post

เดือด!ลิเวอร์พูลขอเฮ6นัดติด ‘ซาลาห์’ พร้อมซัด,เชลซียิ้ม ‘ก็องเต้’ คืนทัพล่า

Football-212

คู่เดือดประจำวัน…”หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงลุ้นคว้าชัย 6 นัดรวดโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พร้อมลงลั่นไกเกมเยือนถิ่น “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หายเจ็บพร้อมลงช่วยปิดสกอร์ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : True Premier HD 1 และ ID Station, เวลา : 22.30 น.

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

    แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ สิงโตน้ำเงินคราม พาทีมไม่แพ้ใครในลีกมา 4 เกมติดต่อกัน ทว่าเมื่อกลางสัปดาห์ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาสะดุดแพ้ บาเลนเซีย 0-1 คาบ้านของตัวเอง

    ส่วนในลีกเมื่อสัปดาห์ก่อนโชว์ฟอร์มได้สุดยอดด้วยการบุกถล่ม วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 จาก แฮต-ทริกของ แทมมี่ อับราฮัม

    เชลซี ต้องลุ้นความฟิตของ เมสัน เมาน์ต ตัวรุกคนสำคัญที่เจ็บข้อเท้าจากเกม ชปล.เมื่อกลางสัปดาห์

    ข่าวดีก็คือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หายเจ็บและซ้อมได้เต็มที่แล้วน่าจะลงเล่นเกมนี้ได้เลย ทว่า เอเมอร์สัน ที่เจ็บต้นขายังลงไม่ได้เช่นเดิม

    เช่นเดียวกับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย (เอ็นร้อยหวาย) และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค (น่อง) ยังไม่พร้อมทั้งคู่

    ฟาก เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงพาทีมออกสตาร์ตด้วยชัยชนะ 5 เกมติดต่อกัน โดยเมื่อสัปดาห์ก่อนเปิดรัง แอนฟิลด์ ถล่ม นิวคาสเซิ่ล ไป 3-1

    อย่างไรก็ตามใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาออกไปแพ้ให้กับ นาโปลี 0-2 ที่ อิตาลี

    ดีว็อค โอริกี้ กองหน้าเบลเยี่ยมมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าไม่น่าจะมีชื่อในเกมนี้

    นาบี เกอิต้า ผู้เล่นมิดฟิลด์กลับมาซ้อมได้เต็มที่แล้ว ขณะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ โกล์มือ 1 และ เนธาเนี่ยล ไคลน์ ยังคงไม่พร้อมสำหรับเกมนี้เช่นเคย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
    เชลซี (3-4-2-1) : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า – อันโตนิโอ รือดิเกอร์, อันเดรส คริสเตนเซ่น, ฟิคาโย่ โทโมริ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ – วิลเลี่ยน, เมสัน เมาน์ต (คริสเตียน พูลิซิช) – แทมมี่ อับราฮัม
    ผู้จัดการทีม : แฟร้งค์ แลมพาร์ด

    ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติ๊ป, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่
    ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์

    ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– เชลซี ชนะเวลาเจอทีมจ่าฝูง ณ วันนั้น 18 ครั้งมากสุดในลีก
– เกมเชลซีลงสนามีการทำประตู 22 ลูก สูงสุดลีกร่วมกับ แมนฯ ซิตี้
– เชลซี เสีย 11 ประตูในลีกซีซั่นนี้ มีเพียง นอริช (12) ที่เสียมากกว่า
– เชลซี ยังเก็บคลีนชีตไม่ได้เลยตลอดทั้ง 6 นัดรวมทุกรายการซีซั่นนี้
– เชลซี ไม่ชนะใน 3 เกมหย้าซีซั่นนี้เป็นสถิติแย่สุดตั้งแต่ตอนอยู่ดิวิชั่น 2 (เดิม) ซีซั่น 198-89
– ลิเวอร์พูล หวังเป็นทีมแรกที่เปิดหัวชนะรวด 6 เกมลีก สองฤดูกาลติดต่อกัน
– ลิเวอร์พูล ชนะเกมลีก 14 นัดติดต่อกัน เป็นสถิติสโมสรและตามหลังสถิติลีกที่ แมนฯ ซิตี้ ทำไว้ 18 นัด เดือนธันวาคม 2017
– ลิเวอร์พูล แพ้หนเดียวจาก 44 เกมพรีเมียร์ลีกหลังสุด (ชนะ 36 เสมอ 7)
– ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไร้พ่ายในลีก 22 นัดติดต่อกันเป็นสถิติสโมสร (ชนะ 18 เสมอ 4)
– ลิเวอร์พูล ชนะหนเดียวจาก 12 เกมลีกนอกบ้านหลังสุดที่พบทีมบิ๊กซิกซ์ (เสมอ 6 แพ้ 5)
– ลิเวอร์พูล ขึ้นนำตอนพักครึ่ง และชนะตอนครบ 90 นาทีทั้ง 5 เกมลีกซีซั่นนี้
– ซาดิโอ มาเน่ ยิงไปแล้ว 49 ประตูจาก 97 เกมพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล


ผลการพบกันที่ผ่านมา
วันเดือน/ปี รายการ ผลการแข่งขัน

15/08/19    ซูเปอร์คัพ    ลิเวอร์พูล     2-2 เชลซี
14/04/19    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    2-0 เชลซี
29/09/18    พรีเมียร์ลีก    เชลซี    1-1 ลิเวอร์พูล
27/09/18    ลีก คัพ    ลิเวอร์พูล    1-2 เชลซี
06/05/18    พรีเมียร์ลีก    เชลซี    1-0 ลิเวอร์พูล
26/11/17    พรีเมียร์ลีก    ลิเวอร์พูล    1-1 เชลซี

ผลงาน 5 นัดหลัง
เชลซี
17/09/19    แพ้ บาเลนเซีย 0-1 (เหย้า) ชปล.
14/09/19    ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
31/08/19    เสมอ เชฟฯ ยูไนเต็ด 2-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
24/08/19    ชนะ นอริช ซิตี้ 3-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
18/08/19    เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก

ลิเวอร์พูล
17/09/19    แพ้ นาโปลี 0-2 (เยือน) ชปล.
14/09/19    ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
31/08/19    ชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
24/08/19    ชนะ อาร์เซน่อล 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
17/08/19    ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

post

ทีเด็ดกรีนวู้ด! ตัดเกรดแข้งแมนยูลุ้นเหนื่อยเบียดชนะอัสตานา

Football-201

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บสามแต้มประเดิมยูโรปา ลีกได้สำเร็จแม้จะต้องหืดจับกว่าจะชนะ อัสตานา ได้ก็ตาม เป็นเกมที่ผีแดงเหนือกว่าคู่แข่งมากแต่หาทางเจาะประตูไม่ได้เสียที จนกระทั่ง เมสัน กรีนวู้ด มายิงปลดล็อค เกมนี้มีนักเตะหนึ่งรายที่คัมแบ็กกลับมาเล่นเป็นตัวจริงและสามารถทำคะแนนไป 7.5 แต้ม เราไปดูคะแนนแข้งปีศาจแดงกัน

เซร์คิโอ โรเมโร่ 6

ไม่ได้เซฟลูกยากอะไรมากนัก ลูกที่เหลือก็รับค่อนข้างชัวร์

ดีโอโก้ ดาโลต์ 5.5

เติมเกมรุกอยู่ตลอด ได้บอลค่อนข้างบ่อยมีหลายจังหวะเอาตัวรอดได้ดี แต่ปัญหาของเขาคือลูกครอสด้านข้างที่แทบไม่ตรงเป้าเลย

ฟิล โจนส์ 6

เกมรับอาจจะดูไม่ค่อยนิ่งแต่ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดมากนัก ยังเจอบบททดสอบน้อย 

อั๊กเซล ตวนเซเบ้ 7

อัสตานา เหมือนเปิดบอลฉิ่งกำแพงเพราะกลางสนามติดกองหลังคนนี้หมด ดูค่อนข้างนิ่งและมั่นใจ มีช่วยเติมเกมรุกด้วย

มาร์กอส โรโฮ 6

เติมเกมรุกเมามันส์ ลูกยิงไกลของเขาได้ลุ้นอยู่พอสมควร เปิดบอลเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา 

เนมานย่า มาติช 5

บททดสอบในแดนกลางค่อนข้างน้อย มีตัดบอลสวยๆบ้าง แต่มักจะจับบอลพลาดจนทำเกมรุกเสียจังหวะและจ่ายค่อนข้างช้าเช่นเคย

เฟร็ด 7.5

เกือบยิงประตูตั้งแต่ต้นเกมแต่บอลชนคาน ยิงฟรีคิกก็ได้ลุ้นเพราะยิงติดเซฟ จ่ายบอลออกซ้ายขวาสวยๆหลายรอบ 

เมสัน กรีนวู้ด 7

ได้โอกาสยิงประตูอยู่หลายครั้ง สองครั้งแรกข้ามคาน มียิงไปแฉลบกองหลังเด้งไปชนเสา จนสุดท้ายมาทำประตูชัยได้สำเร็จ

แองเจล โกเมส 7

ความคล่องตัวของเขาปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งได้ดีหลายครั้ง จ่ายบอลสวยได้ฉลาด แต่การเปิดลูกเตะมุมยังไม่มีประสิทธิภาพ และบทบาทเริ่มน้อยลงจนถูกเปลี่ยนออก

ตาฮิธ ชอง 4

ช่วยเกมรุกได้น้อยที่สุดในเกมนี้ ทำเสียบอลง่าย พยายามโยกไปเล่นทั้งฝั่งซ้ายและขวา แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นจนถูกเปลี่ยนตัวออก

มาร์คัส แรชฟอร์ด 5

มีโอกาสยิงเน้นๆเยอะกว่าใครเพื่อน แต่ส่วนใหญ่ติดเซฟของผู้รักษาประตูหมด ขณะที่ลูกฟรีคิกยังคงหวังพึ่งไม่ได้เช่นเคย

ผู้เล่นสำรองที่ลงสนาม

เจสซี่ ลินการ์ด 5 (ลงมาแทน ตาฮิธ ชอง นาทีที่ 68)

ลูกยิงไกลของเขาไปชนเสา แต่มีจังหวะหลุดเดี่ยวไปยิงน่าผิดหวัง

ฆวน มาต้า 5 (ลงมาแทน แองเจล โกเมส นาทีที่ 68)

เก็บบอลกับตัวได้ดี แต่ยังช่วยเกมรุกไม่ได้มากนัก

แอชลีย์ ยัง 5 (ลงมาแทน มาร์กอส โรโฮ นาทีที่ 78)

ลงมาก็เน้นช่วยเกมรับ

post

โลกแตกจะทำได้หรือเปล่า ? 5 สถิติพรีเมียร์ลีกที่ยากจะทำลาย

Football-188

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นหนึ่งในลีกที่ดีที่สุดในวงการลูกหนังยุโรปนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อฤดูกาล 1992/93 ซึ่งถูถนำมาแทนที่การแข่งขันฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 เมืองผู้ดี โดยมี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ครองความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ 13 สมัย โดยรวมทั้งหมดในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอยู่ที่ 20 สมัย

    ตลอดระยะเวลา 27 ปีในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก มีนักเตะชั้นยอดมากมายที่เดินทางมาค้าแข้งในเมืองผู้ดีกับหลายๆ สโมสร โดยนักเตะเหล่านี้ยังได้สร้างความทรงจำเอาไว้ในเกมลีกมากมาย โดยเฉพาะกับการสร้างสถิติที่ถือว่าน่าเหลือเชื่อมากๆ

    จากคำโบราณที่บอกว่า “สถิติมีไว้เพื่อทำลาย” อาจจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่สถิติบางอย่างมันก็ยากจะทำลายได้จริงๆ โดยเฉพาะในการแข่งขันลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เพราะสถิติเหล่านี้เมื่อมองดูแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะมีใครสามารถทำลายลงได้ในอนาคตอันใกล้นี้ 

1. ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด – อลัน เชียเรอร์ 260 ประตู (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส)

Football-189

    สำหรับการยิงประตูจำนวน 260 ลูกในลีกสูงสุดประเทศอังกฤษ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ฉะนั้นคงไม่ผิดอะไรที่จะยก “ฮอตชอต” อลัน เชียเรอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ คือตำนานของพรีเมียร์ลีก เพราะผลงานที่เขาสร้างเอาไว้มันยากจะทำลายได้จริงๆ

    เชียเรอร์ ซึ่งได้รับการเชิดชูว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดกองหน้าที่ดีที่สุดของ อังกฤษ ยิงประตูมากมายก่ายกองจากการเล่นให้กับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ตามด้วย นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งเขามีอัตราการตะบันตาข่ายคู่แข่งถึง 0.59 ประตูต่อแมตช์ ขณะเดียวกันยังทำ 64 แอสซิสต์ด้วย

Football-190

    นอกจากสถิติการยิงประตูถล่มทลายแล้ว เชียเรอร์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักเตะที่ซัดแฮตทริกมากที่สุด ยังมีสถิติการยิงประตูจากในเขตโทษ และจุดโทษ มากมายมหาศาล กระนั้นสถิติการซัดแฮตทริกของเขาอาจจะโดนทำลายในเร็วๆ นี้ เพราะ เซร์คิโอ อเกวโร่ หัวหอกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตะบันแฮตทริกไปแล้ว 11 ครั้งซึ่งเท่ากับ “ฮอตชอต” และดูเหมือนจะทำได้อีกหากยังค้าแข้งกับ “เรือใบสีฟ้า” ต่อไป

    ตอนนี้มีนักเตะเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่ตะบันประตูเกิน 200 ลูกในพรีเมียร์ลีก ได้แก่ เชียเรอร์ กับ เวย์น รูนี่ย์ ขณะที่ แฮร์รี่ เคน ซึ่งว่ากันว่าเป็นกองหน้าที่เก่งที่สุดของ อังกฤษ ในเวลานี้ ซัดไปแล้ว 128 ประตูให้กับ สเปอร์ส ในวัยเพียง 26 ปี เขาอาจจะทำสถิติแซงหน้าตำนานเบอร์ 9 ทัพ “สิงโตคำราม” ไหม ? เวลาเท่านั้นที่่จะบอกได้ !!!

2. โหม่งทำประตูมากที่สุด – ปีเตอร์ เคร้าช์ 53 ประตู (แอสตัน วิลล่า, เซาธ์แฮมป์ตัน, ลิเวอร์พูล, พอร์ทสมัธ, สเปอร์ส และสโต๊ค ซิตี้)

Football-191

    ในพรีเมียร์ลีกมีกองหน้าทำประตูมากมาย แต่สำหรับ ปีเตอร์ เคร้าช์ โดดเด่นเป็นสง่ากว่าดาวยิงคนอื่นๆ เพราะประตูเกือบครึ่งที่เขาทำได้ในลีกสูงสุดมากจากหัวกบาล ฉะนั้นต้องยอมรับว่า ดาวยิงร่างโย่ง เป็นนักฟุตบอล “หัวดี” อย่างไม่ต้องสงสัย

    เป็นเรื่องปกติเมื่อ เคร้าช์ ลงสนามเขาจะโดดเด่นกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ เนื่องจากมีรูปร่างสูงโย่งผอมเกร็ง ฉะนั้นด้วยธรรมชาติที่เกิดมาได้เปรียบทำให้เจ้าตัวใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ในการโหม่งทำประตู แน่นอนว่าตลอดช่วงเวลาเกือบ 20 ปีที่โลดแล่นในวงการลูกหนัง อดีตเด็กปั้น สเปอร์ส ยิงประตูด้วยการโหม่ง 53 ลูกก่อนที่จะแขวนเกือกเมื่อเดือนกรกฎาคมนี้ 

Football-192

    เคร้าช์ ทำประตูด้วยลูกโหม่งกับทุกๆ สโมสรที่เขาเคยค้าแข้งด้วย รวมทั้งในยามที่เล่นให้ทีมชาติอังกฤษ แต่เขาต้องผิดหวังในการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายกับการค้าแข้งให้กับสโมสรสุดท้ายนั่นก็คือ เบิร์นลี่ย์ เมื่อได้ลงสนาม 6 แมตช์แต่ไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ดเลย 

    อย่างไรก็ตาม สามีของ  แอ็บบี้ แคลนซี่ นางแบบสุดเซ็กซี่ ได้สร้างชื่อให้โลกจดจำไปแล้ว เมื่อเขาถูกบันทึกเอาไว้ในกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดเมื่อปี 2018 ว่าเป็นนักฟุตบอลที่โหม่งประตูมากที่สุด 

Football-193

    ทั้งนี้ เชียเรอร์ ซึ่งยิงประตูในลีกมากที่สุด ใช้กบาลโหม่งบอลเข้าประตู 46 ลูก โดย 87 เปอร์เซ็นต์จากประตูที่ทำได้มาจากในกรอบเขตโทษ ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะได้ประตูจากการเล่นบอลโยนยาว โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกองหลังตัวใหญ่ตามประกบ แต่ เคร้าช์ เป็นกรณียกเว้น

3. แอสซิสต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก – ไรอัน กิ๊กส์ 162 ครั้ง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)  

Football-194

    ตำนานปีกพ่อมดเลือดเวลส์ ได้เขียนชื่อตัวเองเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เล่นอยู่กับสโมสรเดียวจนกระทั่งแขวนเกือก นั่นก็คือ แมนนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

    ไรอัน กิ๊กส์ สวมชุด “เร้ด เดวิลส์” ลงสนามถึง 22 ฤดูกาล ซึ่งเขาเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของ แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือทีมคู่แข่งในลีก นั่นก็คือการนำสโมสรคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ (พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) เมื่อฤดูกาล 1998/99 และสะสมโทรฟี่แชมป์ไปถึง 34 รายการ

Football-195

    กิ๊กส์ ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วงที่ใช้เวลาค้าแข้งกับสโมสร โดยเฉพาะการเติมเกมบุกในพื้นที่สุดท้าย แม้ “กิ๊กซี่” จะไม่ได้ชื่อว่าเป็นจอมถล่มประตูเพราะเขาซัดไป 109 ลูกให้กับต้นสังกัด แต่ความสามารถในการกระชากลากเลื้อยหนีคู่แข่ง และส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู ส่งให้เขากลายเป็นตำนานจนทุกวันนี้

    อดีตปีกทีมชาติเวลส์ ซึ่งตัดสินใจแขวนเกือกในปี 2014  และปัจจุบันทำหน้าที่กุมบังเหียนทีมชาติเวลส์ ยังคงเป็นยอดนักเตะที่ป้อนบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้มากที่สุด โดยยากที่จะมีใครทำสถิติแซงหน้าได้

4. คลีนชีตมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก – ปีเตอร์ เช็ก 202 คลีนชีต (เชลซี, อาร์เซน่อล)

Football-196

    ปีเตอร์ เช็ก ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่เหนียวหนึบที่สุดในยุคของเขา และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ได้รับการจดจำมากที่สุดซึ่งต้องขอบคุณเฮดการ์ดที่เจ้าตัวใส่ลงสนามเป็นประจำ แต่เรื่องนี้มีเหตุผลเนื่องจากเจ้าตัวเคยประสบเหตุกะโหลกร้าวตอนที่ช่วยทีมปะทะกับ เรดดิ้ง เมื่อปี 2006

    หากมีการพิจารณาผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดตลอดกาลในพรีเมียร์ลีก เช็กสามารถขึ้นทำเนียบนี้ได้เลยเพราะสถิติที่เขาสร้างเอาไว้ในยิ่งใหญ่เกินจะบรรยาย คิดดูก็แล้วกันจะมีโกลคนไหนที่สามารถเก็บคลีนชีตได้ถึง 202 แมตช์ตลอดระยะเวลาที่เฝ้าเสาให้กับ เชลซี และ อาร์เซน่อล

Football-197

    คิดดูก็แล้วว่า ตำนานนายทวารทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลลีกสูงสุดที่ช่วยต้นสังกัดไม่เสียประตูมากกว่า 200 เกม 

    เช็ก ก้าวขึ้นสู่จุดสุดยอดตั้งแต่วัยรุ่น โดยเขาย้ายมาเล่นกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” ในฤดูกาล 2004/05 เขาคงไม่สามารถขออะไรที่ดียิ่งกว่านี้ได้อีกแล้วกับการเริ่มต้นอาชีพในประเทศอังกฤษ โดย เช็ก ยึดมือ 1 มาจาก คาร์โล คูดิชินี่ ซึ่งตอนนั้นต้องพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บ ได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังทำสถิติเก็บ 24 คลีนชีตในซีซั่นนั้นด้วย

Football-198

    ที่สำคัญสถิติ 24 คลีนชีตจากการเล่น 38 แมตช์ในฤดูกาล 2004/05 ยังไม่มีนายทวารคนไหนทำลายได้  และนั่นเป็นส่วนหนึ่งจากสถิติ 202 คลีนชีต ต้องบอกว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในสถิติที่ยากจะทำลายได้จริงๆ โดย ดาบิด เด เคอา มือ 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสถิติใกล้เคียงแต่ก็ยังห่างไกลโดยทำ 120 คลีนชีต 

     สำหรับในยุคฟุตบอลสมัยใหม่ เช็ก ถือเป็นนายทวารที่สร้างความประทับใจมากๆ เพราะมีความสุข, แข็งแกร่ง, ใจกล้า และมีปฏิกิริยารวดเร็วว่องไว รวมทั้งยืนตำแหน่งได้ดีเยี่ยม โดยหลังจากที่ตัดสินใจแขวนถุงมือเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ตอนนี้เขาหันไปทำหน้าที่ใหม่ด้วยการรับงานเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคและศักยภาพคนใหม่ของ เชลซี

5. ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด – แกเร็ธ แบร์รี่ 653 เกม (แอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน และ เวสต์บรอมวิช)

Football-199

     แกเร็ธ แบร์รี่ ซึ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2012 ปัจจุบันยังคงเป็นนักฟุตบอลที่ลงสนามในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมากที่สุดจำนวน 653 เกม 

    การโลดแล่นบนสังเวียนหญ้าเขียวขจีมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากการเล่นให้ แอสตัน วิลล่า ซึ่งเขาใช้เวลานานถึง 12 ปี จนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีม เขาใช้เวลาค้าแข้งในอังกฤษมาตลอดโดยเล่นในพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 21 ฤดูกาล และเคยผ่านการลิ้มรสชาติในการเล่นระดับแชมเปี้ยนชิพตอนที่นำ เวสต์บรอม ตกชั้นในปี 2018

Football-200

    แม้ว่า แบร์รี่ จะเป็นนักฟุตบอลที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดก็ตาม แต่หากจำนวนซีซั่นที่เล่นในลีกสูงสุดยังคงเป็นรอง ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งอยู่โชว์ฝีเกือกในพรีเมียร์ลีก 22 ฤดูกาล (แบร์รี่ 21 ซีซั่น)

post

ทีมยอดแย่พรีเมียร์ลีก แข้งแมนซิ,อาร์เซน่อล สุดบู่รับรั่ว

Football-159

มาดูทีมยอดแย่ประจำสัปดาห์กันบ้าง สัปดาห์นี้นำโดยบรรดาแนวรับที่พร้อมใจกันทำผลงานย่ำแย่ จะมีใครบ้างไปดูกันได้เลย

ผู้รักษาประตู : รุย ปาทริซิโอ(วูล์ฟส์)

Football-160

    เป็นวันที่แย่ของนายด่านทีมชาติโปรตุเกสจริงๆ โดนยิงในบ้านตัวเองถึง 5 ลูก และทีมก็แพ้ไปย่อยยับ ซึ่งนับเป็นการเสีย 5 ประตูในโมลินิวซ์ ครั้งแรกนับตั้งแต่พ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-5 เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2012

กองหลัง : โรเมน ซาอิสส์(วูล์ฟส์)

    โดนแนวรุกเชลซีเล่นงานจนเสียกระบวนท่า เกมนี้เขาไม่สามารถตัดบอลได้เลยสักครั้ง

กองหลัง : อาร์เธอร์ มาซูอากู(เวสต์แฮม)

    เข้าบอลไม่ระวังจนโดนใบเหลืองที่สอง ไล่ออกจากสนาม

กองหลัง : นิโกลัส โอตาเมนดี้(แมนฯซิตี้)

Football-161

    น่าโดนตำหนิที่สุดที่พลาดเสียบอลหน้าประตูตัวเองจนทำให้ทีมเสียประตู แถมตลอดทั้งเกมยังดูไม่น่าเชื่อใจได้เลย

กองหลัง : โซคราติส(อาร์เซน่อล)

Football-162

    หากใครได้ดูเกมนี้ หรือดูไฮไลท์ คงทราบดีถึงความผิดพลาดของแนวรับทีมชาติกรีซคนนี้ ไม่มีเหตุผลใดๆเลยที่เขาจะต้องทำแบบนั้น

กองหลัง : พาทริก ฟาน อันโฮลท์(คริสตัล พาเลซ)

    โชคร้ายบอลมาโดนตัวเปลี่ยนทางเป็นประตู อย่างไรก็ตามผลงานโดยรวมของ ฟาน อันโฮลท์ ไม่ได้ดีเท่าไหร่เลย

กองกลาง : จอนโจ้ เชลวี่ย์(นิวคาสเซิ่ล)

    เล่นต้นเกมทำท่าจะเล่นดี แต่พอเวลาเดินไปเรื่อยๆ ก็ถูกผู้เล่นลิเวอร์พูล จัดการอยู่หมัด

กองกลาง : ดาบิด ซิลบา(แมนฯซิตี้)

Football-163

    สร้างสรรค์เกมรุกให้ซิตี้ ไม่ดีเลย เล่นไม่ออก เป็นเกมที่เขาเล่นได้แย่มาก จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง

กองกลาง : อิลคาย กุนโดกัน(แมนฯซิตี้)

    อีกหนึ่งแข้งเรือใบสีฟ้าที่โชว์ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานและก็ถูกเปลี่ยนตัวออกในเวลาไล่เลี่ยกับดาบิด ซิลบา

กองหน้า : เจมี่ วาร์ดี้(เลสเตอร์)

Football-164

    โดนแนวรับแมนฯยูไนเต็ด ตามประกบจนเล่นไม่ออก และตามสถิติพบว่าวาร์ดี้ ไม่มีโอกาสง้างเท้าทำประตูเลยสักครั้งในเกมนี้

กองหน้า : เวสลี่ย์(แอสตัน วิลล่า)

post

แข้งเชลซีโดดเด่น-นอริชไม่น้อยหน้า ติดทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 5

Football-149

ทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์พรีเมียร์ลีก นัดที่ 5 ผู้เล่นจากเชลซี ติดทีมมากที่สุด ส่วนนักเตะจากทีมล้มยักษ์ นอริช ก็ติดมาเช่นเดียวกัน ที่เหลือจะมีใครบ้าง ไปดูกันได้เลย

ผู้รักษาประตู : ลูคัส ฟาเบียงสกี้(เวสต์แฮม)

    ช่วยเซฟประตูให้กับขุนค้อนได้ถึง 5 ครั้ง พาทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ในค่ำคืนที่เวสต์แฮม ต้องเหลือผู้เล่น 10 คน

กองหลัง :  แฮร์รี่ แม็กไกวร์(แมนฯยูไนเต็ด)

Football-150

    ทำหน้าที่ได้ดีในเกมที่เผชิญหน้ากับทีมเก่า แม็กไกวร์ ดวลเอาชนะผู้เล่นเลสเตอร์ ได้ถึง 6 จาก 10 ครั้ง, 4 ครั้งในเรื่องลูกกลางอากาศ รวมถึงเคลียร์บอลได้ 5 ครั้ง และแย่งบอลคืนกลับมาได้อีก 6 ครั้ง 

กองหลัง : ฟิคาโย่ โทโมริ(เชลซี)

Football-151

    แนวรับวัย 21 ปี ได้รับโอกาสเป็นตัวจริง และทำประตูได้อย่างสุดสวย เรื่องเกมรับโทโมริ ยังจัดการราอูล ฮิเมเนซ ได้อยู่หมัด

กองหลัง : แซม บายรัม(นอริช)

Football-152

    แม้ทีมจะเสียสองประตู แต่ความโดดเด่นของแบ็กขวา วัย 26 ปี รายนี้ 

กองกลาง : เมสัน เมาท์(เชลซี)

    ยิ่งเล่นยิ่งดี และเป็นนักเตะที่แฟร้งค์ แลมพาร์ด โปรดปรานมากเป็นพิเศษ เกมนี้ยังยิงประตูได้อีกด้วย

กองกลาง : เคนนี่ แม็คลีน(นอริช)

Football-153

    มิดฟิลด์เลือดสกอตช์ เล่นได้ดีเหลือเกิน แถมยังยิงประตูใส่แชมป์เก่าได้ เล่นเกมรับได้ดีมากคอยไล่ตัดเกมของแมนซิตี้ โดยเกมนี้เขาเคลียร์บอลได้ 7 ครั้ง

กองกลาง : เอมิเลียโน่ บุนเดีย(นอริช)

Football-154

    อีกหนึ่งผู้เล่นสุดโดดเด่นของนกขมิ้นเหลืองอ่อน แม้จะไม่มีประตูเขาเพลย์เมคเกอร์ฟ้า-ขาว วัย 22 ปี ก็จัดแอสซิสต์ให้เพื่อนได้ 2 ครั้ง ไม่แปลกที่เขาจะได้รับฉายาจอมแอสซิสต์แห่งศึกแชมเปี้ยนชิก เมื่อซีซั่นที่แล้ว

กองกลาง : มูสซ่า เฌเนโป้(เซาธ์แฮมป์ตัน)

Football-155

    ปีกจอมเลื้อยชาวมาลี ซัดประตูชัยให้เซาธ์แฮมป์ตัน บุกฉกสามแต้มจากถิ่นเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

กองหน้า : ซน ฮึง-มิน(สเปอร์ส)

Football-156

    อาซนเล่นได้เด่นสุดเกินใครในทีมสเปอร์ส เขามักจะทำประตูได้บ่อยๆเมื่อได้เล่นที่ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม ซึ่งตามสถิติก็บอกว่าเขาคือดาวซัลโวที่สนามแห่งนี้ โดยยิงได้ 4 จาก 7 นัดที่นี่

กองหน้า : แทมมี่ อับราแฮม(เชลซี)

Football-157

    ฟอร์มฮอตเกินห้ามใจ หลังก่อนหน้านี้ 2 เกม ยิงได้ 2 ประตูทั้งสองนัด มาเกมนี้ เจ้าหนูแทมมี่จัดแฮตทริกมาฝากแฟนๆสิงห์บลูส์ ซึ่งทำให้เขาเป็นนักเตะคนที่สามในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่ทำประตูได้อย่างน้อย 2 ลูก 3 เกมติด ในช่วงอายุต่ำกว่า 21 ปี ต่อจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เมื่อปี 2006 และ เดเล่ อัลลี เมื่อปี 2017

    นอกจากนี้อับราแฮม ยังเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงแฮตทริกและทำเข้าประตูตัวเองได้ในเกมเดียวกัน

กองหน้า : ซาดิโอ มาเน่(ลิเวอร์พูล)

Football-158

    ยิงประตูด้วยความเฉียบคมพาลิเวอร์พูล ยิงประตูตีเสมอนิวคาสเซิ่ล เขาเป็นคนแรกที่เล่นในบ้านตัวเองแล้วทีมไม่เคยแพ้ใคร 50 นัดติดต่อกัน

post

ใคร?คาร์ราเกอร์ชี้แข้งจุดอ่อนไม่เหมาะกับแมนซิตี้

Football-148

เจมี่ คาร์ราเกอร์ ระบุ ในขุมกำลังของ แมนฯ ซิตี้ ในตอนนี้นั้น คนที่ตนคิดว่าไม่เก่งพอที่จะเล่นให้ทีมคือ นิโกลัส โอตาเมนดี้ พร้อมเผย ไม่เคยชอบฝีเท้าของ โอตาเมนดี้ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

    เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตยอดกองหลังของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่า นิโกลัส โอตาเมนดี้ ปราการหลังชาวอาร์เจนไตน์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีคุณภาพดีพอที่จะเล่นให้ “เรือใบสีฟ้า”

    โอตาเมนดี้ เล่นผิดพลาดอย่างหนักในเกมลีกนัดล่าสุดที่ต้นสังกัดของเขาออกไปแพ้ นอริช ซิตี้ 2-3 เมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งมันก็ส่งผลเสียต่อการลุ้นแชมป์ลีกตั้งแต่ต้นฤดูกาล เพราะตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ ตามหลัง ลิเวอร์พูล ที่เป็นจ่าฝูงอยู่ 5 แต้มด้วยกัน

“เขาพุ่งเข้าหาคู่แข่งแบบทะเล่อทะล่า เขาทำอย่างนั้นมาตลอดอาชีพการเล่นของเขา เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเองแน่ๆ และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ดีพอที่จะเล่นให้ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผมไม่เคยเชื่อมั่นในฝีเท้าของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว และสิ่งที่ผมเห็นตลอดช่วง 4 หรือ 5 ปีที่ผ่านมามันก็ไม่ได้เปลี่ยนความคิดของผมเลยแม้แต่นิดเดียว” คาร์ราเกอร์ เผย

post

อดีตแข้งลิเวอร์พูลมั่นใจค่าตัวซาลาห์,มาเน่สูงลิบแน่นอน

Football-147

จอห์น อัลดริดจ์ อดีตศูนย์หน้า ลิเวอร์พูล มั่นใจ ถ้าหาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ ซาดิโอ มาเน่ ย้ายออกจาก “หงส์แดง” ทั้งคู่ก็น่าจะมีค่าตัวสูงกว่า 100 ล้านปอนด์ พร้อมชี้ รายของ มาเน่ ต้องชม เจอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานที่ฝึกเจ้าตัวได้ดีจนกลายเป็นเครื่องจักรถล่มประตูแล้ว

    มาเน่ ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2016 ด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,292 ล้านบาท) ขณะที่ ซาลาห์ เข้ารั้ว แอนฟิลด์ ในอีก 1 ปีต่อมา หลังจากทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จ่ายค่าตัวไปรวมแล้ว 50 ล้านยูโร (ประมาณ 1,700 ล้านบาท) และทั้งคู่ก็กลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าของ ลิเวอร์พูล หลังจากพวกเขาทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แถมซีซั่นก่อนก็พาทีมได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปครองด้วย

    อัลดริดจ์ กล่าวผ่านคอลัมน์ของเขาใน ไอริช อินเดเพนเดนท์ สื่อของประเทศาธารณรัฐไอร์แลนด์ว่า “มาเน่ เป็นเพียงนักเตะที่คนยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในตอนที่ ลิเวอร์พูล คว้าตัวเขามาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2016 ถึงแม้ว่าเขาจะมีความเร็วที่ยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ คล็อปป์ กับทีมสตาฟฟ์ของเขาก็ฝึกเขาเป็นอย่างดีจนทำให้เขากลายเป็นจอมถล่มประตูชั้นยอดในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา”

    “เขาเป็นคนที่มีลุ้นทำประตูให้ทีมได้ทุกเมื่อเหมือนกับ ซาลาห์ ไปแล้ว และถ้า ลิเวอร์พูล ตัดสินใจที่จะขายใครสักคน พวกเขาก็น่าจะมีค่าตัวเกิน 100 ล้านปอนด์แบบสบายๆ แต่แน่นอนว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นน่ะนะ! (หมายถึงเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ไม่มีวันประกาศขายทั้งคู่)”

post

“สเปอร์ส” คืนฟอร์มโหด!! เปิดบ้านไล่ถล่ม “คริสตัล พาเลซ” ยับ 4-0

Football-118

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดบ้านไล่ถล่ม คริสตัล พาเลซ 4-0

โดยเกมนี้ครึ่งแรกเจ้าบ้านได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 จาก ซน เฮือง-มิน นาทีที่ 10 และได้หนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ แพทริค ฟาน อานโฮลต์ สกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง นาทีที่ 21 จากนั้นไม่นาน สเปอร์ส ยิงเพิ่มอีกเป็น 3-0 จากการวอลเลย์สุดสวยของ ซน เฮือง-มิน นาทีที่ 23 และเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ ต่อมา สเปอร์ส มาได้ประตูเพิ่มอีกลูก จาก เอริก ลาเมลา นาทีที่ 42 จบครึ่งแรก สเปอร์ส นำ คริสตัล พาเลซ 4-0

ครึ่งหลัง แม้ทาง คริสตัล พาเลซ ที่มีโอกาสจากจังหวะโหม่งลูกเตะมุมของ แกรี เคฮิลล์ แต่บอลไปติดเซฟของ อูโก โยริส และจนหมดเวลาไม่มีฝ่ายไหนทำประตูได้

จบเกม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดบ้านเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 4-0 ทำให้ สเปอร์ส มี 8 คะแนน อยู่อันดับที่ 3 ของตาราง ส่วน คริสตัล พาเลซ มี 7 คะแนนเท่าเดิม หล่นมาอยู่อันดับที่ 11 ของตาราง

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

สเปอร์ส : อูโก้ โยริส – แซร์ช โอริเย่ร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ทองเก้น, แดนนี่ โรส – มูสซ่า ซิสโซโก้, แฮร์รี่ วิงค์ส – เอริก ลาเมล่า, ซน ฮึง-มิน, คริสเตียน เอริคเซ่น – แฮร์รี่ เคน

คริสตัล พาเลซ : บิเซนเต้ กวาอิต้า – โจเอล วอร์ด, แกรี่ เคฮิลล์, มามาดู ซาโก้, พาทริค ฟาน อานโฮลท์ – แอนดรอส ทาวน์เซนด์, ลูก้า มิลิโวเยวิช, เชคู กูยาเต้, เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ – วิลฟรีด ซาฮา, จอร์ดาน อายิว

Football-119
Football-120
Football-121
Football-122
Football-123
Football-124
post

“แทมมี่” ซัดแฮตทริก!! “เชลซี” ฟอร์มโหดบุกถล่ม “วูล์ฟ” พังคาบ้าน 5-2

Football-100

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เปิดบ้านแพ้ เชลซี 2-5

โดยเกมนี้  เชลซี ยิงออกนำไปก่อน 0-1 จากจังหวะยิงไกลของ ฟิกาโย โทโมรี นาทีที่ 30 ต่อมาทีมเยือนหนีห่างเป็น 0-2 จาก แทมมี อับราฮัม นาทีที่ 34 และ แทมมี อับราฮัม คนเดิมยิงซัดเพิ่มอีกประตู นาทีที่ 41 ให้ เชลซี นำ วูล์ฟส์ 0-3 และจบด้วยสกอร์นี้ในครึ่งแรก

ครึ่งหลัง เชลซี ได้ประตูที่ 4 จากจังหวะที่ อับราฮัม ในนาทีที่ 56 และเป็นแฮตทริกของกองหน้าดาวรุ่งชาวอังกฤษนี้ด้วย เชลซี หนีห่าง วูล์ฟส์ 0-4 แต่เจ้าบ้านมาได้ประตูตีไข่แตก 1-4 จาก โรแม็ง ซาอิสส์ นาทีที่ 69 และไล่มาเป็น 2-4 ในนาทีที่ 85 จาก แพทริค คูโตรเน แต่ว่า เชลซี มาได้ประตูปิดท้ายเป็น 2-5 จาก เมสัน เมานท์ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

จบเกม เชลซี บุกไปเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 5-2 ทำให้ เชลซี มี 8 คะแนน จากการลงสนาม 5 นัด อยู่อันดับที่ 6 ของตาราง ส่วน วูล์ฟแฮมป์ตัน มี 3 คะแนน จากการลงสนาม 5 นัด หล่นมาอยู่อันดับที่ 19 ในลีก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

วูล์ฟแฮมป์ตัน : รุย ปาตริซิโอ – อดาม่า ตราโอเร่, เฆซุส บาเยโฆ, คอเนอร์ เคาดี้, เลอันเดร์ เดนดองค์เกอร์, จอนนี่ กาสโตร – ชูเอา มูตินโญ่, รูเบน เนเวส, โรแม็ง ซาอิสส์ – ราอูล ฮิเมเนซ, ดีโอโก้ โชต้า

เชลซี : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ฟิกาโย โทโมรี่ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ – เมสัน เมาท์, วิลเลี่ยน – แทมมี่ อับราฮัม

Football-101
Football-102
Football-103
Football-104
Football-105
Football-106
Football-107
Football-108
post

“แรชฟอร์ด” ซัดโทษคว้าชัย!!! “แมนฯ ยู” เปิดบ้านเฉือนชนะ “เลสเตอร์ ซิตี้” 1-0 ขยับไปรั้งอันดับ 4 ของตาราง

Football-94

ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด สเตเดี้ยม เฉือนเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 1-0

โดยเกมนี้ครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจุดโทษจังหวะที่ ชักลาร์ โซยุนซู ไปทำฟาวล์ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในเขตโทษ ผู้ตัดสินดูภาพจาก VAR และชี้ให้เป็นจุดโทษก่อนที่ แรชฟอร์ด จะสังหารเองไม่พลาด นาทีที่ 8 จากนั้นนาทีที่ 30 เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะยิงไกลของ เบน ชิลเวลล์ แต่ ดาบิด เด เคอา นายทวารมือกาวพุ่งปัดทิ้งข้ามคานไปได้ จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด นำ 1-0

ครึ่งหลัง เลสเตอร์ ซิตี้ พยายามเร่งเครื่องตีเสมอ โหมบุกแต่เจาะไม่เข้า ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสลุ้นบวกสกอร์เพิ่มเหมือนกัน แต่ไม่มีประตูเกิดขึ้น

จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเฉือนชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ขยับไปรั้งอันดับ 4 ชั่วคราวมี 8 คะแนนจาก 5 นัด ส่วน เลสเตอร์ ซิตี้ มี 8 แต้มเท่าเดิมและแพ้เป็นเกมแรกของฤดูกาล

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา – อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, แอชลี่ย์ ยัง – เนมานย่า มาติช (เฟร็ด น.67), สกอตต์ แม็คโทมิเนีย์ – อันเดรส เปไรร่า, ฆวน มาต้า (ทาฮิธ ชอง น.70), ดาเนี่ยล เจมส์ (อักเซล ดวนเซเบ่ น.90+1) – มาร์คัส แรชฟอร์ด

เลสเตอร์ ซิตี้ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – ริคาร์โด้ เปเรยร่า, จอนนี่ อีแวนส์, คากลาร์ โซยุนคู, เบน ชิลเวลล์ – วิลฟรีด เอ็นดิดี้ – เดมาไร เกรย์ (ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ น.68), ยูริ ตีเลม็องส์, ฮัมซา ชาวด์รี่ (อาโยเซ่ เปเรซ น.57), เจมส์ แมดดิสัน – เจมี่ วาร์ดี้

Football-95
Football-96
Football-97
Football-98
Football-99