินคราม พาทีมไม่แพ้ใครในลีกมา 4 เกมติดต่อกัน ทว่าเมื่อกลางสัปดาห์ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาสะดุดแพ้ บาเลนเซีย 0-1 คาบ้านของตัวเอง

    ส่วนในลีกเมื่อสัปดาห์ก่อนโชว์ฟอร์มได้สุดยอดด้วยการบุกถล่ม วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 จาก แฮต-ทริกของ แทมมี่ อับราฮัม

    เชลซี ต้องลุ้นความฟิตของ เมสัน เมาน์ต ตัวรุกคนสำคัญที่เจ็บข้อเท้าจากเกม ชปล.เมื่อกลางสัปดาห์

    ข่าวดีก็คือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หายเจ็บและซ้อมได้เต็มที่แล้วน่าจะลงเล่นเกมนี้ได้เลย ทว่า เอเมอร์สัน ที่เจ็บต้นขายังลงไม่ได้เช่นเดิม

    เช่นเดียวกับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย (เอ็นร้อยหวาย) และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค (น่อง) ยังไม่พร้อมทั้งคู่

    ฟาก เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงพาทีมออกสตาร์ตด้วยชัยชนะ 5 เกมติดต่อกัน โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนเปิดรัง แอนฟิลด์ ถล่ม นิวคาสเซิ่ล ไป 3-1

    อย่างไรก็ตามใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาออกไปแพ้ให้กับ นาโปลี 0-2 ที่ อิตาลี

    ดีว็อค โอริกี้ กองหน้าเบลเยี่ยมมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าไม่น่าจะมีชื่อในเกมนี้

    นาบี เกอิต้า ผู้เล่นมิดฟิลด์กลับมาซ้อมได้เต็มที่แล้ว ขณะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ โกล์มือ 1 และ เนธาเนี่ยล ไคลน์ ยังคงไม่พร้อมสำหรับเกมนี้เช่นเคย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
    เชลซี (3-4-2-1) : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า – อันโตนิโอ รือดิเกอร์, อันเดรส คริสเตนเซ่น, ฟิคาโย่ โทโมริ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ – วิลเลี่ยน, เมสัน เมาน์ต (คริสเตียน พูลิซิช) – แทมมี่ อับราฮัม
    ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด

    ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติ๊ป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่
    ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

    ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– เชลซี ชนะเวลาเจอทีมจ่าฝูง ณ วันนั้น 18 ครั้งมากสุดในลีก
– เกมเชลซีลงสนามีการทำประตู 22 ลูก สูงสุดลีกร่วมกับ แมนฯ ซิตี้
– เชลซี เสีย 11 ประตูในลีกซีซั่นนี้ มีเพียง นอริช (12) ที่เสียมากกว่า
– เชลซี ยังเก็บคลีนชีตไม่ได้เลยตลอดทั้ง 6 นัดรวมทุกรายการซีซั่นนี้
– เชลซี ไม่ชนะใน 3 เกมหย้าซีซั่นนี้เป็นสถิติแย่สุดตั้งแต่ตอนอยู่ดิวิชั่น 2 (เดิม) ซีซั่น 198-89
– ลิเวอร์พูล หวังเป็นทีมแรกที่เปิดหัวชนะรวด 6 เกมลีก สองฤดูกาลติดต่อกัน
– ลิเวอร์พูล ชนะเกมลีก 14 นัดติดต่อกัน เป็นสถิติสโมสรและตามหลังสถิติลีกที่ แมนฯ ซิตี้ ทำไว้ 18 นัด เดือนธันวาคม 2017
– ลิเวอร์พูล แพ้หนเดียวจาก 44 เกมพรีเมียร์ลีกหลังสุด (ชนะ 36 เสมอ 7)
– ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไร้พ่ายในลีก 22 นัดติดต่อกันเป็นสถิติสโมสร (ชนะ 18 เสมอ 4)
– ลิเวอร์พูล ชนะหนเดียวจาก 12 เกมลีกนอกบ้านหลังสุดที่พบทีมบิ๊กซิกซ์ (เสมอ 6 แพ้ 5)
– ลิเวอร์พูล ขึ้นนำตอนพักครึ่ง และชนะตอนครบ 90 นาทีทั้ง 5 เกมลีกซีซั่นนี้
– ซาดิโอ มาเน่ ยิงไปแล้ว 49 ประตูจาก 97 เกมพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล


ผลการพบกันที่ผ่านมา
วันเดือน/ปี รายการ ผลการแข่งขัน

15/08/19    ซูเปอร์คัพ    ลิเวอร์พูล     2-2 เชลซี
14/04/19    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    2-0 เชลซี
29/09/18    พรีเมียร์ลีก    เชลซี    1-1 ลิเวอร์พูล
27/09/18    ลีก คัพ    ลิเวอร์พูล    1-2 เชลซี
06/05/18    พรีเมียร์ลีก    เชลซี    1-0 ลิเวอร์พูล
26/11/17    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    1-1 เชลซี

ผลงาน 5 นัดหลัง
เชลซี
17/09/19    แพ้ บาเลนเซีย 0-1 (เหย้า) ชปล.
14/09/19    ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
31/08/19    เสมอ เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
24/08/19    ชนะ นอริช ซิตี้ 3-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
18/08/19    เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก

ลิเวอร์พูล
17/09/19    แพ้ นาโปลี 0-2 (เยือน) ชปล.
14/09/19    ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
31/08/19    ชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
24/08/19    ชนะ อาร์เซน่อล 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
17/08/19    ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

post

เชลซี 0-1 บาเลนเซีย : เก็บตก 4 ประเด็นที่เราเรียนรู้หลังเกม แชมเปี้ยนส์ลีก

Football-177

4. ความเป็นไปของเกม

Football-178

แฟรงค์ แลมพาร์ด ยังคงศรัทธาในบรรดานักเตะดาวรุ่งและใช้รูปแบบการเล่น 3 เซ็นเตอร์แบ็คเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกันหลังจากถล่ม วูล์ฟส 5-2 ในเกมที่ผ่านมาโดยมี ฟิกาโย โทโมรี เดบิวต์ให้ทีมและ เคิร์ท ซูมา ออกสตาร์ทโดยมี เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กับ มาร์คอส อลอนโซ ขนาบข้าง

แผนการดังกล่าวดูดีอยู่ช่วงหนึ่งทว่าพวกเขาขาดทีเด็ดทีขาดเปลี่ยนเกม แม้การเปลี่ยนเอา โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ลงสนามแทนที่ ซูมา ก็ไม่ได้ช่วยให้จังหวะสุดท้ายของพวกเขาดีขึ้นเท่าใดนัก นอกจากนี้ แลมพาร์ด ยังต้องเสีย เมสัน เมาท์ ตั้งแต่ช่วงต้นเกมจากอาการบาดเจ็บอีกด้วย

3. วิลเลียน โดดเด่นที่แดนหน้า

Football-179

วิลเลียน กลายเป็นนักเตะที่สร้างสรรค์เกมให้กับ สิงห์บลู ได้โดดเด่นที่สุดในค่ำคืนนี้เมื่อสามารถสร้างปัญหาให้กับแนวรับของ บาเลนเซีย ได้หลายต่อหลายครั้งเพียงแค่จังหวะสุดท้ายของเจ้าตัวที่ไม่ลงตัวเท่านั้น

2. อีก 1 แข้งเดี้ยงของ สิงห์บลู

Football-180

การบาดเจ็บของ เมสัน เมาท์ ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด มีลูกทีมคีย์แมนอยู่ในห้องพักฟื้น 4 รายเข้าไปแล้วเมื่อรวมกับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์, เอเมอร์สัน พัลมิเอรี และ เอ็นโกโล ก็องเต้ ซึ่งน่าเป็นห่วงสำหรับ สิงห์บลู เมื่อพวกเขามีคิวเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

1. ความมั่นใจผิดที่ผิดเวลา

Football-181

รอสส์ บาร์คลีย์ ถูกส่งลงสนามเพียงแค่ 7 นาทีก่อนที่เขาจะรับอาสายิงลูกจุดโทษในช่วงท้ายเกมในสถานการณ์ที่ทีมต้องการประตูเพื่อตีเสมอแม้ว่า วิลเลียน ที่เล่นได้อย่างเข้าฝักในเกมนี้จะแสดงท่าทีต้องการทำหน้าที่ดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งดูเหมือนว่า แลมพาร์ด อาจต้องจัดการคนรับหน้าที่ดังกล่าวก่อนที่จะมีประเด็นอย่างที่มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้กับเพื่อนร่วมลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้ว

post

แลมพ์เผย ก็องเต้-โอดอย ยังไม่พร้อมคัมแบ็กสิงห์

Football-146

  แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ของทีม รวมทั้ง คัลลั่น ฮัดสัน-โอดอย และ รีซ เจมส์ 2 ดาวรุ่งยังไม่พร้อมกลับมาลงสนามกับ “เดอะ บลูส์” สำหรับเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ บาเลนเซีย  ก็องเต้ ไม่มีส่วนร่วมกับทัพ “สิงห์บลูส์” ตลอด 3 นัดหลังสุด เนื่องจากประสบปัญหาบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า  รวมทั้ง “สิงโตน้ำเงินคราม” ยังไม่มีกองกลางทีมชาติฝรั่งเศส สำหรับแมตช์เปิดสังเวียนสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของตัวเองรับการมาเยือนของ “ค้างคาว” ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก วันอังคารนี้  “เจมส์ (รีซ เจมส์), ฮัดสัน-โอดอย และ ก็องเต้ กลับมาฟิตแล้ว แต่ยังไม่พร้อมสำหรับแมตช์นี้ พวกเขาจะต้องลงเล่นกับเกมในชุด U23 อีกสักหน่อย ก่อนกลับมาลงสนามกับทีมชุดใหญ่” แลมพาร์ด กล่าว

post

“แทมมี่” ซัดแฮตทริก!! “เชลซี” ฟอร์มโหดบุกถล่ม “วูล์ฟ” พังคาบ้าน 5-2

Football-100

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เปิดบ้านแพ้ เชลซี 2-5

โดยเกมนี้  เชลซี ยิงออกนำไปก่อน 0-1 จากจังหวะยิงไกลของ ฟิกาโย โทโมรี นาทีที่ 30 ต่อมาทีมเยือนหนีห่างเป็น 0-2 จาก แทมมี อับราฮัม นาทีที่ 34 และ แทมมี อับราฮัม คนเดิมยิงซัดเพิ่มอีกประตู นาทีที่ 41 ให้ เชลซี นำ วูล์ฟส์ 0-3 และจบด้วยสกอร์นี้ในครึ่งแรก

ครึ่งหลัง เชลซี ได้ประตูที่ 4 จากจังหวะที่ อับราฮัม ในนาทีที่ 56 และเป็นแฮตทริกของกองหน้าดาวรุ่งชาวอังกฤษนี้ด้วย เชลซี หนีห่าง วูล์ฟส์ 0-4 แต่เจ้าบ้านมาได้ประตูตีไข่แตก 1-4 จาก โรแม็ง ซาอิสส์ นาทีที่ 69 และไล่มาเป็น 2-4 ในนาทีที่ 85 จาก แพทริค คูโตรเน แต่ว่า เชลซี มาได้ประตูปิดท้ายเป็น 2-5 จาก เมสัน เมานท์ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

จบเกม เชลซี บุกไปเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 ทำให้ เชลซี มี 8 คะแนน จากการลงสนาม 5 นัด อยู่อันดับที่ 6 ของตาราง ส่วน วูล์ฟแฮมป์ตัน มี 3 คะแนน จากการลงสนาม 5 นัด หล่นมาอยู่อันดับที่ 19 ในลีก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

วูล์ฟแฮมป์ตัน : รุย ปาตริซิโอ – อดาม่า ตราโอเร่, เฆซุส บาเยโฆ, คอเนอร์ เคาดี้, เลอันเดร์ เดนดองค์เกอร์, จอนนี่ กาสโตร – ชูเอา มูตินโญ่, รูเบน เนเวส, โรแม็ง ซาอิสส์ – ราอูล ฮิเมเนซ, ดีโอโก้ โชต้า

เชลซี : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ฟิกาโย โทโมรี่ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ – เมสัน เมาท์, วิลเลี่ยน – แทมมี่ อับราฮัม

Football-101
Football-102
Football-103
Football-104
Football-105
Football-106
Football-107
Football-108