post

คนนี้สุดจริง “ชไวนี”หวังเห็น “มูรินโญ” คุมทัพเสือใต้

Football-283

อดีตขวัญใจแฟนบอลเสือใต้เผย กุนซือชาวโปรตุกีสเคยถามถึงบุนเดสลีกาอยู่บ่อยครั้ง และหวังจะได้เห็นเจ้าตัวย้ายไปหาความท้าทายใหม่ ๆ ในเยอรมนี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 5 พ.ย.ว่า บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ อดีตจอมทัพขวัญใจแฟนบอลบาเยิร์น มิวนิก แนะนำว่า โชเซ มูรินโญ มีความเหมาะสมในการนั่งแท่นกุนซือใหญ่แห่งอลิอันซ์ อารีนา

ทีมเสือใต้เพิ่งแยกทางกับ นิโก โควัช หลังพาทีมบุกไปพ่ายไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ตแบบหมดรูป 1-5 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้บอร์ดบริหารตัดสินใจปลดกุนซือชาวโครแอตออกจากตำแหน่ง

กระทั่งล่าสุด บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ได้เผยกับบิลด์สื่อดังของเยอรมันว่า อดีตเฮดโค้ชปิศาจแดงชาวโปรตุกีส คือหนึ่งในแคนดิเดตที่มีความเหมาะสม ในการสืบทอดตำแหน่งนายใหญ่ของทีมดังแห่งแคว้นบาวาเรีย

“ผมสามารถจินตนาการได้ถึงภาพของ มูรินโญ ทำงานในเยอรมนี เขามักจะถามผมเกี่ยวกับบาเยิร์นฯ และบุนเดสลีกาอยู่เสมอ ระหว่างที่เราออกไปเล่นเป็นทีมเยือน เรามักจะชมบุนเดสลีกาทางทีวีเสมอ”

“เขารู้จักนักเตะทุกคน แม้จะมาจากทีมเล็ก ๆ ก็ตาม แถมยังเคยเรียนภาษเยอรมันด้วย เขายังไม่เคยทำงานในบุนเดสลีกา ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าดึงดูดให้เขาย้ายไปทำงานที่นั่น”

post

“รามอส” บ่นอุบ ราชันไม่น่าพลาดเจ๊า ทำอดขึ้นจ่าฝูง

Football-281

เซร์คิโอ รามอส กองหลังของเรอัล มาดริด ออกอาการเสียดายสุดๆ หลังต้นสังกัดทำได้แค่เสมอกับ เรอัล เบติส เกมลาลีกา เมื่อคืนที่ผ่านมา 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 3 พ.ย. ว่า เซร์คิโอ รามอส เซ็นเตอร์ฮาลฟ์กัปตันทีม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด กำลังเซ็งกับผลงานของทีมในเกมเปิดสนาม ซานเตียโก เบร์นาเบว เสมอกับรองบ่อนอย่าง เรอัล เบติส 0-0 ของศึกลาลีกา สเปน เมื่อคืนนี้

โดยก่อนเกมนี้ทัพเรอัล มาดริด ตามหลังบาร์ซา เพียง 1 แต้มเท่านั้น แถมกุมความได้เปรียบอีกหนึ่งอย่างคือ หากทัพราชันชนะจะแซงขึ้นไปเป็นผู้นำของตารางทันที เพราะทัพเจ้าบุญทุ่มดันพลาดท่าบุกไปพ่าย เลบันเต 1-3 ในคู่ 22.00 น. แต่อย่างไรก็ตาม มาดริด ที่ลงเล่นในคู่ 03.00 น. กลับทำไม่สำเร็จ เก็บได้เพียง 1 แต้ม ส่งผลให้มีแต้มเท่ากันที่ 22 คะแนน แต่ประตูได้เสียบาร์ซาโลนายังดีกว่าที่บวก 15 ส่วน เรอัล มาดริด บวก 12

“เรารู้สึกไม่ดีเลย เพราะจริงๆ แล้ววันนี้เราควรขึ้นไปเป็นจ่าฝูงของตาราง แต่เราไม่สามารถคว้าความได้เปรียบตรงนี้เอาไว้ได้ ซึ่งมันมาจากการที่เราเจาะประตูพวกเขาไม่ได้ และนี้คือบทสรุปของเกมนี้” กองหลังทีมชาติสเปน กล่าว

post

ชำแหละ 4 ประเด็นร้อน “ลิเวอร์พูล” แซงทุบ “สเปอร์ส”

Football-276

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ไป 2-1 และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้

1.โกลสเปอร์สโคตรเหนียว

เกมนี้ต้องยกนิ้วให้กับ เปาโล กัซซานิกา ผู้รักษาประตูของสเปอร์ส เพราะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเซฟจังหวะยิงของลิเวอร์พูลแทบนับไม่ถ้วน ทำเอาแฟนบอลลิเวอร์พูลบ่นกันระงม ยิงยากยิงเย็นเหลือเกิน

2.กัปตันเฮนโด้ แก้ตัวสำเร็จ

จังหวะที่ลิเวอร์พูลเสียประตูตั้งแต่ต้นเกม เริ่มมาจากความผิดพลาดของ เฮนเดอร์สัน ที่ทำเสียบอลในแดนกลางแล้วถูกสเปอร์สโต้กลับ อย่างไรก็ตาม เฮนเดอร์สัน ก็แสดงให้เห็นถึงสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง ก้มหน้าก้มตาเล่นต่อไป และมาทำประตูให้ทีมได้ในช่วงครึ่งหลัง

3. ฟาบินโญ+เทรนต์ ฟอร์มเฉียบ

เกมนี้ ฟาบินโญ คุมจังหวะเกมอดนกลางให้ลิเวอร์พูลได้ดีมาก การเข้าปะทะ การผ่านบอล ไหลลื่นสุดๆ โดยเฉพาะจังหวะที่กล้าเสี่ยงเปิดบอลเข้าเขตโทษก่อนที่บอลจะมาเข้าทาง เฮนเดอร์สัน ยิงตีเสมอให้ลิเวอร์พูลสำเร็จ ส่วน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก็ทำได้ดีเยี่ยมในตำแหน่งแบ็กขวา จังหวะเติมขึ้นมายิง จังหวะฟรีคิก จังหวะเตะมุมจากเขาคนนี้ได้ลุ้นอยู่ตลอด

4.ยังรักษาระยะห่างต่อไป

เกมนี้ถ้าลิเวอร์พูลพลาดแพ้หรือเสมอน่าจะทำให้ แมนฯซิตี้ มีกำลังใจในการไล่ล่าจ่าฝูง แต่ลิเวอร์พูลแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ไม่ยอมทำแต้มหล่นง่ายๆ จนฮึดกลับมาคว้าชัยชนะในเกมนี้ได้สำเร็จ นำจ่าฝูงต่อไป มีแต้มเหนือแมนฯซิตี้อยู่ 6 คะแนน

post

พูริซิชแฮตทริก! เชลซีเสียวท้ายเกมบุกเชือดเบิร์นลี่ย์ เฮ7นัดทุกรายการ

Football-275

คริสเตียน พูริซิช ปลดล็อคพังประตูในพรีเมียร์ลีกได้เสียที แถมนัดนี้รับบทเป็นพระเอกตะบันแฮตทริกพา เชลซี บุกไปคว้าชัยเหนือเบิร์นลี่ย์ แบบมีเสียวช่วงท้ายเกม 4-2

ทำสถิติคว้าชัย 7 นัดติดต่อกันทุกรายการ เก็บสามแต้มมี 20 คะแนนเท่ากับ เลสเตอร์ รั้งอันดับ 4 ตารางพรีเมียร์ลีกเหมือนเดิม ขณะที่ พูริซิช กลายเป็นแข้งชาวอเมริกันรายที่สองต่อจาก คลินท์ เดมพ์ซีย์ ที่ทำแฮตทริกได้ในเวทีพรีเมียร์ลีก

สนาม : เทิร์ฟ มัวร์

    ครึ่งแรก เริ่มมาได้แค่ 5 นาที ทีมเยือนได้โอกาสทักทายก่อนจาก วิลเลี่ยน ตั้งป้อมหวดด้วยซ้ายบอลเหินหลุดกรอบออกไป

    นาที 18 ดไวท์ แม็คนีล กระชากบอลขึ้นทางซ้ายก่อนหลุดถึงเส้นหลังครอสบอลไปแฉลบ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ก่อนไปเข้ามือ เกป้า นายด่านของสิงห์บลูส์

    นาที 21 กลายเป็นทีมเยือนที่บุกมาขึ้นนำก่อน 1-0 จากความผิดพลาดของ แม็ทธิว ลอว์ตัน แนวรับเจ้าถิ่นที่เสียการครองบอลโดน คริสเตียน พูริซิช ฉกบอลก่อนกระชากเข้าไปสับขาหนี เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ แล้วซัดด้วยซ้ายส่งบอลเลียดเสียบเสาสองอย่างเฉียบขาด

    เจ้าถิ่นไม่ท้อหวังตีเสมอให้ได้ นาที 25 เอริค ปีเตอร์ส ตะบันด้วยซ้ายข้างถนัดนอกกรอบบอลพุ่งแรงแต่ยังไปติดเซฟของ เกป้า 

    อีกสามนาทีต่อมา บอลวางยาวของ วิลเลี่ยน จากขวาขวางมาซ้ายในกรอบให้   คริสเตียน พูริซิช พักอกลงก่อนซัดด้วยขวาบอลพุ่งไปติดตัว นิค โป๊ป เซฟช่วยทีมไว้ได้

    นาทีที่ 30 เบิร์นลี่ย์ พลาดโอกาสตีเสมออย่างจัง บอลเซ็ตเพลย์จากขวาเปิดยาวไปเสาไกลให้ เบน มี ขึ้นโขกชงมาเสาแรก แอชลี่ย์ บาร์นส์ พุ่งมาโขกจ่อๆแต่โหม่งบอลหลุดเสาออกอย่างน่าเสียดาย

    นาทีสุดท้ายครึ่งแรก “สิงห์บลูส์” ทะยานออกนำ 2-0 และเป็นแนวรับเจ้าถิ่นที่ผิดพลาดอีก เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ออกไปสั้นไปโดน วิลเลี่ยน ตัดบอลได้มาเข้าเท้า คริสเตียน พูลิซิช เลี้ยงจี้จากกลางสนามเข้ามาก่อนกระชากหนี ทาร์คอฟสกี้ เข้าไปซัดด้วยขวาบอลไปแฉลบ เบน มี เสียบมุมแคบเสาแรกชนิดที่ นิค โป๊ป ยืนขาตายได้แต่มอง

    จบครึ่งแรก เบิร์นลี่ย์ ตามหลัง เชลซี 0-2

    ครึ่งหลัง เจ้าถิ่นอยู่ไม่ได้หลังตามหลังถึงสองเม็ด รุกหนักเต็มสูบ นาที 51 บอลขึ้นทางขวาถึง เจย์ โรดริเกซ ตะบันด้วยขวาเสาแรกแต่ยังไม่ผ่านมือ เกป้า ที่ปิดมุมรับเข้าซองไว้ได้

    ทว่า นาที 56 แฟนเบิร์นลี่ย์เงียบกริบทั้งสนามเมื่อลูกทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มาได้ประตูที่สามนำห่าง บอลจาก เมสัน เมาน์ท ครอสด้วยเท้าขวาไปเสาแรก คริสเตียน พูริซิช โฉบมาโหม่งเสยไปเสาไกล ให้เชลซีนำโด่ง 3-0 และเป็นแฮตทริกของพูริซิชในเกมนี้

    ไม่แค่นั้น อีก 2 นาทีถัดมา สกอร์มาไหลเป็น 4-0 จากจังหวะสวนกลับ แทมมี่ อบราฮัม ลากตะลุยขึ้นมาแล้วไหลออกขวาให้ วิลเลี่ยน เลี้ยงมาสับเรียดผ่านมือ โป๊ป เสียบเสาไกลเข้าไปเลย

    นาทีที่ 76 เชลซี มาได้จุดโทษ เมื่อ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ตัวสำรองล้มลงไป ทว่าจากการเช็กวีเออาร์ปรากฎว่าเป็นการพุ่งล้มของดาวเตะสิงห์บลูส์ ทำให้มีการเปลี่ยนคำตัดสิน และแจกใบเหลืองให้ ฮัดสัน-โอดอย แทน

    เจ้าบ้านมาได้ประตูปลอบใจ 1-4 ในนาทีที่ 86 เมื่อ ร็อบบี้ เบรดี้ ตัดบอลได้จาก พูลิซิช แถวกลางสนาม ก่อนไหลให้ เจย์ โรดริเกซ ลากมาตะบันด้วยขวาจากระยะกว่า 30 หลาเต็มแรง บอลพุ่งผ่านมือ เกปา เสียบใต้คานสุดสวย

    นาที 89 เบิร์นลี่ย์ ไม่ถอดใจไล่มาอีกลูก เมื่อ ดไวท์ แม็คนีล ยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษฝั่งขวา บอลไปแฉลบ โทโมรี่ เปลี่ยนทางทำให้ เกปา หลงขาตาย และลูกก็เข้าประตูไป แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น จบเกม เชลซี เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-2 คว้าชัย 7 นัดรวดในทุกรายการ

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        เบิร์นลี่ย์ (4-4-2) : นิค โป๊ป – แม็ทธิว ลอว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, เอริค ปีเตอร์ส – ดไวท์ แม็คนีล, แจ็ค คอร์ก, แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด, เจฟฟ์ เฮนดริค (ร็อบบี้ เบรดี้ น.84)- แอชลี่ย์ บาร์นส์ (มาเตย์ วิดร้า น.63), เจย์ โรดริเกซ  

        ผู้จัดการทีม : ฌอน ไดช์

        เชลซี (4-3-3) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, คูร์ท ซูม่า, ฟิคาโย่ โทโมรี่, มาร์กอส อลอนโซ่ (รีซ เจมส์ น.63) – มาเตโอ โควาซิช, จอร์จินโญ่, เมสัน เมาน์ท – วิลเลี่ยน (คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย น.72), แทมมี่ อบราฮัม (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.70), คริสเตียน พูริซิช 

        ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด  

        ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์  

post

จิ้งจอกสยามยำสยอง!ตัดเกรดแข้งเลสเตอร์เกมกระซวกโหดเซาธ์ฯ

Football-274

เป็นสกอร์ที่มโหฬารชวนตะลึงดีแท้สำหรับ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกไปยำใหญ่ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่เหลือ 10 คนตั้งแต่ต้นเกม ถึงบ้านแบบไม่มีเกรงใจ

ด้วยสกอร์ 9-0 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยที่เกมนี้ เลสเตอร์ มีผู้เล่นถึงสองคนที่กดแฮตทริกได้ ขณะที่แบ็กซ้ายตัวเก่งอย่าง เบน ชิลเวลล์ ก็วิ่งเติมเกมรุกอย่างเมามันส์ และนี่คือผลสอบของลูกทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในเกมสุดโหดเมื่อคืนที่ผ่านมา

 11 ผู้เล่นตัวจริง

    – แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล : 7
        แม้เป็นเกมที่ เลสเตอร์ บุกยำอยู่ข้างเดียว แต่ ชไมเคิ่ล ก็มีโชว์เซฟสวยๆ ให้เห็น 2 ครั้ง

    – เบน ชิลเวลล์ : 9
        เป็นเกมที่เล่นได้โดดเด่นมาก เติมเกมรุกได้มีประสิทธิภาพสุดๆ โดยนอกจากเป็นคนทำประตูขึ้นนำ 1-0 แล้ว ยังทำแอสซิสต์สวยๆ ได้อีก 2 ครั้ง
    
    – ชัคลาร์ โซยุนชู : 7.5
        คุมแนวรับได้ยอดเยี่ยม โดดเด่นทั้งลูกกลางอากาศและการเข้าแท็กเกิ้ล

    – จอนนี่ อีแวนส์ : 7
        ไม่ได้เจองานหนักอะไรมาก แถมเกือบมีชื่อเป็นคนทำสกอร์ในช่วงครึ่งหลังด้วย

    – ริคาร์โด้ เปเรยร่า : 7.5
        อาจจะเติมเกมรุกไม่มันส์เท่า ชิลเวลล์ แต่เกมรับทำได้เยี่ยมมาก โดยเฉพาะการเข้าแท็กเกิ้ล

    – วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ : 8
        เล่นได้เยี่ยมมาก คุมแดนกลางได้โดดเด่น เข้าแท็กเกิ้ลได้ถึง 7 ครั้ง และมีการผ่านบอลที่แม่นยำ

   – อาโยเซ่ เปเรซ : 9
        ฮอตมากๆ เป็นเกมที่เจ้าตัวจบสกอร์ได้อย่างเด็ดขาด จนทำแฮตทริกได้ ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกไปนั่งพักช่วงท้ายเกม

    – ยูริ ตีเลอมันส์ : 8
        ฟอร์มโดดเด่นต่อเนื่องสำหรับมิดฟิลด์ชาวเบลเยียม และเกมนี้ก็มีทั้งยิงและจ่ายอย่างละ 1

    – เจมส์ แมดดิสัน : 7.5
        เล่นได้กลางๆ และเกือบจะเป็นเกมที่ไม่มีทั้งแอสซิสต์และประตู จนกระทั่งมายิงฟรีคิกสุดสวยเป็นประตู 8-0 ช่วง 5 นาทีสุดท้าย

    – ฮาร์วีย์ บาร์นส์ : 8
        แม้ไม่มีสกอร์ แต่เป็นเกมที่เจ้าตัวเล่นได้โดดเด่นทีเดียว และก็มี 1 แอสซิสต์กับการหยอดบอลสุดแม่นให้ เปเรซ กระทุ้งประตู 6-0

    – เจมี่ วาร์ดี้ : 9
        ยิ่งแก่ยิ่งเก่งจริงๆ สำหรับอดีตหัวหอกทีมชาติอังกฤษวัย 32 ปี มีการเข้าทำที่เฉียบขาด และโชว์สปีดเข้าไปเรียกจุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนสังหารเข้าไปไม่พลาดเป็นประตูปิดเกม 9-0 พร้อมกับทำแฮตทริกให้กับตัวเองสำเร็จ

 สำรองที่ได้ลงเล่น
    – มาร์ค อัลไบรท์ตัน (แทน บาร์นส์ น. 72) : 6

        มีการโชว์ลากเลื้อยให้เห็น และได้ลองยิงไป 1 ครั้ง

    – เดมาราย เกรย์ (แทน เปเรซ น. 74) : 5
        ไม่มีบทบาทอะไรมาก  

post

แดงเดือดคำรบแรก!แมนยูลุ้น ‘แรชฟอร์ด’ หลอน,ลิเวอร์พูลจัด ‘ซาลาห์’ กระชากซัด

Football-269

ศึกแห่งศักดิ์ศรี “แดงเดือด”…”ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลุ้นให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ระเบิดฟอร์มขุดสกอร์ เกมรับจ่าฝูงไร้พ่ายไร้เสมอนับแต่เปิดลีก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เตรียมจัดต็มสูบแน่นอนโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมนำถล่มประตู ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 20 ต.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 และ ID Station, เวลา : 22.30 น.

สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พา แมนฯ ยูฯ เล่นกระท่อนกระแท่นเหลือเกิน 3 นัดล่าสุดเก็บได้แต้มเดียวฟอร์มก่อนเกมทีมชาติพวกเขาออกไปแพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-1 ที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค

    ดาบิด เด เคดา โกลมือ 1 เจ็บโคนขาหนีบจากเกมทีมชาติทีแรกคาดว่าน่าจะลงเล่นไม่ได้แน่นอนแต่ล่าสุดมีชื่อเกมนัดนี้ด้วยต้องมาลุ้นกันต่อแต่เชื่อว่าอาจลงเพียงแข้งสำรองเท่านั้น

    ขณะที่มิดฟิลด์ตัวเก่งอย่าง ปอล ป็อกบา ซึ่งเจ็บข้อเท้าก็ยังคงไม่สามารถช่วยทีมได้

    ทางด้าน เจสซี่ ลินการ์ด, ฟิล โจนส์, ดีโอโก้ ดาโลต์ และ เมสัน กรีนวู้ด ก็ล้วนมีปัญหาทั้งหมดไม่น่าจะลงได้เช่นกัน

    นอกจากนี้ อารอน วาน-บิสซาก้า, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ ลุค ชอว์ จะต้องทดสอบความฟิตทั้งหมดด้วย

    เจอร์เก้น คล็อปป์ พา ”หงส์แดง” ลิเวอร์พูล รักษาสถิติชนะรวด 100 เปอร์เซ็นต์ได้ 8 เกมมี 24 แต้มเต็มๆ นำโด่งเป็นจ่าฝูงในเวลานี้ โดยฟอร์มล่าสุดก่อนเกมทีมชาติก็คือการเปิดรังแอนฟิลด์ เอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไป 2-1

    หงส์แดง มีลุ้นที่จะได้ อลีสซง เบ็คเกอร์ โกลมือ 1 กลับมาจากอาการเจ็บน่อง ทำให้หายหน้าหายตาไปราว 2 เดือน

    นอกจากนี้ยังมีข่าวดีเพิ่มเติมตรงที่ โฌแอล มาติป เซนเตอร์แบ็กตัวหลักที่พลาดการลงเล่นไป 2 เกม น่าจะฟิตทันสำหรับแมตช์นี้ด้วย

    โดยทีมยังต้องลุ้นอาการเจ็บเล็กน้อยของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ได้จากเกมชนะ เลสเตอร์ ด้วย แต่ดูแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : เซร์คิโอ โรเมโร่ – อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, แอชลี่ย์ ยัง – สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด – อันเดรียส เปเรยร่า, ฆวน มาต้า, แดเนียล เจมส์ – มาร์คัส แรชฟอร์ด
    ผู้จัดการทีม : โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

    ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่
    ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

    ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอตกินสัน

เกร็ดเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– แมนฯ ยูไนเต็ดไร้พ่ายในเกมแดงเดือดตลอด 6 เกมเหย้าหลังสุด รวมถึง 5 นัดในลีก (ชนะ 3 เสมอ 2)
– ลิเวอร์พูลเคยทำสถิติไม่ชนะที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในลีกสูงสุด 10 นัดติดต่อกันระหว่างปี 1991-2000
– แมนฯ ยูไนเต็ดแพ้ลิเวอร์พูลหนเดียวจาก 10 เกมลีกหลังสุด คือออกไปพ่าย 1-3 ที่แอนฟิลด์ ธันวาคมปีที่แล้ว ก่อน โชเซ่ มูรินโญ่ ตกงานในอีก 2 วันให้หลัง
– 4 จาก 6 เกมลีกหลังสุดที่เจอกันลงเอยด้วยผลเสมอ (0-0 สามนัด) เท่ากับจาก 36 นัดก่อนหน้ารวมกัน
– เซร์คิโอ โรเมโร่ มีสถิติคลีนชีต 61% เป็นสถิติดีสุดในบรรดานายทวารที่เล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดอย่างน้อย 10 นัด
– แมนฯ ยูไนเต็ดต้องการอีก 2 ประตู เพื่อเป็นทีมแรกที่ยิง 2,000 ลูกในพรีเมียร์ลีก
– แมนฯ ยูไนเต็ดไม่ยิงประตูมากกว่านัดละ 1 ลูกตลอด 10 เกมหลังรวมทุกรายการ เป็นสถิติแย่สุดตั้งแต่ปี 2007
– แมนฯ ยูไนเต็ดชนะแค่ 2 จาก 13 เกมลีกหลังสุด (เสมอ 5 แพ้ 6)
– แมนฯ ยูไนเต็ดเก็บแค่ 17 คะแนนจาก 16 เกมลีกตั้งแต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้สัญญาถาวร
– ถ้าแมนฯ ยูไนเต็ดไม่ชนะเกมนี้จะทำให้พวกเขาออกสตาร์ตแย่สุดตั้งแต่ยุค รอน แอตกินสัน ซีซั่น 1986-87 ก่อน อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้ากุมบังเหียนแทน
– มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงประตูเฉลี่ยทุกๆ 208 นาทีเวลาเจอทีมท็อปซิกซ์ แต่เพิ่มเป็น 266 นาทีตอนเจอทีมที่เหลือ
– ลิเวอร์พูลขอชนะนัดนี้เพื่อทำสถิติชนะรวดพรีเมียร์ลีกดีสุดตลอดกาลเท่าแมนฯ ซิตี้ทำไว้ 18 นัดระหว่างสิงหาคม – ธันวาคม 2017
– ลิเวอร์พูลมีลุ้นเป็นทีมที่ 4 เท่านั้นที่ออกสตาร์ตด้วยการชนะรวดทั้ง 9 นัดแรกสุด และเป็นสถิติพรีเมียร์ลีกเทียบเท่าเชลซีทำไว้ปี 2005
– ทีมเดียวที่ชวดแชมป์หลังชนะรวด 9 เกมลีกแรกสุดคือแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งจบอันดับ 4 ทั้งที่ซิวชัย 10 นัดรวดซีซั่น 1985-86
– ลิเวอร์พูลชนะแค่ 2 จาก 13 เกมลีกหลังสุดที่ไปเยือนทีมท็อปซิกซ์ ทว่าล่าสุดเพิ่งบุกอัดเชลซี เดือนกันยายนที่ผ่านมา


ผลการพบกันที่ผ่านมา
วัน/เดือน/ปี รายการ ผลการแข่งขัน  

24/02/19    พรีเมียร์ลีก    แมนฯ ยูไนเต็ด    0 – 0ลิเวอร์พูล
16/12/18    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    3 – 1แมนฯ ยูไนเต็ด
29/07/18    ไอซีซี    แมนฯ ยูไนเต็ด    1 – 4ลิเวอร์พูล
10/03/18    พรีเมียร์ลีก    แมนฯ ยูไนเต็ด    2 – 1ลิเวอร์พูล
14/10/17    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    0 – 0แมนฯ ยูไนเต็ด
15/01/17    พรีเมียร์ลีก    แมนฯ ยูไนเต็ด    1 – 1ลิเวอร์พูล


ผลงาน 5 นัดหลังสุด
แมนฯ ยูไนเต็ด

06/10/19    แพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
02/10/19    เสมอ อัลค์มาร์ 0-0 (เยือน) ยูโรปา ลีก
30/09/19    เสมอ อาร์เซน่อล 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
25/09/19    เสมอ รอชเดล 1-1 (ชนะจุดโทษ 5-3)
(เหย้า) ลีก คัพ
22/09/19    แพ้ เวสต์แฮม 0-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

vลิเวอร์พูล
05/10/19    ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
02/10/19    ชนะ ซัลซ์บวร์ก 4-3 (เหย้า) ชปล.
28/09/19    ชนะ เชฟฯ ยูไนเต็ด 1-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
25/09/19    ชนะ มิลตัน คีนส์ 2-0 (เยือน) ลีก คัพ
22/09/19    ชนะ เชลซี 2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

post

คล็อปป์ชี้จุดเด่นแมนยู-นักเตะอันตรายต้องจับตา

Football-266

เจอร์เก้น คล็อปป์ อัพเดตความพร้อม ลิเวอร์พูล ก่อนไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมชี้จุดเด่นของ “ปีศาจแดง” และนักเตะที่ต้องจับตาเอาไว้ให้ดี

     เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยอมรับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความอันตรายในเรื่องความเร็วของนักเตะ โดยเฉพาะ แดเนียล เจมส์ ปีกทีมชาติเวลส์ ทำให้ “หงส์แดง” ไม่สามารถประมาทได้เลยในเกมแดงเดือด ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคมนี้

Football-267

    กุนซือชาวเยอรมัน เผยว่า “เขา (เจมส์) เป็นนักเตะที่ดีมาก อย่างไรก็ตาม ผมคาดว่า ทั้ง อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจมส์ จะลงสนาม ความเร็วและคุณภาพของพวกเขาจะมีทั่วทั้งสนาม” 

Football-268

    พร้อมกันนี้ คล็อปป์ ยังเผยว่า อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิล, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกทีมชาติอียิปต์ และ โฌแอล มาติป ปราการหลังจอมแกร่ง กลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว และทั้ง 3 คนมีโอกาสจะได้ลงเล่นในวันอาทิตย์นี้ 

    “อลีสซง, โฌแอล และ โม ดูดีขึ้น เราจะต้องรอดูกันต่อไป มันยังเหลือช่วงซ้อมอีก 2 เซสชั่น จากนั้นเราถึงค่อยตัดสินใจ มันยังไม่มีอะไรแน่นอน” นายใหญ่ “หงส์แดง” กล่าวในที่สุด

post

รอดไม่รอด? 5 เกมถัดไปของ แมนฯยูไนเต็ด ชี้ชะตาโซลชา

Football-260

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กำลังเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทั้งบรรดาสื่อ กูรู ตำนานนักเตะรวมถึงแฟนบอล หลังทำผลงานสุดย่ำแย่ในการออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด 5 นัดถัดไปของ โซลชา ต้องเจอกับเกมสุดยากเย็นทั้งหมด เก้าอี้ของเขาจะอยู่รอดหรือไม่อาจขึ้นอยู่กับ 5 นัดถัดไปนี้

     ครึ่งเดือนหลังของเดือนตุลาคมถือเป็นโปรแกรมหฤโหดของ โซลชา และแมนฯยูไนเต็ด เป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยอีก 5 นัดถัดไปพวกเขาจะต้องเจอบิ๊กแมตช์ถึง 2 นัดแถมจะต้องออกไปเยือนถึง 4 นัดด้วยกัน ปัญหาคือ โซลชา มีสถิติการเล่นเกมเยือนที่ย่ำแย่เหลือเกินนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว

สถิติเกมเยือนของ แมนฯยูไนเต็ด
10 มีนาคม – อาร์เซน่อล 2-0 แมนฯยูไนเต็ด
16 มีนาคม – วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 แมนฯยูไนเต็ด
2 เมษายน – วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 แมนฯยูไนเต็ด
16 เมษายน – บาร์เซโลน่า 3-0 แมนฯยูไนเต็ด
21 เมษายน – เอฟเวอร์ตัน 4-0 แมนฯยูไนเต็ด
5 พฤษภาคม – ฮัดเดอร์สฟิลด์ 1-1 แมนฯยูไนเต็ด
19 สิงหาคม – วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 แมนฯยูไนเต็ด
31 สิงหาคม – เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 แมนฯยูไนเต็ด
22 กันยายน – เวสต์แฮม 2-0 แมนฯยูไนเต็ด
3 ตุลาคม – อัลค์มาร์ 0-0 แมนฯยูไนเต็ด
6 ตุลาคม – นิวคาสเซิ่ล 1-0 แมนฯยูไนเต็ด

5 เกมถัดไปของ แมนฯยูไนเต็ด

20 ตุลาคม – แมนฯยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล

Football-261

    แน่นอนว่าเกมแดงเดือดวันอาทิตย์นี้ถือว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แม้ช่วงหลังฟอร์มจะต่างกันราวฟ้ากับเหวแต่ศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่ค้ำคอผีแดงไว้ เพราะฉะนั้นแฟนบอลคงไม่อยากให้คู่อริบุกมาฝังถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นแน่แท้ เชื่อว่าแฟนผีแเดงหลายคนมองว่าทีมเป็นรอง หงส์แดง ค่อนข้างเยอะแต่อย่างน้อยนัดนี้พวกเขาต้องโชว์ให้แฟนบอลเห็นว่ายังมีดีพอต่อกรกับจ่าฝูงได้อยู่ อย่างไรก็ตามหาก โซลชา พลาดท่าเพ่ายละเทะคาบ้านก็มีแววที่จะเก้าอี้กระเด็นอยู่เหมือนกัน

24 ตุลาคม – ปาร์ติซาน เบลเกรด vs แมนฯยูไนเต็ด (ยูโรปา ลีก)

Football-262

    แมนฯยูไนเต็ด จะต้องออกไปเยือนจ่าฝูงของกลุ่มแอลอย่าง ปาร์ติซาน ในศึกยูโรปา ลีก น่าสนใจว่า ผีแดง จะเน้นถ้วยนี้หรือไม่เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งสองนัดมักจะเอาตัวสำรองลงและไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ แต่มันก็ถือเป็นทางลัดที่จะพาพวกเขาไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะการลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์ในลีกเป็นเรื่องค่อนข้างยากพอสมควร อย่างน้อยนัดนี้ โซลชา ต้องไม่ทำผลงานน่าผิดหวังเหมือนนัดที่ไปเยือน อัลค์ม่าร์

27 ตุลาคม- นอริช ซิตี้ vs แมนฯยูไนเต็ด

Football-263

    ทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อน กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตพอสมควรเนื่องจากแพ้ 6 จาก 8 เกมแรก แถมยังเป็นทีมที่โดนยิงมากที่สุดในลีกตอนนี้ (21 ประตู) พวกเขาต้องการจุดเปลี่ยนเพื่อหนีโซนตกชั้นให้เร็วที่สุด เพราะฉะนั้นนัดเจอ ปีศาจแดง จึงเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง นอริช เคยโชว์ฟอร์มเหนือความคาดหมายด้วยการเอาชนะ แมนฯซิตี้ มาแล้ว ผีแดง คงต้องระวังตัวให้ดี ยิ่งเคยโดนทีมที่ฟอร์มย่ำแย่อย่าง นิวคาสเซิ่ล อัดมาแล้ว ก็ต้องหลีกเลี่ยงบทเรียนซ้ำสอง

30 ตุลาคม -เชลซี vs แมนฯยูไนเต็ด (คาราบาว คัพ)

Football-264

    ช่วงนี้อะไรก็ไม่ค่อยเป็นใจแม้กระทั่งการจับสลาก คาราบาว คัพ เมื่อ ผีแดง ต้องเจอของแข็งด้วยการบุกไปเยือน เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แน่นอนว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด เตรียมรอแก้แค้นสิ่งที่ แมนฯยูไนเต็ด ทำไว้ในนัดเปิดฤดูกาล ตอนนี้ เชลซี เครื่องกำลังติดและยิ่งถ้าพวกเขาเอาชนะ ผีแดง ได้ยิ่งเพิ่มความมั่นใจเข้าไปใหญ่ ถ้า โซลชา พาทีมแพ้ขึ้นมาเชื่อว่ากระแสกดดันลาออกจะเพิ่มขึ้นเป็นอีกเท่าตัวแน่นอน

2 พฤศจิกายน – บอร์นมัธ vs แมนฯยูไนเต็ด 

Football-265

    เปิดเดือนใหม่แต่ผีแดงยังต้องออกไปเยือนคู่แข่งเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันแต่คราวนี้เป็นทีม บอร์นมัธ ซึ่งลูกทีมของ โซลชา มักจะมีสถิติที่ดีในการเจอกัน (7 นัดหลังสุดชนะ 6 นัด เสมอ 1) อย่างไรก็ตามหากดูอันดับตารางคะแนนตอนนี้ บอร์นมัธ อยู่เหนือกว่า แมนฯยูไนเต็ด 2 แต้ม และเกมในบ้านฤดูกาลนี้ก็เพิ่งจะแพ้ แมนฯซิตี้ ทีมเดียวเท่านั้น ยังคงเป็นทีมที่ โซลชา ห้ามประมาทโดยเด็ดขาด

post

“ธีรศิลป์-เอกนิษฐ์”คนละเม็ด!ตัดเกรดไทยเปิดบ้านเฉือนยูเออี 2-1

Football-258

หลังจากที่ผลการแข่งขันในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ของกลุ่ม จี เมื่อวันอังคารที่ 15 ต.ค.62 ผลปรากฏว่า ทีมชาติไทยของกุนซือ “อากิระ นิชิโนะ” ผงาดขึ้นรั้งจ่าฝูงกลุ่ม จี ได้สำเร็จหลังจากเปิดบ้านเฉือนเอาชนะ ยูเออี 2-1 จากผลงานของ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา และ “บุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา ชนิดที่แฟนๆบอลชาวไทยต่างประทับใจผลงานที่เล่นดีกว่าผู้มาเยือนชัดเจน

    โดยผลสอบของนักเตะทีมชาติไทยแต่ละคนที่ได้ลงเล่น มีดังนี้

    ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน “ไม่ค่อยมีจังหวะลูกเซฟอันตรายเท่าไหร่ มีเพียงแค่จังหวะที่เสียประตูเพียงครั้งเดียว แต่จังหวะนั้นก็หมดสิทธิ์เซฟจริงๆ ภาพรวมยังถือว่าทำหน้าที่ได้มาตรฐานเช่นเดิมสำหรับผู้รักษาประตูวัย 35 ปีรายนี้” 

    คะแนน : 6

    ธนบูรณ์ เกษารัตน์  “ยังมีจังหวะที่ถูกผู้เล่นยูเออี หนีประกบหลุดกับดักล้ำหน้าให้เห็นอยู่บ้าง แต่ยังดีที่ผู้เล่นยูเออีทำบอลลั่นออกไปเอง เช่นเดียวกับลูกที่เสียประตูที่ยืนประกบห่าง อาลี มับคูต จนถูกยืนโหม่งโล่งๆเข้าไปอย่างง่ายดาย”

    คะแนน : 6
 
    มานูเอล ทอม เบียรห์ “ยังมีจังหวะที่ช้าอยู่พอสมควร โดยในจังหวะที่เสียประตูเขายืนอยู่เสาแรกแต่กลับปล่อยให้บอลลอยข้ามไปเฉยๆ ส่วนในจังหวะที่มีโอกาสโหม่งโล่งๆช่วงครึ่งแรก ดันโหม่งหวิดไปโดน ไม่งั้นอาจมีลูกสองหนีห่างยูเออีก็เป็นได้”

    คะแนน : 5.5
 
    นิติพงษ์ เสลานนท์ “ถือว่าโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียวสำหรับแบ็คขวาจาก การท่าเรือ เอฟซี อีกทั้งยังทำแอสซิสต์ได้ 1 ลูกในจังหวะที่จ่ายข้ามกองหลังยูเออีให้กับ เอกนิษฐ์ ปัญญา ยิงโล่งๆ เรียกได้ว่าเป็นวันแจ้งเกิดของของแบ็คขวาสิงห์เจ้าท่าไปโดยปริยาย

    คะแนน : 7
 
    ธีราทร บุญมาทัน  “ยังคงโชว์ผลงานสมกับเป็นนักเตะเจลีก รักษาฟอร์มมาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม แถมมีลูกโยกหลอกนักเตะยูเออีในช่วงท้ายครึ่งหลัง จนเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอลที่เข้าไปเชียร์ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต กันเลยทีเดียว”

    คะแนน : 6.5

    สารัช อยู่เย็น “สามารถคุมเกมแดนกลางได้เป็นอย่างดี คอยปัดกวาดคู่ต่อสู้ได้แทบจะอยู่หมัด แถมยังมีโอกาสทำประตูได้อีกด้วยจากจังหวะซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งในช่วงครึ่งแรก อย่างไรก็ดียังคงต้องเช็คอาการบาดเจ็บของเจ้าตัวหลังถูกหามเปลออกไปปฐมพยาบาลข้างสนามจนเล่นต่อไม่ไหว

    คะแนน : 6.5
 
    พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล “คอยซัพพอร์ตกับ สารัช อยู่เย็น ได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของเกมบุก และเกมรับ ที่ยังคงโชว์ผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่ายังคงสร้างมาตรฐานฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียวสำหรับมิดฟิลด์ตัวรับจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 

    คะแนน : 6.5
 
    ศศลักษณ์ ไหประโคน  “เป็นวันที่ฟอร์มไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเท่าไหร่ หลังได้รับโอกาสลงสนามในเกมนี้ บางจังหวะในการกระชากลากเลื้อยยังดูติดๆขัดๆ ทำให้ลงเล่นในแมตช์นี้ได้เพียง 60 นาทีเท่านั้น

    คะแนน : 5
    
    สุภโชค สารชาติ “ฟอร์มการเล่นอาจไม่ค่อยไฉไลเหมือนกับ 2 เกมที่ผ่านมาเท่าไหร่นัก แต่ยังมีโอกาสพาบอลปั่นป่วนผู้เล่นยูเออีได้อยู่เหมือนกัน แต่ผลงานโดยรวมตลอด 90 นาทียังถือว่าไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากนัก

    คะแนน : 6
    
    เอกนิษฐ์ ปัญญา “เรียกได้ว่าเป็นแมตช์แจ้งเกิดของเจ้าบุ๊คก็ว่าได้ หลังเป็นคนที่จ่าย 1 ลูกให้กับ “เทพมุ้ย” โขกขึ้นนำ ก่อนจะเป็นคนยิงประตูชัยให้ไทยเอาชนะยูเออีได้สำเร็จ แน่นอนลูกยิงสำคัญลูกนี้ คงเป็นประตูเตรียมฉลองวันเกิดครบรอบ 19 ปีบริบูรณ์ของเจ้าตัว ที่จะเกิดในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ไปเลยทีเดียว

    คะแนน : 7.5
 
    ธีรศิลป์ แดงดา “การกลับมาของเจ้ามุ้ยทำให้รู้ว่า เขายังเป็นกองหน้าที่ทีมชาติไทยต้องมีจริงๆ แถมโหม่งประตูขึ้นนำยูเออีไปก่อนตั้งแต่ช่วงต้นขึ้นแรก ซึ่งเป็นการทาบสถิติยิงประตูเท่ากับ  “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ไปเป็นที่เรียบร้อย นอกนั้นผลงานโดยรวมถือว่าน่าประทับใจจริงๆ

    คะแนน : 7

    ผู้เล่นสำรอง

    ศิวกรณ์ เตียตระกูล “ลงมาเล่นแทน ศศลักษณ์ ไหประโคน ในนาทีที่ 60 อาจสร้างสรรค์บทบาทได้ไม่มาก แต่ก็มีลูกตั้งเตะที่ทำให้มีลุ้นได้เหมือนกัน

    คะแนน : 5.5
 
    นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม “ลงมาเล่นแทน สารัช อยู่เย็น ในนาทีที่ 86 ซึ่งเป็นช่วงท้ายเกมแล้ว จึงไม่สามารถให้คะแนนได้”

    ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา “ลงมาเล่นแทน นิติพงษ์ เสลานนท์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจึงไม่สามารถให้คะแนนได้”

post

วิเคราะห์บิ๊กแมตช์ “ลิเวอร์พูล” ปะทะ “เลสเตอร์” ศึกพรีเมียร์ลีก

Football-246

“หงส์แดง”ลิเวอร์พูล เตรียมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ในศึกพรีเมียร์ลีก คู่บิ๊กแมตช์ คืนนี้ (5 ต.ค.) เวลา 21.00 น.

ความเคลื่อนไหวศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 ประจำวันเสาร์ที่ 5 ต.ค. เกมไฮไลต์อยู่ที่สนามแอนฟิลด์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 3 เริ่มแข่ง 21.00 น. 

เกมนี้ เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ตั้งเป้าพาทีมเก็บชัยชนะในลีก 8 นัดติดต่อกัน เพื่อเก็บ 3 คะแนนและทำแต้มหนี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อไป เกมนี้ต้องลุ้นว่า โจเอล มาติป จะฟิตทันหรือไม่ ถ้าไม่ไหวก็เป็น โจ โกเมซ คุมแนวรับคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ส่วน 3 ประสานแนวรุกทั้ง ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต เฟอร์มิโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมล่าตาข่าย

ขณะที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ ซิตี้ เกมลีกนัดที่แล้วระเบิดฟอร์มโหด ถล่มนิวคาสเซิล 5-0 ความมั่นใจสูงลิบ คราวนี้บุกแอนฟิลด์หวังมีแต้มกลับไปแน่นอน แถมได้ข่าวดี เจมส์ แมดดิสัน พร้อมลงปั้นเกมรุก มี เจมี วาร์ดี คอยลั่นสกอร์

สถิติพบกัน 5 ครั้งหลังสุดในพรีเมียร์ลีก: ลิเวอร์พูล ชนะ 3 ครั้งเสเตอร์ ชนะ 1 ครั้ง เสมอกัน 1 ครั้ง

วิเคราะห์: แมตช์นี้น่าดูมาก เป็นบอลเกมรุกทั้งสองทีม เกมนี้ถ้าลิเวอร์พูลไม่สามารถส่ง โจเอล มาติป ลงสนามได้ มีปัญหาแน่นอนเพราะ โจ โกเมซ ฟอร์มไม่ดีในในนัดล่าสุด แถม วาร์ดี ของเลสเตอร์ก็ฟอร์มกำลังเข้าฝัก ให้ ฟาน ไดค์ แบกคนเดียวเหนื่อยแน่ อย่างไรก็ตามเกมนุกของหงส์แดงยังไว้ใจได้เสมอ ส่วน เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ แมดดิสัน กลับมาทำให้แนวรุกโหดขึ้นกว่าเดิม ส่วนเกมรับก็อยู่ในฟอร์มที่ดี คาดว่าโอกาสจบลงที่ผลเสมอมีสูงมาก

ทำนายผลแข่ง: ลิเวอร์พูล เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-2